ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 856

บทที่ 856 สามีภรรยาน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

อันหลิงหยุนคิดไม่ถึงว่า ฮ่องเต้ชิงหยินกับหยุนโล่ชวนจะมา เดิมทีนางก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ทั้งสองคนมาได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว กงชิงวี่เพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน พวกเขาก็มากันแล้ว

ในเวลานั้น กงชิงวี่กำลังอุ้มเจ้าห้าเดินไปเดินมา นางยังไม่ได้บอกเรื่องที่ฮ่องเต้หนานอี้กำลังมาที่นี่ให้เขารู้เลย

แต่เมื่อดูสถานการณ์ในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟาง ก็ไม่มีการเตรียมบรรดาอาวุธ ยุทโธปกรณ์เพื่อการสงครามอะไร จึงไม่ได้รู้สึกกังวลใจมากนัก

หยุนโล่ชวนกังวลใจแทบตายแล้ว นางเอาแต่พาท้องโต ๆ ของตัวเองเดินวนเวียนไปมาอยู่ตรงหน้าอันหลิงหยุนไม่หยุด พูดว่าตระกูลกู่ชักจะมากเกินไปแล้ว ยังพูดด้วยว่าพวกลูกผู้ลากมากดีไม่มีสมองในเมืองหลวง สมควรโดนปฏิรูปใหม่สักยกจริง ๆ อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว อะไรก็ไม่รู้จักทำ ถ้าไม่ไปเสเพลอยู่ย่านเริงรมย์ ก็ไปหาเรื่องวิวาทรังแกชาวบ้านไปวัน ๆ

ฮ่องเต้ชิงหยินประทับนั่งอยู่อีกด้าน ยังคงนิ่งเงียบไม่เอื้อนเอ่ยวาจา

อันหลิงหยุนกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา และยังไม่ได้สังเกตเห็นด้วยว่า มันเกิดอะไรขึ้น

พูดไปพูดมาหยุนโล่ชวนก็เปิดประเด็นขึ้นว่า "แต่ควรจะให้ใครไปจัดการเรื่องนี้ดีล่ะเพคะ?"

อันหลิงหยุนหันไปมองหยุนโล่ชวน เกิดรู้สึกขึ้นมาว่า หยุนโล่ชวนเป็นคนที่มีท่วงท่างดงามสง่าสมกับการเป็นมารดาของแผ่นดินแล้วจริงๆ

“ฝ่าบาท ถ้าให้ตงเอ๋อเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ท่านทรงคิดว่าเป็นอย่างไรเพคะ?” หยุนโล่ชวนใช้คนโดยไม่หวงแม้แต่น้อย

กงชิงหยินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: "ตงเอ๋อดูจะไม่เหมาะ เรื่องนี้ถ้าหากมอบหมายให้เว่ยหลิงชวนจัดการน่าจะดีกว่า"

"เช่นนั้นหรือเพคะ?" หยุนโล่ชวนก็รู้สึกพึงพอใจอยู่ไม่น้อย ส่งสายตาชื่นชมไปให้กงชิงหยิน ฝ่ายกงชินหยินเองก็รู้สึกภูมิใจมากเช่นกัน ช่วงนี้ความมั่นใจในตัวเองของเขา ยิ่งนับวันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วด้วย

การตัดสินใจหลายอย่างของเขา ขอเพียงยึดตามความคิดของตัวเองแล้วตัดสินออกมา ก็จะได้รับคำชื่นชมและกำลังใจอยู่เสมอๆ เขาชอบอะไรอย่างนี้มากจริงๆ

"ให้เว่ยหลิงชวนรับผิดชอบได้ก็จริง แต่เขาไม่มีคนข้างตัวจึงไม่น่าจะไหว นิสัยเขาเป็นคนค่อนข้างขี้ขลาด ทั้งยังจิตใจลังเลไม่เด็ดขาด ออกจะขวัญอ่อนไปเสียหน่อยอีกด้วย" หยุนโล่ชวนพูดขึ้นมาอีกครั้ง

ในจวนกั๋วกงนั้น กงชิงหยินมักถูกทุกคนละเลย ถูกมองข้ามอยู่เสมอ ๆ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเว่ยหลิงชวนผู้นี้นี่ล่ะ มาตอนนี้ถึงตาเว่ยหลิงชวนนั่น ต้องโดนหยุนโล่ชวนพูดต่อว่าเสียจนแทบจะกลายเป็นคนไร้ค่าไร้ราคาขนาดนี้ ชั่วเวลานั้น ใจเขาพลันรู้สึกเปรมปรีดิ์มีความสุขขึ้นมากทีเดียว

"เช่นนั้นชวนเอ๋อเห็นว่าอย่างไรจึงจะเหมาะสมล่ะ?" กงชิงหยินถามอย่างสงบนิ่ง

หยุนโล่ชวนใช้ดุลพินิจ คิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง:“ตงเอ๋อไปกับเขาได้ แต่ชายหนึ่งหญิงหนึ่งไปทำงานกันตามลำพังดูจะไม่เหมาะ ให้อาหยู่ติดตามไปด้วยจะดีกว่า นอกจากนี้ตงเอ๋อยังถึงวัยที่ควรต้องแต่งงานออกเรือนได้แล้ว หากว่ายังไม่รีบหาสามีอีก ข้าก็กลัวว่าจะแก่เกินไปแล้วจริงๆ”

อันหลิงหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก นับว่าพูดถึงเรื่องสำคัญเสียที คล้ายมีความรู้สึกว่ากำลังรออยู่ที่นี่เพื่อจะคุยเรื่องนี้เลย

“อาหยู่เองก็สมควรจะหาผู้หญิงดีๆสักคนด้วยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตงเอ๋อจะถูกตาต้องใจอาหยู่บ้างหรือไม่ ข้าอยากจะช่วยเป็นแม่สื่อคุยเรื่องการแต่งงานให้อาหยู่”

อาหยู่ยืนตกตะลึงอยู่หน้าประตูเป็นนานสองนาน ค่อยหันไปมองตงเอ๋อ ตงเอ๋อก็หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายเช่นกัน

"ตงเอ๋อข้าไปถามให้เอง" หยุนโล่ชวนหันไปมองตงเอ๋อ : “ ตงเอ๋อ เจ้ายินดีหรือไม่?”

“ ข้ายินดีเพคะ” ตงเอ๋อก็นับว่าเป็นคนตรงๆ กล้าได้กล้าเสียคนหนึ่ง จึงไม่มัวสงวนท่าทีแม้แต่น้อย นางเอ่ยปากพูดออกมาที อันหลิงหยุนถึงกับหัวเราะชอบใจเลยทีเดียว

ตงเอ๋อหันไปถามอาหยู่ว่า: "เจ้ายินดีหรือไม่?"

อาหยู่รู้สึกผิดในใจเล็กน้อย แต่ก็ยังเอ่ยตอบไปว่า "ยินดี"

อันหลิงหยุนนึกขันขึ้นมาเสียแล้ว นี่มันเหมือนการบังคับซื้อขายอะไรกันสักอย่างเลย

อันหลิงหยุนเริ่มจะเหนื่อยแล้ว สุดท้ายทั้งสองคนก็ได้ตกลงหมั้นหมายกันเป็นที่เรียบร้อย จุดประสงค์ที่หยุนโล่ชวนต้องการมาทำในวันนี้ ก็บรรลุผลได้สำเร็จแล้วเช่นกัน

"พวกท่านกลับไปก่อนเถอะ ที่นี่คนเยอะ มันจะไม่ดี" แค่อันหลิงหยุนเห็นทั้งสองคน นางก็พาลเหนื่อยไปด้วยแล้ว

กงชิงหยินจึงลุกขึ้น พาหยุนโล่ชวนกลับวังไปพร้อมกัน

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกลับไปแล้ว อันหลิงหยุนจึงเอนหลังนอนต่อ กงชิงวี่อุ้มเจ้าห้าเดินไปพลางพูดไปพลางว่า : "ถ้าอาหยู่แต่งงาน ก็จำเป็นต้องซื้อบ้านเป็นของตัวเองแล้ว จะปล่อยให้อดีตทหารองครักษ์ มาอาศัยอยู่ในจวนอ๋องเสียนต่อไปไม่ได้"

อันหลิงหยุนก็รู้สึกเช่นกัน: "เป็นเช่นนั้นเพคะ อย่างไรก็ต้องเตรียมของขวัญอยู่แล้ว เช่นนั้นก็เตรียมเรือนหอดีกว่า ส่วนอย่างอื่นที่เหลือไม่เตรียมแล้ว ให้บ้านอาหยู่เป็นเรือนหอไปหลังหนึ่ง ถึงอย่างไรหน้าที่การงานของเขา ก็ยังคงทำอยู่ในจวนอ๋องเสียน เขาติดตามท่านอ๋องมาตั้งหลายปี ก็ควรจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง คงจะเพียงพอให้พวกเขานำออกมาใช้นะเพคะ "

"อื้ม"

กงชิงวี่อุ้มเจ้าห้าไปนั่งลงช้า ๆ เงยหน้าขึ้นมองผ่าน ๆ ที่ใบหน้าดวงนั้นของเฟิงอู๋ฉิง แล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา: "ตอนนี้เจ้าสำนักเฟิงใช้สถานะอะไรมาพูดกับข้าล่ะ?"

"แล้วมันต่างกันตรงไหน?" เฟิงอู๋ฉิงยืนไพล่มือทั้งสองข้างเอาไว้ด้านหลัง เผยสีหน้าดูถูกดูแคลนเต็มที่

อันหลิงหยุนรู้สึกเหมือนว่า บรรยากาศเริ่มจะเข้าสู่ความพร้อมทะเลาะวิวาทกันแล้ว

"ย่อมต้องต่างกันเป็นธรรมดา หากเป็นสถานะเจ้าสำนักเฟิง ข้ายังพอจะมองว่าทั้งหมดที่พูดมาเพราะเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ที่ทนเห็นหยุนหยุนต้องมารับผิดชอบอะไรมากมายขนาดนี้ไม่ไหว จึงต้องพูดอะไรเพื่อระบายโทสะออกมาบ้างก็เท่านั้น แต่หากเป็นสถานะของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งเมืองหนานอี้ล่ะก็ ข้าก็ต้องถือว่าเป็นศัตรู

หยุนหยุนเป็นภรรยาของข้า ใครก็ตามที่หาญกล้ามายุยงให้ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของเราต้องร้าวฉานแตกแยก สมควรต้องได้รับโทษ "

อันหลิงหยุนหันไปมองกงชิงวี่ ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธเข้าแล้วจริง ๆ ถึงได้ปล่อยไอสังหารออกมาจนบรรยากาศคุกรุ่นขนาดนี้

เฟิงอู๋ฉิงหันไปมองอันหลิงหยุนแวบหนึ่ง: "จะศัตรูก็ดี จะเพื่อนก็ช่าง อย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า หยุนหยุนเป็นมกุฏราชกุมารีแห่งเมืองหนานอี้ได้ เมื่อวันหนึ่งฮ่องเต้หนานอี้ไม่อยู่แล้ว นางก็จะต้องกลับไปอย่างเร่งด่วน ซึ่งสุดท้ายแล้วเรื่องนี้ เป็นอะไรที่เจ้าหลีกเลี่ยงมันไม่ได้

ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของพวกเจ้า ไม่ช้าก็เร็ว ย่อมจะต้องแยกจากกันอยู่ดี

มกุฏราชกุมารีแห่งเมืองหนานอี้ ต้องใช้ชีวิตโดยการถูกรังแกไม่เว้นแต่ละวันในต้าเหลียง หากว่าไม่ได้เห็นกับตาก็ยังพอจะแล้วไปได้ แต่มาตอนนี้ได้เห็นแล้วชัดๆ ขอถามหน่อยเถอะว่า เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร? "

ยิ่งเฟิงอู๋ฉิงพูดไป ก็ยิ่งมีท่าทีคุกคามแข็งกร้าวขึ้นทุกขณะ หากว่าอันหลิงหยุนยังไม่สนใจ เอาแต่เพิกเฉยต่อไป เช่นนั้นก็คงต้องถูกรังแกเข้าจริงๆแล้วเป็นแน่ จึงได้ลุกจากเตียงขึ้นมานั่ง

"เสด็จอาพูดเช่นนี้ออกจะเป็นการเถียงแบบข้าง ๆ คูๆ  ทำให้ท่านอ๋องของข้าลำบากใจไปหน่อยนะเพคะ ต่อให้ข้าเป็นมกุฏราชกุมารีแห่งหนานอี้จริง ๆ แล้วมันอย่างไรล่ะ สุภาษิตกล่าวไว้ว่า แต่งกับไก่ก็ต้องยอมตามไก่ แต่งกับหมาก็ต้องยอมตามหมา แต่งให้ท่านอ๋อง ก็ย่อมเป็นของเขา

ท่านอ๋องอยู่ที่ไหน ข้าก็ต้องอยู่ที่นั่น ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรพอจะเป็นความผิดให้วิจารณ์ได้

หากว่ากันตามที่เสด็จอาพูดมา ยามที่ฮ่องเต้หนานอี้ไม่อยู่แล้วจริง ๆ ข้าจำเป็นต้องกลับไปยังหนานอี้ เสด็จอาคิดจริง ๆ หรือเพคะ ว่าข้าจะยอมรั้งอยู่ที่หนานอี้ หรือจะไม่ยกหนานอี้ให้กับท่านอ๋องไป?

หนานอี้ก็เป็นเมืองที่มีรากฐานอันยาวนานมานับหลายพันปีแล้ว หากว่าข้าเกิดทำแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ เสด็จอาไม่นึกกลัวหรือเพคะ? "

กงชิงวี่ถึงกับส่งสายตาชื่นชมไปให้อันหลิงหยุนด้วยห้วใจพองโต แต่อันหลิงหยุนกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม เฟิงอู๋ฉิงกลับโกรธจนใบหน้าขาวซีดเผือดสีไปทั้งหน้าแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน