ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 746

บทที่ 746 ซูอู๋ซินบุกเข้าวังเฟิ่ง

ตอนที่ซูอู๋ซินออกมา สองสามีภรรยากำลังนอนหลับ ขณะที่นั่นอยู่ก็ผล็อยหลับไป

ตอนนี้มังกรไฟได้เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อยแล้ว

เขาเห็นซูอู๋ซินทำความเคารพเขา แต่เป็นเพราะไม่อยากส่งเสียงดังจนทำให้อันหลิงหยุนและกงชิงวี่ต้องตื่นขึ้น เขาจึงไม่พูดอะไร ส่วนคนอื่นๆก็กำลังคุกเข่าอยู่

ตอนนี้ซูอู๋ซินอยู่ในชุดสีดำ เส้นผมได้ผ่านการหวีจนเรียงเส้นสวยเรียบร้อยแล้ว เข็มขัดหยกบริเวณเอวมีหยกสองสามเม็ดประดับอยู่ด้วย

เมื่อมองดูทั้งสองคนอยู่สักพัก ซูอู๋ซินก็พูดขึ้นว่า : “ตั้งสำรับ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

สวีกงกงรีบลุกขึ้น กงชิงวี่ลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองซูอู๋ซิน แล้วหันไปมองอันหลิงหยุนที่กำลังนอนหลับอยู่ จึงโน้มตัวลงแล้วอุ้มนางขึ้นไว้วางบนเตียง ห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงลงมาจากเตียง

“อ๋องเซ่เจิ้ง ?”

กงชิงวี่เดินเข้าไปหาซูอู๋ซิน ขณะที่ซูอู๋ซินกำลังมองพิจารณาอยู่นั้นก็ขมวดคิ้ว : “สำหรับข้าเองก็ไม่ได้พอใจเจ้าสักเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อหยุนหยุนชอบเจ้า ข้าเองก็ขอสนับสนุนเจ้า เพียงแต่ประเทศต้าเหลียงนั้นยากจนเกินไป ข้าไม่อยากให้หยุนหยุนต้องอยู่ที่นั่นนาน ยังดีที่เจ้าเป็นอ๋อง ไม่ได้เป็นฮ่องเต้”

“ข้าไม่อาจจากประเทศต้าเหลียงได้ ท่านตัดใจเสียเถิด”

กงชิงวี่ปฏิเสธอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ ซูอู๋ซิยยืนพิจารณาแล้วยิ้มออกมา : “เจ้าไม่ได้รักนางขนาดนั้น”

“รักนางกับรักประเทศต้าเหลียงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องของพวกเราสองสามีภรรยา คนนอกไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง”

“ก็ไม่เสมอไปหรอก ต้องดูว่าคนผู้นั้นเป็นใคร”

แววตาของซูอู๋ซินยังคงเรียบเฉย แต่กลับยิ้มออกมาอย่างพอใจในตัวกงชิงวี่อย่างมาก เขาไม่ชอบผู้ชายที่อ่อนแอ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ชอบผู้ชายที่ไม่มีความมั่นคง

คำพูดของกงชิงวี่นั่นทำให้เขารู้สึกชอบมาก รักลูกของเขากับรังประเทศต้าเหลียงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน

อาหารจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ซูอู๋ซินไปดูอันหลิงหยุน ยืนดูอยู่ข้างๆอยู่นานสองนาน : “หยุนหยุน”

กงชิงวี่หันมองไป พอจะเข้าใจความรู้สึกได้ หากเขามีลูกสาวสักคน เขาก็คงเป็นแบบเดียวกัน

สักพักใหญ่กว่าอันหลิงหยุนจะตื่นขึ้นมา : “ท่านอ๋องล่ะ ?”

ซูอู๋ซินหันกลับไปมองกงชิงวี่ ครุ่นคิดอยู่สักครู่ แล้วพูดว่า : “เขาอยู่ข้างล่าง ข้ากำลังจะจัดการกับเขา”

เมื่ออันหลิงหยุนได้ฟังก็หน้าถอดสี แล้วจึงลุกขึ้นมานั่ง : “ท่านห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาด”

“แล้วถ้าหากทำร้ายไปแล้วล่ะ ?”

“หากไม่ชดใช้ ท่านก็จะต้องเจ็บแบบเดียวกัน !” อันหลิงหยุนลุกขึ้นยืน ความรู้สึกที่เขามีต่อซูอู๋ซินกับแม่ทัพอันนั้นไม่เหมือนกัน เหมือนกับร่างเดิม ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่ออกมา ร่างเดิมนั้นไม่อาจทำใจยอมรับซูอู๋ซินเป็นพ่อได้ ร่างเดิมยอมรับก็เพียงแต่แม่ทัพอันเท่านั้น

นางเองก็เช่นกัน ซึ่งแม้นางจะรู้สึกชอบเล็กน้อยที่มีซูอู๋ซินผู้นี้เป็นพ่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับได้แล้ว

ซูอู๋ซินยิ้ม : “เจ้าเหมือนกับเสด็จแม่ของเจ้า เป็นคนอารมณ์ร้อน เขาอยู่ข้างล่าง กินข้าวเรียบร้อยแล้ว”

เมื่อซูอู๋ซินพูดจบก็หันหลังเดินลงไปข้างล่าง แล้วจ้องมองกงชิงวี่ที่นั่งใจลอยอยู่ จากนั้นจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อปลากิน

เมื่ออันหลิงหยุนลงมาข้างล่างก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก ขึ้นไม่ถึงว่าจะถูกหลอกได้ง่ายเช่นนี้

นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ค่อนข้างซับซ้อน จึงรู้สึกไม่ชินนัก จึงดึงปิ่นปักผมที่อยู่บนหัวออก และถอดเสื้อตัวที่สวมอยู่ด้านนอกออกเหลือเพียงแค่เสื้อตัวในแล้วจึงนั่งลง

กงชิงวี่นั่งลงอีกด้านหนึ่ง ทั้งสามกินอาหารเที่ยงร่วมกัน

ระหว่างมื้ออาหารมื้อนี้ อันหลิงหยุนไม่ได้ยินซูอู๋ซินพูดอะไร เขามัวแต่คีบอาหารให้อันหลิงหยุน แต่อันหลิงหยุนรู้สึกแปลกใจตรงที่สิ่งที่เขาคีบให้นั้นล้วนเป็นสิ่งที่นางชอบ

อันหลิงหยุนกินอิ่มก็ลุกขึ้นแล้วหันมองมังกรไฟ : “เจ้ากินหรือยัง ?”

มังกรไฟเตรียมที่จะคุกเข่าลง แต่อันหลิงหยุนประคองเขาเอาไว้ : “เจ้าไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ร่างกายเพิ่งจะหายดี ไม่ต้องมากพิธีหรอก”

“ขอบพระทัยพระชายา” มังกรไฟหันมองอันหลิงหยุนด้วยความอาย อันหลิงหยุนรู้สึกขำ

“เจ้ากินแล้วหรือยัง ?”

ระหว่างทางกงชิงวี่ไม่มีเวลาแม้แต่จะพูด หากเขาไม่รีบเร่งฝีเท้าก็จะรั้งท้ายอยู่ด้านหลัง

ซูอู๋ซินอายุสี่สิบปีแล้ว เขาซึ่งอายุเพียงแค่ยี่สิบแต่กลับตามไม่ทันเขา เช่นนั้นคงจะน่าขายหน้า

ม้าสองตัวเดินทางข้ามวันข้ามคืน ยังไม่ทันจะถึงสามวันก็มาถึงพรหมแดนระหว่างประเทศเฟิ่งและหนานอี้

เฟิงอู๋ฉิงได้รับข่าวจากนกพิราบสื่อสารนานแล้ว เมื่อซูอู๋ซินมาถึงจึงไม่ได้ขัดขวาง แต่เปิดประตูเมืองให้เดินทางเข้าไป

ตอนนี้เอง อันหลิงหยุนเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า มีพ่อที่ยิ่งใหญ่นั้นน่ายินดีแค่ไหน

ไม่ต้องพุดถึงประเทศต้าเหลียง เกรงว่าทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางก็สามารถเดินทางได้สะดวกโดยไม่มีอะไรมาขัดขวาง

ม้าเร็วของทั้งสามคนวิ่งเข้าไปในประเทศเฟิ่ง จนในที่สุดก็มาถึงด้านนอกวังหลวงของประเทศเฟิ่ง

เดิมทีอันหลิงหยุนคิดว่าซูอู๋ซินจะเข้าวังในช่วงกลางดึก แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขามาถึงประตูวัง ก็เรียกให้คนเข้าไปรายงานว่าอ๋องเซ่เจิ้งแห่งหนานอี้ ซูอู๋ซินมาถึงแล้ว

ทหารรักษาประตูตกตะลึง ยังพยายามที่จะจับกุมตัวซูอู๋ซินเอาไว้ แต่ความน่าเกรงขามของซูอู๋ซินทำให้เขาไม่กล้าที่จะผลีผลาม ภายหลังจึงกลับไปรายงาน แล้วอ๋าวชิงก็ออกมา

“ท่านก็คือซูอู๋ซิน ?” อ๋าวชิงแต่งกายด้วยชุดสีแดง ในมือถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม แววตาเชือดเฉือนเหมือนดั่งมีด ไม่เหมือนกับอ๋าวชิงที่อันหลิงหยุนเห็นในคืนนั้นเลยแม้แต่น้อย วันนี้อ๋าวชิงแผ่รังสีของนักฆ่าออกมา ทำให้ไม่อาจประมาทได้

ซูอู๋ซินหันมองอ๋าวชิง มองพิจารณาดูเพียงเล็กน้อย แล้วพูดว่า : “หลีกไป ในเมื่อเจ้าเป็นคนสนิทของนาง ข้าไม่มีทางทำร้ายเจ้าแน่นอน แต่ถ้าหากเจ้าอยากจะตายล่ะก็ ข้าก็จะช่วยลงมือสงเคราะห์ให้”

อันหลิงหยุนยืนอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยความรู้สึกหดหู่ ชายผู้นี้หยิ่งทระนงอยู่ตลอดเวลา เห็นอยู่ชัดๆว่าคิดที่จะมาแย่งคน แต่เขาพูดเหมือนกับว่ามามอบความเมตตากรุณาให้ก็ไม่ปาน

อ๋าวชิงรู้สึกขำ : “หากข้าฆ่าท่านตอนนี้ ฝ่าบาทก็ไม่มีทางรู้ ฝ่าบาทก็ยังเป็นของพวกเราอยู่”

“อย่างนั้นหรือ ?”

ซูอู๋ซินยิ้มอย่างอ่อนโยน : “แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่า ฝ่าบาทของพวกเจ้าไม่รู้ว่าข้ามาแล้ว ?”

อ๋าวฉิงนิ่งไปชั่วขณะ แล้วหันกลับไปมองด้านหลังทันที ฮ่องเต้หญิงเสด็จออกมาจากในวังแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน