ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 925

บทที่ 925 มาอวดให้คนอิจฉาเล่น

แต่กงชิงวี่ก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น ลุกขึ้นยืนได้ก็ปล่อยนางให้เป็นอิสระ

เฟิ่งหลิงหยุนพูดอะไรบ้างเขาก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน ทั้งไม่พูดถึงเรื่องโกรธไม่โกรธแล้วด้วย เฟิ่งหลิงหยุนหันไปมองเขา: "อายุจนปูนนี้แล้ว ยังใช้เล่ห์เพทุบายต่อหน้าลูกสาวอีก ท่านนี่มันจริงๆเลยนะ!"

มุมปากของกงชิงวี่ยกโค้งขึ้นสูง ไม่เอ่ยคำอธิบายใด ๆ มือหนึ่งจับจูงเดินไปข้างหน้า เฟิ่งหลิงหยุนถึงกับยอมเลยจริงๆ เขาช่างไม่มีความกระดาก ความละอายแก่ใจเลยแม้แต่น้อย

หลังจากเดินไปข้างหน้าครู่หนึ่ง เฟิ่งหลิงหยุนก็มองขึ้นไปบนเขื่อน แล้วพูดว่า "ท่านอ๋อง มีคนชอบเสี่ยวหยุน ท่านอยากไปดูหรือไม่เพคะ?"

"เหลวไหล!"กงชิงวี่สีหน้าเย็นชา แม้จะผ่านหน้ากากที่แนบติดอยู่บนใบหน้านั้น เฟิ่งหลิงหยุนก็ยังรับรู้ได้เลยว่า เวลานี้กงชิงวี่กำลังโกรธมาก

นางหันไปมองหน้าของเขาที่ยามนี้โกรธกรุ่นไม่น้อย เขาไม่ได้ตำหนิกงชิงหยุนเยน แต่กลับถามเฟิ่งหลิงหยุนแทนว่า: "เจ้าเป็นแม่ภาษาอะไร เรื่องแบบนี้ทำไมถึงยอมได้ง่ายๆ?"

เฟิ่งหลิงหยุนกลับไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอะไร แค่ปรายตามองไปที่กงชิงหยุนเยนแวบหนึ่ง เวลานี้เองเด็กสาวก็แอบสะดุ้งตกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่นางไม่ได้พูดอะไรออกมา

เฟิ่งหลิงหยุนพูดขึ้นว่า "ข้าเห็นว่าเด็กที่ชื่อหยุนเล่คนนี้ไม่เลวทีเดียว ท่านอ๋องลองไปดูๆเสียหน่อย ถ้าไม่ดีท่านไม่ตกลงก็ได้ ไม่เห็นจะต้องหงุดหงิดขนาดนี้ก็ได้นี่เพคะ?"

“ เสี่ยวหยุนอายุน้อยขนาดนี้ จะยอมให้มีคนมาชอบได้อย่างไรกัน เจ้าคิดจะทำให้ข้าโกรธจนเป็นบ้าตายอย่างนั้นหรือ”

กงชิงวี่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เฟิ่งหลิงหยุนไม่พูดอะไรต่อแล้ว เมื่อนางไม่พูด กงชิงวี่จึงไร้การตอบสนองขึ้นมา บังเกิดความรู้สึกว่าไม่ควรปฏิบัติตัวอย่างนั้นกับนาง จึงเปลี่ยนท่าทีไปพูดใหม่ว่า "ข้ามอบเสี่ยวหยุนให้หยุนหยุนเป็นคนดูแล แล้วทำไมหยุนหยุน ถึงยอมให้มีคนมาชอบเสี่ยวหยุนได้”

“กระทั่งเรื่องที่นางชอบใคร ข้ายังไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ แล้วข้ามีสิทธิ์อะไรจะเข้าไปยุ่งเรื่องที่ว่าคนอื่นจะชอบหรือไม่ชอบเสี่ยวหยุน ข้าไม่ใช่ท่านอ๋องที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการไปเสียทุกเรื่อง พอเจอใครที่ชอบเสี่ยวหยุนก็แอบไปขัดขวางลับหลัง เมื่อทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ก็สามารถเก็บลูกสาวไว้ข้างกายได้ตลอดไปแล้ว

โดยไม่ได้รู้เลยว่า ที่จริงแล้วลูกสาวกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ต้องมีสักวันหนึ่งที่ต้องจากท่านอ๋องไป ข้าคิดว่าเมื่อถึงวันนั้น ท่านอ๋องก็คงเข้าใจความรู้สึกของพ่อข้าในตอนนั้นได้แล้วล่ะ

ตอนแต่งงานกันใหม่ ๆ ท่านอ๋องบีบคอข้าตาย พ่อข้าโกรธแค้นมากแค่ไหน แต่เวลาต่อมา เพื่อให้ข้าใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นบ้าง จึงยอมละวางความโกรธแค้น แล้วหันมาคลุกคลีกับท่านอ๋อง เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

ท่านอ๋อง.... ท่านไม่คิดว่า นี่คือการแก้แค้นหรอกหรือ?

สุภาษิตว่าไว้ กงล้อกรรมหมุนวนเป็นวัฏจักร มันต้องมีสักวันหนึ่ง ที่กงล้อนี้จะหมุนวนไปจนถึงตัวท่านอ๋อง

แม้ว่าท่านจะไม่ยอมให้เสี่ยวหยุนต้องมาหาสามีข้างนอกไกลหูไกลตา แต่ท่านจะทำอย่างไรได้ล่ะ ใต้หล้าผืนฟ้ากว้างใหญ่นี้ ท่ามกลางผู้คนนับหมื่นนับพัน อาจมีหนึ่งในคนเหล่านั้นที่กำลังรอนางอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ ท่านไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้

ไม่ว่าวันนี้ท่านจะเผด็จการแค่ไหน ในอนาคตท่านจะยอมถอยต้อยต่ำเพียงใด สุดท้ายแล้ว ท่านก็จะต้องอับจนหนทางเช่นเดียวกับพ่อของข้า เพราะพ่อหวังเพียงว่า ท่านจะปฏิบัติต่อข้าด้วยความเมตตากรุณาบ้าง

แล้วท่านอ๋องล่ะเพคะ ท่านไม่อยากให้คนคนนั้น ปฏิบัติกับเสี่ยวหยุนด้วยความเมตตากรุณาบ้างหรือ?

พูดแบบตรงไปตรงมาก็คือ เส้นทางที่เลือก มันก็ต้องเป็นเส้นทางแต่ละคนต้องเดินเอง มันต้องมีสักวันที่เป็นวันที่ดีของท่าน "

กงชิงวี่ถึงกับพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง ทำไมผู้หญิงคนนี้ ถึงได้อยู่เหนือกรอบเหนือเกณฑ์ขนาดนี้กันนะ?

เฟิ่งหลิงหยุนพูดต่อ: "ท่านอ๋อง เสี่ยวหยุนก็เป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน ท่านลืมไปแล้วหรือเพคะ?"

กงชิงวี่พูดไม่ออกไปแล้ว หันไปมองลูกสาวที่ยืนเซ่อซ่าอยู่อีกด้าน กงชิงหยุนเยนแสร้งทำเป็นว่าไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เดินไปอยู่ข้างๆเฟิ่งหลิงหยุนอย่างเงียบเชียบ

กงชิงวี่ที่กลับกลายเป็นคนน่ารังเกียจไปแล้ว ยืนทำสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจอย่างยิ่ง

"หยุนหยุน" กงชิงวี่จับมือของเฟิ่งหลิงหยุนขึ้นมา นางใช้สายตาที่ไม่เห็นด้วยกับเขามองไปทางหยุนเล่

"ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าหยุนเล่คนนี้ รูปร่างหน้าตาโดดเด่นมีแววหรือไม่ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง? ในเมื่อชีวิตคนเราล้วนมีชาติอดีตและชาติปัจจุบันอยู่จริง หากว่ามีชะตาลิขิตร่วมกัน ท่านว่าหยุนเล่ควรจะเป็นใคร? ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่าอาจจะเป็นเสินหยุนเจ๋ แต่ก็คิดอีกว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเสินหยุนเจ๋ก็ยังสบายดี เขายังมีชีวิตอยู่แน่ๆ "

กงชิงวี่ขมวดคิ้วมุ่นเป็นปม: "หยุดพูดเรื่องไร้สาระเถอะ คนเราไหนเลยจะมีชะตาลิขิตมากมายมหาศาลขนาดนี้ได้?"

"เช่นนั้นแล้วท่านอ๋องกับข้าล่ะ?"

"นั่นมันไม่เหมือนกัน" เป็นธรรมดาที่กงชิงวี่จะไม่ยอมรับ ว่าลูกสาวของเขาจะมีชะตาลิขิตอื่นที่ไม่ใช่เขา ก็เขานี่ล่ะ ที่เป็นชะตาลิขิตของลูกสาวไม่ใช่หรือ?

เฟิ่งหลิงหยุนคร้านจะคุยกับกงชิงวี่เหลือเกินแล้วจริงๆ

กงชิงหยุนเยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่สองคนตรงหน้า คิดในใจว่าจะนั่งหรือไม่นั่งดี พ่อกับแม่ได้มาเจอกันทั้งที หากนางตามไปด้วยคงจะไม่ค่อยเหมาะกระมัง

"ก็ได้!" กงชิงหยุนเยนไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักเรียนรู้ ไม่เปิดหูเปิดตามองขนาดนั้น แต่นางก็ตอบรับด้วยท่าทางที่ฝืนใจเป็นที่สุด

หยุนเล่ดีใจจนถึงขั้นลืมตัว จับข้อมือของกงชิงหยุนเยนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เตรียมจะขึ้นรถม้าของเขาแล้ว กงชิงวี่พูดขึ้นว่า "เรียกพวกเขามาที่นี่ ข้าจะดูน้ำหน้าเขาสักหน่อย”

เฟิ่งหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นจึงหันไปหาหยุนเล่ สั่งออกไปว่า : "หยุนเล่ พวกเจ้ามานั่งที่นี่เถอะ พอดีเฟยยิงร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง จะได้ช่วยกันดูแลได้"

"......" หยุนเล่รู้สึกแปลกใจขึ้นมาแล้ว เหลือบมองไปที่เฟยหยิงแวบหนึ่ง จึงปล่อยมือแล้วเดินตามไป

เฟยยิงเดินไปที่ด้านหน้ารถแล้วหยุด ก้มตัวลงอุ้มเฟิ่งหลิงหยุนเข้าไปในรถม้าตรง ๆ ทั้งอย่างนั้น สีหน้าของหยุนเล่ดำทะมึนหนักอึ้ง จ้องมองเฟยยิงอย่างไม่พอใจ: "ช่างบังอาจนัก!"

เฟยยิงเหยียดตามองด้วยท่าทีเฉยเมย ไม่สนใจหยุนเล่แม้แต่น้อย แต่กลับหันไปมองกงชิงหยุนเยนแทน

กงชิงหยุนเยนรู้ได้โดยสัญชาตญาณทันที ว่าพ่อหมายถึงอะไร จึงเดินไปหยุดยืนอยู่หน้ารถม้า กงชิงวี่อุ้มลูกสาวขึ้นไปบนรถ จากนั้นจึงก้าวเท้าตามขึ้นไปนั่งในรถม้าอีกคน หยุนเล่ยังคงยืนอยู่ที่ด้านล่างของรถม้า จ้องมองด้วยสายตาดุดัน: "เฟยยิง เจ้าลงมาเดี๋ยวนี้นะ ที่นี่ไม่ใช่ ..... "

"หยุนเล่ .....บังอาจ!" เฟิ่งหลิงหยุนเอ่ยตำหนิอย่างเย็นชา หยุนเล่ตกใจจนถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าตามเข้าไปในรถม้าเป็นคนสุดท้าย

ที่ด้านใน กงชิงวี่กำลังเอนกายพิงเข้ากับตัวรถ ส่วนกงชิงหยุนเยนก็เอนตัวแนบชิดอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีกที เขาใช้มือข้างหนึ่งโอบกงชิงหยุนเยนไว้ ทันทีที่หยุนเล่เห็นดังนั้น ก็โกรธจนชักกระบี่ออกมา หมายจะฆ่ากงชิงวี่ให้ตายคามือ เฟิ่งหลิงหยุนเห็นแล้วถึงกับจนคำพูดไปเลย ทำไมคนคนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะนี่?

นี่คือตั้งใจมาอวดให้คนอิจฉาเล่น?

กงชิงหยุนเยนขยับตัวอย่างรวดเร็ว เข้าไปขวางทางกระบี่ของหยุนเล่: "หากเจ้ากล้าทำร้ายเขา ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!"

หยุนเล่ตกตะลึงอึ้งค้างอย่างสิ้นเชิงแล้วเวลานี้ กระบี่ในมือสั่นระริก หันไปมองเฟิ่งหลิงหยุน: "มกุฎราชกุมารี นี่พวกท่านกำลังละเมิดต่อครรลองคลองธรรม ที่พวกเราถือปฏิบัติกันมานะพ่ะย่ะค่ะ!"

เฟิ่งหลิงหยุนหันไปมองหยุนเล่เพียงครู่สั้นๆ: "หยุนเล่ ของกินน่ะ กินเรื่อยเปื่อยมันก็ยังพอได้ แต่คำพูดน่ะ จะพูดเรื่อยเปื่อยไม่ได้หรอกนะ"

หยุนเล่ไฟโทสะลุกโชน เกรี้ยวโกรธจนเกินระงับอารมณ์ไว้ได้ หอบหายใจกระชั้นถี่จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน