ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 930

บทที่ 930 เส้นทางของอ๋าวชิง

“ก็แค่พูดปฏิเสธเท่านั้นเอง อ๋าวเฉิงเสี้ยงก็ทำหน้าที่มหาเสนาบดีมาหลายปีขนาดนี้แล้วแท้ๆ จะอย่างไรก็คงจะไม่ถึงกับเชื่อว่า แค่พูดเกลี้ยกล่อมเพียงไม่กี่คำ ก็จะสามารถไล่ให้คนยอมถอยกลับไปได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรอกนะ?”

อ๋าวชิงชะงักไปชั่วขณะ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยถามขึ้นว่า : "เช่นนั้นความหมายของมกุฎราชกุมารีคือ พวกเขาจะกลับมาอีกอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

เฟิ่งหลิงหยุนปรายดวงตาหงส์ของตัวเองมองไปที่อ๋าวชิงครู่สั้น ๆ : "เป็นไปได้อย่างมากกว่าจะกลับมาอีกครั้ง หากข้าเดาไม่ผิด ครั้งแรกพวกเขาต่างก็มาพร้อมกัน หลังจากถูกประเทศเฟิ่งปฏิเสธ พวกเขาก็จะแสร้งทำเป็นกลับไปพร้อมกัน แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการกระทำหลอกๆ เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนอื่นจากไปแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มดำเนินตามแผนการที่เตรียมไว้ อันดับแรกคือการดึงขุนนางของประเทศเฟิ่งบางส่วนมาเป็นพวก ให้เหล่าขุนนางมาบีบบังคับให้ข้ากับกงชิงวี่ยกเลิกสัญญาเรื่องการแต่งงานไป พวกเขาคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้ประเทศเฟิ่งของเราเสียหน้าได้

นอกจากนี้พวกเขาก็อาจคิดดึงอ๋าวเฉิงเสี้ยงมาเป็นพวกด้วย เพราะอ๋าวเฉิงเสี้ยงเป็นคนที่มีสถานะสูงที่สุดในประเทศเฟิ่ง เรียกได้ว่าแทบจะสูงกว่ามกุฎราชกุมารีด้วยซ้ำ

รอจนมีการยกเลิกการแต่งงานเมื่อไหร่ ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะค่อย ๆ หันมาประชันขันแข่งกันเองแล้ว

ในฐานะมหาเสนาบดีสูงสุด อ๋าวเฉิงเสี้ยงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยอย่างนั้นหรือ?

ในเวลานี้ ไม่ว่าใครจะได้รับความร่วมมือจากประเทศเฟิ่งก็ตาม เมื่อสองประเทศร่วมมือกัน ก็จะสามารถจำกัดการรุกคืบของกงชิงวี่ได้ มีเหตุผลอะไรที่จะยอมจากไปง่ายๆล่ะ? "

อ๋าวชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: "ข้าเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นในตอนนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องเตรียมจัดการรับมือกับคนเหล่านี้"

“อ๋าวเฉิงเสี้ยงเข้าใจก็ดียิ่งแล้ว”

เฟิ่งหลิงหยุนหันไปมองกงชิงหยุนเยน ที่ยังคงเอาแต่นอนอยู่บนเตียงเพราะความเศร้าเสียใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไร ผ่านไปไม่กี่วันนางก็จะสบายดีเหมือนเดิมแล้ว

อ๋าวชิงพูดขึ้นว่า "ข้าจะไปเตรียมตัวพ่ะย่ะค่ะ"

"ครั้งแรกปฏิเสธไปแล้ว แต่ครั้งที่สองไม่ควรรีบปฏิเสธทันที ต้องคิดพิจารณาให้รอบคอบ ต้อนรับขับสู้พวกเขาเสียหน่อย ให้ดีคือต้องยืดเวลาออกไปให้ล่าช้าสักครึ่งเดือน กงชิงวี่ก็จะนำกำลังทหารเคลื่อนทัพไปแล้ว แต่ก็ยังต้องการเวลาอีกไม่น้อย เจ้าควรรู้ตรงนี้ไว้ก่อน”

อ๋าวชิงลังเลไปครู่หนึ่ง: "ท่านจะร่วมมือกับกงชิงวี่?"

"อ๋าวชิง เรื่องต่างๆในโลกใบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ากับข้าจะสามารถตัดสินได้ เจ้าอาจคิดว่ามันใหญ่เกินตัวไปแล้ว แท้ที่จริงกงชิงวี่ก็เป็นแค่คนคนหนึ่ง เขาคนเดียวจะสามารถเปลี่ยนโลกนี้ทั้งใบได้อย่างไรกัน?

แต่เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า เขาคนเดียว กลับได้รับสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ไป ซึ่งเดิมทีมันต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน

เขาเกิดมามีสิ่งที่เรียกว่ากระดูกจักรพรรดิ ซึ่งหมายความว่า เขาสามารถขึ้นเป็นราชาเหนือราชาทั้งปวงได้ แต่กลับขาดความกระหายอยากในบัลลังก์ราชา ว่ากันว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง

แต่ถึงอย่างไร ราชาก็คือราชาอยู่วันยังค่ำ ต่อให้ไม่มีความกระหายอยากนั้น ก็ยังคงเป็นราชาอยู่ดี ท่านคิดว่าเป็นเพราะอะไรหรือ?

คนมีความสามารถปรากฏขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย เพื่อมาอยู่ข้างกายเขา เพื่อมาช่วยเติมเต็มความทะเยอทะยาน ความมุ่งมั่นและปณิธานอันยิ่งใหญ่ของเขาให้เป็นจริง 

บรรดาลูก ๆ ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างสามารถออกไปทำศึก ไปพิชิตใต้หล้าเพื่อเขาได้ทั้งสิ้น แต่ตัวข้ากลับยินดีที่จะเปลี่ยนแปลงจุดจบนี้เพื่อเขา

เขารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ ที่ต้าเหลียงจะสงบสุขร่มเย็นเช่นนี้ไปตลอด เขาอยากให้หลังจากที่เขาตายไปจะร้อยปี หรือเป็นพันปี ประเทศต้าเหลียงก็จะยังดำรงอยู่ได้อย่างสงบร่มเย็นเป็นสุขเขายังหนุ่มยังแน่น หากใช้เวลาสู้รบสักสิบปีเขาเชื่อว่าอีกยี่สิบปีข้างหน้า มันก็คงจะสงบสุขร่มเย็นลงมาได้แล้วเป็นแน่

ใช้เวลาสิบปี เพื่อแลกกับความสงบสุขร่มเย็นไปอีกหลาย ๆ ร้อยปี ในโลกที่ปราศจากสงครามอันแสนทุกข์ยากวุ่นวาย นั่นคือกลยุทธ์ที่เขาต้องการ

และกลยุทธ์ในส่วนที่สำคัญที่สุดของเขาก็คือข้า ถ้าเขาไม่ทำลายประเทศอื่นเสียก่อน เช่นนั้นจะแต่งงานกับข้าได้อย่างไรล่ะ?

เป้าหมายสุดท้ายของเขา ก็คือการแต่งงานกับข้า!

ลองคิดดูว่า หากไม่ใช่เพราะหยุนจวิ้นจู่อยู่ที่นี่ เช่นนั้นแล้วบทสรุปของหยุนเล่จะลงเอยเช่นไร?

หยุนเล่ทั้งฉลาด ทั้งมีความสามารถไม่น้อย เป็นเด็กแววดีที่หาได้ยากคนหนึ่ง อ๋าวเฉิงเสี้ยงเองก็ทุ่มเททั้งชีวิต เพื่ออบรมสั่งสอนเด็กคนนี้อย่างดี แต่หากหยุนเล่ไม่ได้มาพบกับหยุนจวิ้นจู่ เช่นนั้น ในท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตของเขาก็จะเหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆ ต้องถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในบ้าน แต่ละวันก็ทำได้เพียงต้องคอยปรนนิบัติพัดวี คอยเอาอกเอาใจ ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ผู้หญิงพอใจ ทั้งยังต้องเผชิญกับชะตากรรม ที่ต้องแบ่งปันภรรยากับผู้ชายกลุ่มหนึ่งไม่ต่างกัน

เด็กที่จะเกิดมาในอนาคต กระทั่งตัวเองจะเดินไปในเส้นทางแบบไหน ก็ยังไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำ ยังจะพูดถึงความภูมิใจในศักดิ์ศรีของตัวเองได้อีกหรือ? "

อ๋าวชิงหันหลังหลบหน้า คล้ายมีตะกอนอารมณ์บางอย่าง ที่พากันหลั่งไหลเข้ามากระจุกแน่นอยู่ภายในอก เกาะเกี่ยวรวมกันเป็นกลุ่มก้อนทีละเล็กละน้อย

“ประเทศเฟิ่งก็เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศแล้ว ผู้ชายไม่ว่าจะกี่คนต่อกี่คน ก็ล้วนต้องเป็นเช่นนั้น แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ? สุดท้ายก็ไม่ใช่ว่า ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมด้วยความคับแค้นใจต่อไปหรอกหรือ? มกุฎราชกุมารีทำเพื่ออ๋องซื่อเจิ้นแห่งต้าเหลียง แต่ข้าอ๋าวชิงจะทำไปเพื่อใครล่ะ? จริงอยู่ว่าข้าทำเพื่อให้หยุนเล่มีชีวิตที่ดี แต่หยุนเล่ก็จากไปแล้วนี่!”

อ๋าวชิงหันกลับมาจ้องมองเฟิ่งหลิงหยุน ฝ่ายหลังกลับรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้น "เจ้าทำเพื่อตัวเจ้าเองสิ หากเจ้าเป็นผู้ริเริ่มสร้างค่านิยมใหม่ขึ้นมา ทำให้ทั้งชายและหญิงในประเทศเฟิ่งแห่งนี้มีสถานะที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่เรื่องที่ดีมากเลยหรอกหรือ?"

อ๋าวชิงส่ายหน้า: " ทำเช่นนั้น ข้าจะต่างอะไรกับคนที่ทรยศกบฏต่อแผ่นดินกันล่ะ? คนในประเทศต้องก่นด่า สาปแช่งรังเกียจข้าเป็นแน่"

“ในทางตรงกันข้าม หากเป็นข้าที่ก่อกบฏในประเทศเฟิ่ง ข้าต่างหากที่จะโดนผู้คนรังเกียจ แต่ถ้าคนคนนั้นเป็นเจ้า จะไม่มีทางถูกรังเกียจแน่นอน เพราะเจ้าเป็นผู้ชาย เป็นเรื่องธรรมดามากที่ผู้ชายจะคิดทรยศ จนก่อกบฏในประเทศเฟิ่ง พวกผู้ชายเหล่านั้นที่เป็นเหมือนกันกับเจ้า ต่างก็มีความคิดอยากจะกบฏต่อประเทศเฟิ่งทั้งนั้น เพราะประเทศเฟิ่งไม่เคยมองว่าพวกเจ้าเป็นคน พวกเจ้าถูกกดขี่มานานเกินไปแล้ว มีเพียงการก่อกบฏเท่านั้น ที่เจ้าจะได้รับศักดิ์ศรีในฐานะคนคนหนึ่ง

รอจนถึงวันหนึ่ง เมื่อพวกเจ้าได้รับความเคารพ มีศักดิ์ศรีที่พึงมี เจ้าถึงจะรู้สึกว่าชีวิตของเจ้าที่นี่ช่างมีคุณค่า เจ้าคิดว่าข้าพูดได้ถูกต้องหรือไม่? "

อ๋าวชิงมองเฟิ่งหลิงหยุนอย่างอึ้งๆ: "ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ท่านจะเป็นคนแบบนี้ เพิ่งได้มารู้เอาวันนี้นี่ล่ะ ช่างเป็นอะไรที่ชวนให้ประหลาดใจเหลือเกินแล้ว"

"เจ้าจะประหลาดใจก็เป็นเรื่องปกติ ใครใช้ให้ตลอดหลายปีมานี้ ข้าปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าในฐานะที่เป็นแค่เด็กคนหนึ่งมาตลอดล่ะ มาตอนนี้ได้มาเจอแบบนี้ ย่อมรับไม่ได้เป็นธรรมดา"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน