ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 762

บทที่ 762 พิณฝูโหยวและดาบจูซิน

โลงศพนี้ใหญ่พอที่จะนอนได้สองคน

อันหลิงหยุนมองอย่างละเอียด “ สตรีคนนี้ตอนถูกฝังได้ตายไปแล้ว มือของนางถูกตรึงเอาไว้ แต่มือของนางแข็งเล็กน้อยแสดงว่านางตายแล้ว ส่วนบุรุษคนนั้นต่างออกไป เขาน่าจะมาที่นี่ในภายหลัง ท่านมองที่มือของเขาก็จะเข้าใจ เล็บของเขายาวมากมันน่าจะเป็นเพราะในช่วงหนึ่งเขาได้อาศัยอยู่ที่นี่หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ตาย ”

อันหลิงหยุนสำรวจอย่างละเอียด รอบๆโลงศพนั้นมีของอยู่มาก มีเหมือนกับสิ่งของที่สตรีชอบใช้เป็นประจำในชีวิต นอกจากนี้ยังมีหมอนลายนกเป็ดน้ำคู่หนึ่ง เนื่องจากที่นี่ได้รับการดูแลรักษาไว้ค่อนข้างดี ดังนั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

“ ท่านอ๋อง นี่ดาบเพคะ ” อันหลิงหยุนชี้ไปที่อีกฝั่งนึง ด้านหลังของชายคนนั้นมีดาบวางขวางไว้อยู่เพราะมันบาง

กงชิงวี่ก้มตัวลงไปหยิบดาบขึ้นมา ดูเป็นดาบธรรมดาแต่ทันทีที่เขาขยับดาบก็ส่งเสียงร้องคล้ายมังกรออกมา

อันหลิงหยุนสะดุ้งเฮือก กงชิงวี่ได้นำดาบมาแขวนไว้ที่เอวของนาง ทำให้ดาบนั้นสงบลง

อันหลิงหยุนมองต่อไปเรื่อยๆจนพบว่ามีมุมโบราณอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนั้น อันหลิงหยุนก้มตัวลงมาดูและพบว่ามันคือพิณเจ็ดสาย

อันหลิงหยุนสูดลมหายใจ “ ท่านอ๋องเป็นพิณเพคะ ”

“ อืม ”

กงชิงวี่หยิบคบไฟขึ้นมา อันหลิงหยุนโอบกอดและบรรเลงพิณเบาๆ เสียงพิณที่ก้องกังวานขึ้นลงสูงต่ำนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและไพเราะจับใจ

กงชิงวี่เอ่ยว่า “ เจ้าเอามันไปเถอะ ”

อันหลิงหยุนมองพิณ “ ท่านอ๋องไม่รู้สึกเลยหรือเพคะว่าหม่อมฉันมิควรนำมันออกไป ”

“ หากเจ้าชอบก็เอามันไปเถอะ……ให้ทุกอย่างดำเนินไปในสิ่งที่ควร ”

กงชิงวี่ก็มองเข้าไปในโลงศพและกล่าวว่า “ ขอบพระทัยทั้งสองพระองค์สำหรับของขวัญอันล้ำค่านี้ ” พูดจบกงชิงวี่ก็ปิดฝาโลงแล้วหันไปเก็บกล่องดาบเข้าไปในกล่องอีกใบ และดันโลงศพเข้าที่จากนั้นก็พาอันหลิงหยุนออกไป

ทั้งสองก้าวออกไปอย่างรวดเร็วและไม่นานก็ออกมาถึงด้านนอก

“ ไปเถอะ ” เฟิงไป๋ซูมองพิณในอ้อมกอดของอันหลิงหยุนก่อนที่จะเดินออกไป

เมื่อทั้งสี่ออกไปประตูของสุสานหลวงก็ปิดลงและทุกคนก็ไปจากที่นั่น

เมื่ออันหลิงหยุนเดินทางถึงป่าอีกด้าน จึงรอดูว่าซูอู๋ซินจะผ่านไปได้อย่างไร ซูอู๋ซินพึมพำอะไรบางอย่างทำให้งูทั้งหมดพากันเลื้อยออกไปจนเหลือแค่ไม่กี่ตัว

เมื่อถึงริมฝั่งแม่น้ำซูอู๋ซินก็ยังคงพึมพำอะไรบางอย่าง จากนั้นก็โอบประคองเฟิงไป๋ซูข้ามไปอีกฝั่งของแม่น้ำอย่างรวดเร็ว

กงชิงวี่เองก็โอบกอดอันหลิงหยุนจากด้านหลังอย่างแนบชิดแล้วพาข้ามฝั่งไป หลังจากมาถึงป่าของอีกฝั่ง ปลาทั้งหลายก็มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อกงชิงวี่ ซู๋อู๋ซินจึงเร่งการเดินทาง กงชิงวี่ที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวฉับๆตามไปไม่ห่าง

เมื่อทั้งสองมาถึงโรงหมอก็เป็นเวลาฟ้าสางแล้ว

ซูอู๋ซินกวาดสายตามองบนร่างกายและมองไปทางกงชิงวี่ “ ดาบจูซินดูเหมือนไม่มีพิษภัยแต่พลังอำนาจนั้นร้ายกาจเกินต้านทาน ดาบของข้านี้คือดาบอู๋ซิน และเป็นดาบคู่กับดาบจูซิน ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดจะหยิบดาบจูซินออกมาหากแต่ไม่สามารถนำออกมาได้นั่นทำให้ข้าคิดหาวิธีมาตลอด ดูเหมือนว่าชะตาของพวกเจ้าได้ถูกลิขิตไว้แล้วและมันของพวกเจ้า

พลังของพิณนี้ก็ไม่ควรที่จะดูเบา นางเรียกพิณนี้ว่าพิณฝูโหยว

และอีกพระนามหนึ่งของจักรพรรดินีจงหลีคือฝูโหยว ตามที่เล่าสืบต่อกันมานางเคยตกหน้าผา และด้านล่างของหน้าผานั้นมีหมู่บ้านที่เรียบง่าย และหมู่บ้านนั้นมีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่งและนายน้อยของตระกูลนี้คือเฟิงจ้ายเทียน

ทั้งสองได้พบเจอกัน จงหลีกลัวว่าจะมีคนรู้ว่านางเป็นใครจึงโกหกว่านางนั้นชื่อฝูโหยว

ความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อยๆเจริญงอกงามจนกลายมาเป็นคู่สามีภรรยา

ในคืนเดียวกันนั้นฝูโหยวได้เล่าสิ่งที่นางเคยพบพานมาในชีวิต จากนั้นทั้งสองก็จากหมู่บ้านเพื่อเดินทางตามล้างแค้นศัตรู ในช่วงเวลานี้ได้ทั้งสองได้มีช่องว่างระหว่างกัน ผลก็คือทำให้ฝูโหยวเกือบจะแต่งงานใหม่ เพื่อระลึกถึงความผิดพลาดในครั้งนี้เฟิงจ้ายเทียนจึงได้ทำพิณฝูโหยวและยังได้แต่งบทเพลงแห่งความคิดปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้นเพื่อต่อต้านทรราชผู้ชั่วร้าย แต่ทว่าบทเพลงนั้นก็ได้หายสาบสูญไป ”

อันหลิงหยุนก้มมองพิณฝูโหยวในอ้อมแขน นางชอบมันมากเหลือเกิน

“ ขอบพระทัยเสด็จพ่อสำหรับของสิ่งนี้เพคะ ”

“ เจ้าต้องขอบพระทัยจักรพรรดินีที่ทรงเมตตาพระราชทานสิ่งเหล่านี้และดาบเล่มนี้ให้แก่เจ้า ”

ซูอู๋ซินกำลังจะมอบดาบอู๋ซินให้กับอันหลิงหยุน แต่นางก็ปฏิเสธ

“ ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งนี้เพคะ ตัวข้านั้นชอบพิณฝูโหยว ดาบอู๋ซินจะมีคุณประประโยชน์ก็ต่อเมื่ออยู่ในพระหัตถ์ของเสด็จพ่อ แต่มันจะไร้ค่าเมื่ออยู่ในมือของข้า ”

ซูอู๋ซินจึงเก็บดาบลงไป “ เนื่องจากเจ้าไม่ต้องการ เช่นนั้นก็เก็บมันไว้ที่นี่ หากวันใดเจ้าต้องการก็ให้กลับมาเอา ”

“ ช่างโอ้อวดตนยิ่งนักนะเพคะ ”

กงชิงวี่ทำหน้าน้อยใจ พลางมองไปที่อันหลิงหยุนแล้วทำการปลดเสื้อผ้าของตนและลุกขึ้น……

อันหลิงหยุนถามในขณะที่นางเองก็ให้ความร่วมมือ “ อย่างที่ท่านพูด จงอ๋องไม่กล้ากลับมาที่ประเทศเฟิ่งเพราะกลัวจักรพรรดินี เสด็จพ่อเองก็กำลังเดินทางมาถึงในเร็ววันนี้ แต่เขายังไม่รีบเดินทางออกจากประเทศเฟิ่งอีกหรือเพคะ ”

“ ใช่ ”

“ ถ้าเช่นนั้นข้าจะหาทางให้เขาออกจากประเทศเหลียง หากเขาต้องการอยู่ที่ประเทศเหลียงก็อย่าให้เขาได้ออกจากประเทศเหลียง ”

“ และอีกไม่นานเขาก็จะตายในประเทศเหลียง ”

“ …… ”

ทั้งสองเข้านอนดึกแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ยังออกไปตรวจอาการป่วย อันหลิงหยุนอยู่ที่โรงหมอ ส่วนกงชิงวี่นั้นก็ออกไปทำธุระด้านนอก

วันนี้ซุนอู๋ซินได้เดินผ่านไป ซึ่งที่ปกติจะชักช้าพิรี้พิไร

องครักษ์ควรจะต้องกลับมาในตอนเช้า แต่หลังเที่ยงผ่านไปก็ยังไม่กลับมา อันหลิงหยุนจึงออกไปตามหากงชิงวี่เมื่อเห็นว่ายังไม่มีใครกลับมา

ด้านกงชิงวี่เองก็คาดไม่ถึงว่าจะโดนขอให้มาที่ศาลเพื่อทำคดีหนึ่ง เขายืนอยู่ในห้องโถงของศาลอย่างเบื่อหน่าย สองในสามส่วนของคนที่นี่เป็นสตรีและพวกนางก็กำลังจ้องมองเขาอยู่

อ๋าวชิงที่อยู่ใกล้กับกงชิงวี่เองก็เช่นกัน ทั้งสองเลยตกเป็นจุดสนใจ

อ๋าวชิงเป็นคนของจักรพรรดินี มีไม่กี่คนที่วิจารณ์แต่เขานั้นต่างออกไป ผู้คนจำนวนมากจึงต่างให้ความสนใจเขา

หลายคนคิดว่าอาจจะเป็นเพราะองค์รัชทายาททรงเบื่อหน่ายหรือเป็นสิ่งที่ทรงพระราชทานเป็นรางวัลลงมา

“ ทูลฝ่าบาท พระอาญามิพ้นเกล้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในร้านของช่างตีเหล็ก และตอนนี้ช่างตีเหล็กได้ตายแล้ว แต่สามีของนางกลับบอกว่าไม่รู้เรื่อง อย่างไรก็ตามได้มีการตรวจสอบแล้วว่าคนคนนั้นโดนวางยาพิษจนตายและพิษนั้นก็คือสารหนู

น้องสาวของช่างตีเหล็กได้ให้การว่าสามีของช่างตีเหล็กทำร้ายคนอื่น แต่ช่างตีเหล็กไม่ยอมรับ ตอนนี้เรื่องนี้ได้ทำการตรวจสอบเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว และหลายคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างมาก จึงส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ”

เจ้าหน้าที่หญิงคนนี้คือนางในคนหนึ่ง อายุสิบแปดปี นางเป็นคนมีความสามารถ แต่เรื่องนี้ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าใครคือฆาตกร หากยังคงดำเนินเรื่องเช่นนี้ต่อไป จะเป็นการกระตุ้นความคับข้องใจของประชาชน จากนั้นเรื่องนี้จึงมาถึงศาล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน