ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 914

บทที่ 914 ผู้ที่กลับชาติมาเกิด

เซวียนเหอลุกขึ้นทันที : “เจ้าคือหยุนหยุน ?”

เฟิ่งหลิงหยุนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แต่ไม่ได้ตอบอะไร

“อันหลิงหยุน !” องค์ชายสี่ซูมู่ไห่เองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน เขาไม่อยากเชื่อเลยว่า คนจะสามารถกลับชาติมาเกิดได้จริงๆ

แต่คนๆ นี้ กับกงชิงหยุนเยนคนนั้น เป็นคนละคนกัน

ถึงแม้ทั้งสองคนจะหน้าหน้าเหมือนกันราวกับฝาแฝด แต่ท่าทางของนางสุขุมเยือกเย็นกว่า ไม่มุทะลุเหมือนกงชิงหยุนเยน

จุนโม่ซ่างเองก็ลุกขึ้น เขาเดินเข้าไปหาเฟิ่งหลิงหยุน ตอนนี้เขาเองก็รู้สึกว่าคนๆ นี้คืออันหลิงหยุน

กงชิงวี่แววตาเย็นชา เขาสอดส่ายสายตามองดูทั้งสามคนที่ยืนอยู่รอบๆ หยุนโล๋ชวนปาดเหงื่อ ตอนนี้เองที่เพิ่งจะรู้ว่าพวกเขาใหญ่กว่าอ๋องเซ่เจิ้งเสียอีก ยังดีที่ชิงลงมือเสียก่อน

“หยุนหยุน......” ตอนนี้เองกงชิงยี่เหรินเองก็วิ่งเข้ามาด้วย รูปร่างของเขาเหมือนกับซูมู่หรงคนก่อนอย่างมาก เมื่อซูมู่ไห่เห็นก็จำได้ทันที พวกเขาเคยพบหน้ากันมาก่อน อีกทั้งอายุก็ห่างกันไม่มาก ตอนเด็กๆ ยังเคยเล่นด้วยกันมาก่อน เมื่อเห็นกงชิงยี่เหริน ซูมู่ไห่ก็โพล่งออกมาทันทีว่า : “องค์ชายสาม !”

ทุกคนหันไปมองกงชิงยี่เหริน เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย บนตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกตี ด้านหลังของเขากงชิงหยุนเยนซึ่งในมือถือแส้อยู่ก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางที่หยิ่งยโสอย่างยิ่ง นางมองกงชิงยี่เหรินแล้วพูดว่า : “เจ้ายังคิดจะหนีอีกหรือ ข้าจะบอกให้ท่านพ่อลงโทษเจ้า !”

กงชิงยี่เหรินไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เขารีบวิ่งเข้าไปหาอันหลิงหยุนทันที

อันหลิงหยุนหันไปมองกงชิงยี่เหรินที่มีอายุเพียงแค่สิบขวบก็จำขึ้นมาได้ทันที

“คุณเองก็มาด้วยหรือ ?”

“ตอนนี้พวกเรา......”

กงชิงวี่พูดว่า : “ข้าเพิ่งจะหมั้นหมายกับมกุฎราชกุมารี ไม่ทราบว่าพระราชนัดดาทรงมาแสดงความยินดีให้กับกระหม่อมใช่หรือไม่ ?”

กงชิงยี่เหรินผงะไป พักใหญ่ถึงจะดึงสติกลับมาได้

กงชิงวี่ลุกขึ้น : “เป็นอย่างไรล่ะ ?”

“......” กงชิงยี่เหรินนิ่งไป เขาคิดว่าองค์ชายของประเทศต้าเหลียงกับมกุฎราชกุมารีของประเทศเฟิ่งเป็นคู่หมายที่สวรรค์กำหนดเอาไว้แล้ว ขอแค่เขาหาอันหลิงหยุนให้เจอเท่านั้น แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ ?

“ทหาร พาองค์ชายกลับวัง ฮองเฮาเองก็ทรงกลับไปก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ ไว้วันหลังหม่อมฉันจะพามกุฎราชกุมารีเข้าวังมาถวายพระพรฮองเฮา”

“ก็ดี ฝ่าบาทไม่เห็นข้าก็คงรู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย”

หยุนโล๋ชวนเดินลงมาจากด้านบน เมื่อเดินมาถึงอันหลิงหยุนก็หันไปมองนาง

ทั้งสองสบตากัน อันหลิงหยุนยิ้ม หยุนโล๋ชวนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นในตาจึงมีน้ำตาคลอออกมา แล้วจึงเดินจากไปและถือโอกาสพาลูกชายกลับไปด้วย

ระหว่างทางกลับ ในใจของหยุนโล๋ชวนก็เกิดความรู้สึกขึ้นมากมาย นางหันมองกงชิงยี่เหรินที่นิ่งเงียบไป : “เรื่องของพรหมลิขิตสวรรค์เป็นผู้กำหนด ทุกครั้งเจ้าและหยุนหยุนห่างกันแค่เพียงก้าวเดียวตลอด นั่นหมายความว่าชะตาของพวกเจ้าทั้งสองคนถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องห่างกันเพียงก้าวเดียวเช่นนี้ตลอดไป เรื่องพวกนี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ?”

กงชิงยี่เหรินมองหยุนโล๋ชวน : “แต่ว่า......”

“หรือว่าในใจของเจ้า นอกจากหยุนหยุนแล้วไม่มีเรื่องอื่นอีกเลยหรือยังไง ?”

“......” กงชิงยี่เหรินไม่พูดอะไร

“ความแตกต่างระหว่างเจ้ากับอ๋องเซ่เจิ่งก็คือ เจ้านั้นทำเพื่อตัวเอง แต่เขากลับคิดถึงตัวเองเป็นคนสุดท้าย เขารู้ดีว่าหยุนหยุนกำลงัจะจากไป แต่เขาก็ยอมที่จะไปออกรบก่อน ทั้งๆ ที่เขาสามารถอยู่เป็นเพื่อนหยุนหยุนในช่วงสุดท้ายโดยไม่ต้องสนใจสิ่งอื่นใดอีก แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาควรค่าแก่การยกย่องสรรเสริญ เจ้าเองก็เป็นผู้ชาย หรือเจ้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่อย่างเห็นแก่ตัวอย่างนั้นหรือ ?”

“ท่านแม่ ตอนนี้หม่อมฉันอยากลืมหยุนหยุน” กงชิงยี่เหรินรู้สึกเหนื่อยแล้ว เขาไม่อยากจดจำอะไรอีกแล้ว

หยุนโล๋ชวนตบไหล่เขาเบาๆ : “เจ้ามาที่นี่แล้วนอนลงสักพัก ลืมหยุนหยุนซะ เจ้าก็คือเจ้า”

หยุนโล๋ชวนเองก็ไม่รู้ว่าการที่ทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่ถูกหรือไม่ ควรจะปลอบใจหรือควรจะให้เขาย้อนคืนความหลัง แต่อย่างไรเสียก็ควรจะให้เขาพักผ่อนแล้ว

เหนื่อยเกินไปแล้ว !

กงชิงยี่เหรินเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหยุนโล๋ชวน เขาพิงเข้าไปแล้วปิดตาลง จากนั้นจึงค่อยๆ นอนหลับไป

รถม้าแล่นมาถึงวังหลวง กงชิงยี่เหรินก็ตื่นขึ้นมา เมื่อลืมตาขึ้นมาเขาก็รู้สึกแปลกใจ เขามองดูเสื้อผ้าที่ตนเองสวมใส่อยู่แล้วถามขึ้นว่า : “เสด็จแม่ ทำไมหม่อมฉันถึงมีสภาพเช่นนี้ ?”

หยุนโล๋ชวนมองพิจารณากงชิงยี่เหริน แววตาไม่ได้ดูเย็นชาสักเท่าไหร่แล้ว

“เจ้าจำอะไรได้บ้าง ?” หยุนโล๋ชวนถามลูกชาย

ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี แต่ก็นั่งลงโดยพร้อมเพรียงกัน

การเต้นรำและดนตรีบรรเลงขึ้นอีกครั้ง แม่ทัพอันลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาลูกสาว จากนั้นจึงนั่งลง

กงชิงหยุนเยนรีบเดินเข้าไปนั่งลงในทันที : “ท่านตา”

“อืม”

แม่ทัพอันมองเฟิ่งหลิงหยุนแล้วถามว่า : “เจ้าชื่ออะไร ?”

“เฟิ่งหลิงหยุน” เฟิ่งฟลิงหยุนพูดเบาๆ จากนั้นจึงรินเหล้าให้แก่แม่ทัพอันด้วยตัวเอง แล้วถามว่า : “เป็นเรื่องดีที่แม่ทัพอันมาที่นี่ แต่จะเป็นการดีต่อจิ่นเอ๋อหรือไม่ ?”

“หยุนหยุน......” น้ำตาของแม่ทัพอันไหลรินออกมา เขาร้องไห้ขึ้นทันที เมื่อเห็นเขาร้องไห้กงชิงหยุนเยนก็รู้สึกร้อนใจ รีบเข้าไปซับน้ำตาให้แม่ทัพอัน

เฟิ่งหลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า : “แม่ทัพอันต้องดูแลสุขภาพให้ดี ต่อไปจะได้ดูแลลูกหลานได้อย่างไรล่ะ ?”

แม่ทัพอันพยักหน้าแล้วเช็ดน้ำตา ถึงแม้จะลุกขึ้นกลับไปแล้ว ก็กลับยังคงปิดตาอยู่ตลอด ยังไม่อาจดึงสติกลับมาได้

ส่วนคนอื่นๆ ก็กินข้าวด้วยความรู้สึกที่ยังตกตะลึงอยู่ จนกระทั่งถึงดึกจึงได้แยกย้ายกันกลับ

ตอนนี้อ๋าวชิงมานั่งนึกย้อนเสียใจทีหลัง เขาไม่ควรจะพาอันหลิงหยุนมาที่นี่เลย แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ทำได้เพียงรอให้กลับไปถึงประเทศเฟิ่งก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ทุกๆคน ทยอยกันแยกย้ายกลับไป ส่วนบรรดาทูตที่เหลืออยู่ก็มายืนรออยู่ด้านนอกวิหาร ไม่มีใครกล้ากลับ

เฟยยิงเข้าไปบอกกงชิงวี่

“เฟยยิง !”

เฟิ่งหลิงหยุนรู้สึกว่าตนเองนั้นทำดีกับทุกคน คนที่ทำให้นางรู้สึกผิดมากที่สุดก็คือเฟยยิง

“......” เฟยยิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าคนจะสามารถกลับชาติมาเกิดได้ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกมาตลอดว่ามีคนต้องการที่จะรังแกท่านอ๋องใช่หรือไม่

แต่ตอนนี้......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน