ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 858

บทที่ 858 ซูมู่หรงมาแล้ว

อันหลิงหยุนลุกขึ้นตบกล่อมเจ้าห้าในอ้อมแขนเบาๆ : "อาหยู่ คนในจวนหยุนกั๋วกงแต่ละคนๆ ล้วนไม่ใช่คนธรรมดาสามัญหรอกนะ แม้ว่าตงเอ๋อจะมีชาติกำเนิดเป็นสาวใช้ แต่อย่างไรนางก็เป็นคนตระกูลหยุน อีกทั้งตระกูลหยุนยามนี้ มีผู้ที่เป็นถึงฮองเฮาแล้ว ทั้งยังมีคนที่เป็นภรรยาของโจ่จงเจิ้นแห่งต้าจงเจิ้งย่วนอีก

เจ้าคิดว่าตัวเองมีสิทธิพิเศษอะไร ถึงได้ไม่ต้องเตรียมอะไร ไม่ต้องให้อะไรเจ้าสาวสักอย่าง ก็จะไปขอตงเอ๋อมาแต่งด้วยได้แล้ว? "

อาหยู่ถูกต่อว่าเสียจนพูดไม่ออกอยู่นาน จึงค่อยเอ่ยปากถามอย่างอึกอักออกไปว่า: "เช่นนั้นแล้ว ข้าจะยังกลับมาได้หรือไม่?"

“ถามอะไรไร้สาระ เจ้าต้องกลับมาอยู่แล้วสิ เจ้าเป็นองครักษ์ของจวนอ๋องเสียน กระทั่งเรื่องนี้เจ้าก็ยังลืมไปแล้วหรือ? เงินเดือนของเจ้าก็เป็นจวนอ๋องเสียนที่จ่ายให้ หลังแต่งงานไป เจ้าก็ต้องเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเองสิ เจ้าคงไม่ปล่อยให้ตงเอ๋อต้องเป็นฝ่ายหาเลี้ยงเจ้าหรอกนะ?”

อาหยู่คิดแล้วก็จริงตามนั้น อันหลิงหยุนพูดต่อไปว่า: "ไว้รอให้เจ้ามีบ้าน ก็คือมีครอบครัวของตัวเอง วันข้างหน้าหากลูก ๆ มีความสามารถ เก่งกาจสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ เจ้าก็จะถือเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่หากเจ้ายังอยู่ในจวนอ๋องเสียนล่ะก็ พูดให้ฟังดูดีหน่อยก็คือเป็นองครักษ์ พูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือคนรับใช้ หากวันหลังเจ้ากับตงเอ๋อมีลูก ก็ต้องถือว่าเป็นเด็กที่เกิดในเรือนเจ้านายที่เจ้าทำงานรับใช้ และการแต่งงานของเด็กที่เกิดในเรือนเจ้านาย ล้วนต้องขึ้นอยู่กับเจ้านายเป็นคนตัดสิน เจ้าต้องการแบบนั้นจริงๆน่ะหรือ?"

อาหยู่ได้ฟังดังนั้น ก็รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน : "ข้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้นพ่ะย่ะค่ะ"

“อาหยู่ เจ้าดูนายท่านถางสิ เขามีบ้านเป็นของตัวเอง เจ้าไม่อิจฉาเขาบ้างหรือ? ในอนาคตลูก ๆ ของนายท่านถาง อยากเป็นข้าราชการก็เป็นได้ อยากแต่งงานกับใคร ก็แต่งได้ทั้งนั้น ”

อาหยู่พลันพยักหน้าตอบรับรัวเร็ว: "ข้าอยากได้บ้านพ่ะย่ะค่ะ"

"อื้ม เช่นนั้นก็กลับไปเถอะ บ้านน่าจะซื้อได้ภายในสามเดือนนี้นี่ล่ะ อาหยู่ จวนอ๋องเสียนเราดูเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่มีหน้ามีตา แต่แท้ที่จริงกลับไม่ใช่ที่ที่มีเงินทองมากมายอะไร แค่พอซื้อบ้านให้เจ้าได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องเลือกมากมาย จู้จี้จุกจิกอะไรนักหรอกนะ

กลับไปดูๆว่าเจ้ามีที่ไหนที่พอใจบ้าง ถ้ามีแล้วก็มาบอกข้า แล้วข้าจะไปดูให้เจ้าเอง "

"พ่ะย่ะค่ะ" อาหยู่รับคำแล้วจึงจากไปก่อน หลังจากอาหยู่ไป อันหลิงหยุนจึงอุ้มเจ้าห้าไปเยี่ยมหาพวกพี่ชายทั้งหลายของเขา แล้วรวดแวะไปหาเฟิงอู๋ฉิงด้วยเลย

วันนี้กงชิงวี่ไปทำงานแล้ว ได้ยินมาว่าสามารถจับตัวพวกคนของราชนิกูลได้หลายคน หากยึดตามสถานการณ์เช่นนี้ต่อไป พวกผู้สมรู้ร่วมคิดในกลุ่มราชนิกูลเหล่านั้น นับจากนี้ไปไม่นานนัก ก็คงสามารถกำจัดทิ้ง ชนิดขุดรากถอนโคนจนหมดได้อย่างแน่นอน

พ่อบ้านเห็นอาหยู่ ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เจ้าหมอนี่เป็นพวกให้อะไรไปก็เสียเปล่าแท้ๆ ตอนไปก็สัญญาไว้เสียดิบดีว่า จะไปพูดโน้มน้าวให้พระชายาเสียนใจอ่อนได้แน่นอน

พระชายาเป็นใคร หากพูดจาชักจูงโน้มน้าวได้ง่ายขนาดนั้นจริง ท่านอ๋องยังจะกลัวนางอีกเรอะ!

พวกเด็ก ๆ ต่างกำลังเข้าเรียนกันอยู่ หวางหวยอันกำลังสอนหนังสือพวกเขา อันหลิงหยุนไม่อยากเข้าไปรบกวน จึงหมุนตัวไปหาเฟิงอู๋ฉิงแทน

เสี่ยวเฉียวเปิดประตู อันหลิงหยุนจึงเข้าไปนั่งลง เฟิงอู๋ฉิงกำลังนั่งอยู่บนพรมหนังเสือของเสี่ยวเฉียว แน่นอนว่าเขาชอบมันมาก แต่เสี่ยวเฉียวบอกว่า นี่เป็นของที่อันหลิงหยุนมอบให้ เฟิงอู๋ฉิงจึงรู้สึกไม่ดีที่จะเอ่ยปากขอจากนาง

“เจ้าสำนักเฟิง”

"มีธุระอะไร?"

เฟิงอู๋ฉิงหันไปมองอันหลิงหยุนด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี อุตส่าห์ออกหน้าพูดแทนนางให้แท้ ๆ นางกลับไปช่วยกงชิงวี่เสียอย่างนั้น

"สิ่งที่เจ้าสำนักเฟิงพูดมาเมื่อวานนี้ เป็นความจริงหรือเจ้าคะ?" ที่อันหลิงหยุนมา ก็เพราะเรื่องนี้นี่ล่ะ

“เฮอะ ไร้จิตสำนึกสิ้นดี!” ด่าจบประโยคหนึ่ง เฟิงอู๋ฉิงก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปทันที เสี่ยวเฉียวรีบลุกขึ้นเดินตามออกไปเป็นพัลวัน ดูแล้วเหมือนหางน้อย ๆ ของเฟิงอู๋ฉิงอย่างไรอย่างนั้น เดินตามหลังต้อย ๆ ไม่ยอมห่าง

อันหลิงหยุนจนใจ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จึงทำได้เพียงอุ้มเจ้าห้ากลับไปพักผ่อน เจ้าห้าไม่ยอมกินไม่ยอมดื่มอะไรเลย ย่อมไม่ใช่เรื่องดี นางสั่งให้คนไปทำโจ๊กข้าวให้เจ้าห้า ฝืนให้เขากินสักหน่อยก็ยังดี

เจ้าห้ายังคงนอนนิ่ง ร่างกายซูบผอมจนน่ากลัว ไม่ว่าอันหลิงหยุนจะกล่อมเขาอย่างไร เขาก็ไม่ยอมเปิดปากกินข้าวอยู่ดี

“กินอะไรสักหน่อยเถอะ ต่อให้เจ้าอดอาหารจนตาย นางก็ไม่ใช่ว่าจะยอมมองเจ้ามากขึ้นกว่าเดิมสักหน่อย ไม่ใช่ว่านางไม่รักเจ้า นางแค่รู้สึกโกรธแค้นเจ้าอยู่ในใจก็เท่านั้นเอง!”

เมื่ออุ้มเจ้าห้ามาจนถึงห้องโถงด้านหน้า ก็เห็นชายคนหนึ่งที่บรรยายได้เพียงแค่คำว่า ซูบผอม นั่งอยู่ในห้องโถง สวมชุดสีออกอมน้ำเงิน คนที่ยืนอยู่ยืนข้าง ๆ เขาคือซูมู่หรง เมื่อซูมู่หรงเห็นนาง ก็สาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ อันหลิงหยุนหันมองเขาด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี ดึงแขนเสื้อคลุมแบบกว้างเข้ามา เดินไปอีกด้านแล้วนั่งลงพร้อมกับเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขน

อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พระฉวีของฮ่องเต้หนานอี้นั้นแลดูออกเหลืองซีดเซียว เดาได้ไม่ยากว่าพลังชี่ในหัวใจมีไม่เพียงพอ

เดิมทีอันหลิงหยุนคิดไว้ว่า จะพาเจ้าห้าไปพบจื่อฮั่ว แต่ตอนนี้ฮ่องเต้หนานอี้เสด็จมาที่นี่แล้ว ดูเหมือนว่า นางต้องหาทางส่งฮ่องเต้หนานอี้กลับไปให้ได้เสียก่อน

"เสด็จลุง" อันหลิงหยุนเอ่ยปากทักทาย ฮ่องเต้หนานอี้ค่อยๆ หันพระพักตร์มา ดูมีทีท่าเหมือนยังไม่อาจปรับตัวตามได้อยู่บ้าง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระองค์ต้องการ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงทำได้เพียงต้องยอมรับมันเท่านั้นแล้วล่ะ

ฮ่องเต้หนานอี้ทรงตรัสถาม : “นี่คือลูกของเจ้าหรือ?”

อันหลิงหยุนก้มหน้าลงมองเจ้าห้า จึงหันไปมองฮ่องเต้หนานอี้: "นี่เป็นคนเล็กสุดเพคะ คนที่ห้า"

"เจ้ามีลูกห้าคนเชียวหรือ ช่างหาได้ยากยิ่งนัก!"

"เพคะ"

อันหลิงหยุนหันไปมองเฟยยิง เฟยยิงรีบเดินตรงไปเบื้องหน้าของอันหลิงหยุนทันที แล้วอุ้มเจ้า

ห้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ อันหลิงหยุน ในขณะที่อันหลิงหยุน เดินไปดูพระอาการของฮ่องเต้หนานอี้

เมื่อจับข้อพระกรของฮ่องเต้หนานอี้แล้ว อันหลิงหยุนก็เริ่มสแกนตรวจสอบอาการทันที หลังจากปล่อยมือลง อันหลิงหยุนก็มองไปที่พ่อบ้านซึ่งยืนอยู่หน้าประตู: "พู่กันกับหมึก"

พ่อบ้านรีบไปนำพู่กันกับหมึกมาให้อันหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว อันหลิงหยุนเขียนใบสั่งยาแล้วมอบให้กับพ่อบ้าน กำชับให้คนงานรีบไปต้มยาทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน