สุดท้ายเหลือเพียงช่องเล็ก ๆ ที่มีแผ่นไม้ตอกปิดไว้ กลายเป็นหน้าต่างที่เปิดปิดได้
ในตอนนั้นลั่วชิงยวนยังรู้สึกโชคดีที่เขามิได้ปิดตายนางไว้หลังกำแพง
แต่หลังจากที่ปิดหน้าต่างนั้นแล้วก็ถูกลงกลอนจากด้านนอก บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความมืดมิด
ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินจากไปห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ
ลั่วชิงยวนพิงกำแพงพลางทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง
เมื่อมองค่ายกลขนาดใหญ่แล้วก็รู้สึกหดหู่ใจ
ครั้งนั้นนางช่างรู้เท่ามิถึงการณ์ กลับเป็นผู้สร้างกรงขังตนเองเสียได้
เมื่อนานมาแล้ว เพื่อแลกชีวิตของลั่วหลางหลางคืนมานางจึงได้ตั้งค่ายกลผนึกห้องนี้เอาไว้
เดิมทีที่นี่ควรจะเป็นเรือนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และต้นไม้
ตอนนั้นนางมิเคยคิดเลยว่าสุดท้ายตนเองจะถูกขังไว้ที่นี่
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมึนหัวและล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
......
จือเฉาซื้อของมากมายและกลับมายังตำหนักอ๋อง
นางถือสมุนไพรเดินไปที่เรือน
ครั้งนี้ซื้อสมุนไพรมามากมาย ต้องทำให้แผลของพระชายาหายดีได้อย่างแน่นอน
แต่เมื่อเข้าไปในเรือนด้านในก็ได้ยินเสียงดังโวยวาย
มีแต่ความวุ่นวายสับสน
จือเฉาตกใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นแสงไฟลุกไหม้มาจากทางเรือนพระชายา
จือเฉาตกใจจนทำสมุนไพรทั้งหมดหล่นลงพื้นแล้วรีบวิ่งไปทางนั้นอย่างบ้าคลั่ง
เห็นผู้คนมากมายมุงอยู่หน้าเรือน
ตอนนี้ไฟกำลังลุกไหม้ไปทั่วเรือน
บ่าวไพร่หลายคนกำลังช่วยกันตักน้ำมาดับไฟ
แต่ไฟแรงเกินไป คนที่เข้าไปดับไฟเกือบจะได้รับบาดเจ็บ ถูกเปลวเพลิงบังคับให้ออกมาจากเรือน
“ไฟแรงเกินไป ดับมิได้”
จือเฉาร้องไห้ออกมาด้วยความกังวล “พระชายาเล่า? พระชายาออกมาแล้วหรือยัง?”
“พระชายายังอยู่ข้างในหรือ?”
“รีบดับไฟเร็ว! พระชายายังอยู่ข้างใน!”
จือเฉาร้อนใจจนคว้าตัวคนรับใช้คนหนึ่งไว้ แล้วถามอย่างร้อนรน
คนรับใช้ชายที่มีใบหน้าดำคล้ำมีสีหน้าลำบากใจ “แต่ไฟแรงเกินไป เข้าไปมิได้”
องครักษ์ดึงนางไว้แน่น จือเฉาทรุดตัวลงร้องไห้จนแทบขาดใจ
ไฟไหม้ครั้งนี้ กว่าจะดับก็เกือบฟ้าสาง
เมื่อไฟดับ ทั้งเรือนก็ถูกไฟไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน
แทบจะกลายเป็นซากปรักหักพัง
จือเฉาวิ่งเข้าไปค้นหาทั่ว
ในที่สุดองครักษ์ก็แบกศพที่ไหม้เกรียมออกมา
เมื่อเห็นศพนั้น จือเฉาก็ทรุดตัวลงคุกเข่า “พระชายา...”
บ่าวไพร่ที่อยู่ตรงนั้นต่างร้องไห้
พระชายาเป็นคนดีเช่นนั้น กลับต้องมาสิ้นไปเพราะถูกไฟคลอก
องครักษ์คลุมผ้าขาวแล้วแบกศพออกไป
ข่าวไฟไหม้ที่ตำหนักอ๋องแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว
ฟู่เฉินหวนกำลังเตรียมตัวนำทัพไปซีหลิง
บัดนี้สวมชุดเกราะสีเงินแล้ว
เมื่อองครักษ์แบกศพมาถามเขาว่าจะจัดการอย่างไร ฟู่เฉินหวนก็มองศพนั้นด้วยแววตาที่ลึกล้ำ แล้วกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “ฝังเสีย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...