“เช่นนั้นก็ดี จะได้มิต้องรบกวนท่านเซียนฉู่อีกต่อไปแล้ว”
ลั่วชิงยวนคิดว่าจะส่งฟู่เฉินหวนออกไปได้แล้ว
แต่ปรากฏว่าฟู่เฉินหวนกลับพูดว่า “นานแล้วที่เรามิได้นั่งดื่มสุราด้วยกัน คืนนี้แสงจันทร์งดงามนัก มาดื่มกันสักสองสามจอกดีหรือไม่?”
ซ่งเชียนฉู่รีบลุกไปยังห้องครัวหลังบ้านเพื่อนำถ้วยสุรามา
“เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อน ท่านทั้งสองโปรดสนทนากันตามอัธยาศัยเถิดเพคะ”
ซ่งเชียนฉู่กลับไปยังห้องของตน
ฟู่เฉินหวนและลั่วชิงยวนจึงดื่มสุราด้วยกัน
ฟู่เฉินหวนถามซ้ำอีกครั้งว่า “ท่านเซียนฉู่ ช่วยตรวจดูให้ข้าอีกครั้งเถิด ว่าข้าถูกวางยาพิษหรือถูกควบคุมด้วยยาชนิดใดหรือไม่?”
ลั่วชิงยวนถึงกับตะลึงไปเล็กน้อย
“ท่านอ๋อง คือว่า... กระหม่อมได้ตรวจดูให้ท่านอ๋องแล้วหลายครั้ง แต่กระหม่อมก็ยังดูมิออกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาก
“หากท่านยังดูมิออก เช่นนั้นใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดจะรักษาได้แล้วกระมัง?”
น้ำเสียงที่หนักอึ้งและเศร้าโศกนั้น ทำให้ใจของลั่วชิงยวนเจ็บปวดราวกับถูกของหนักทับ
จึงรีบกล่าวว่า “ท่านอ๋องมิควรสิ้นหวังเช่นนั้น กระหม่อมดูมิออกก็มิได้หมายความว่าจะไม่มีวิธีรักษา”
“เหนือเขายังมีเขา เหนือฟ้ายังมีฟ้า ไม่มีสิ่งใดแน่นอน”
“และกระหม่อมก็เชื่อว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพยายาม ตราบใดที่ยังมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมาย ในที่สุดก็จะประสบความสำเร็จ”
ฟู่เฉินหวนมาหาฉู่ลั่วเพื่อถามเรื่องนี้โดยเฉพาะก็เพื่อหวังจะได้คำตอบที่แน่ชัด
ใจของเขาอาจยังลังเลอยู่ว่าควรจะไล่ลั่วชิงยวนไปหรือไม่
ฟู่เฉินหวนก้มหน้าลงแล้วหัวเราะเบา ๆ “ขอบคุณท่านเซียนฉู่ที่ให้คำปลอบใจ”
ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะลองถามดูว่า “ท่านอ๋องดูจะกังวลใจอยู่มิน้อย”
“ดูมิเหมือนว่าเป็นเพราะเรื่องของใต้เท้าจูในครั้งนี้”
ฟู่เฉินหวนดื่มสุราไปพลางพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งว่า “หนทางที่ข้าเลือกเดินนั้นมีเพียงสองผลลัพธ์ คือความเป็นและความตาย”
“หากเป็นหนทางแห่งความตาย ข้ามิอยากให้นางต้องมาตายไปพร้อมกับข้า”
เมื่อได้ยินถ้อยคำที่หนักอึ้งเช่นนี้ ใจของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกคมมีดกรีด
เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ก่อนหน้านี้เขาสง่างามและมั่นใจมาก ยามเผชิญหน้ากับตระกูลเหยียนก็มิเคยหวั่นเกรง
สำหรับเขาแล้ว ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมมีเพียงหนึ่งเดียว
ยามรุ่งอรุณในวันต่อมา ฟู่เฉินหวนก็ออกไป
ส่วนลั่วชิงยวนรีบกลับไปยังตำหนักอ๋อง
คิดจะพักผ่อนนอนหลับสักงีบ แต่ปรากฏว่าฟู่เฉินหวนก็มาหานางทันที
แล้วนำสมุดเล่มหนึ่งมาให้ “นี่คือบันทึกของท่านเซียนฉู่ เจ้าลองดูสิว่ามีข้อสงสัยอะไรหรือไม่”
ลั่วชิงยวนเปิดสมุดออกดู
ดูไปดูมาก็ไปนั่งลงที่บันไดหิน
ฟู่เฉินหวนจึงนั่งลงข้างนางด้วย
“ในนี้มีทั้งชายและหญิง มีทั้งอายุยี่สิบปีและสี่สิบปี ไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ”
ฟู่เฉินหวนพยักหน้า “ถูกต้อง จุดร่วมเดียวของพวกเขาก็คือหายตัวไป แต่ไม่มีใครพบศพ”
“ข้าได้ตรวจสอบบันทึกการสอบสวนของทางการแล้ว จนถึงบัดนี้ก็ยังมิทราบที่อยู่ของผู้ที่หายตัวไปเหล่านี้”
ฟู่เฉินหวนส่งม้วนกระดาษอีกแผ่นให้นาง
ลั่วชิงยวนเปิดดู แล้วขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็เบิกตาโพลง
“มิทราบที่อยู่ แต่ผู้ที่แจ้งความกลับเชื่อมั่นว่าพวกเขาตายแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...