ซีกุ้ยเฟยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “คืนนี้”
“หลังอาหารเย็น ข้าจะให้เจ้าเข้าไปยังห้องเครื่อง แต่เมื่อห้องเครื่องปิดแล้วจะเปิดอีกทีในวันรุ่งขึ้นเท่านั้น”
“พ่อครัวใหญ่ผางเป็นถึงหัวหน้าพ่อครัวหลวง เขามีกุญแจ และมีเพียงเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าออกห้องเครื่องได้ตลอดเวลา”
“ดังนั้นหากเจ้าอยู่ในห้องเครื่องตลอดทั้งคืน จงระวังตัวให้ดี”
ลั่วชิงยวนพยักหน้า
จากนั้นนางก็เตรียมตัว เพื่อความปลอดภัยจึงเหน็บกริชเล่มหนึ่งติดตัวไว้ด้วย แน่นอนว่าซีกุ้ยเฟยอนุญาตแล้ว
เมื่อถึงยามเย็น ห้องเครื่องกำลังทยอยยกอาหารออกมาทีละจาน
ลั่วชิงยวนเปลี่ยนไปสวมชุดนางกำนัลไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อคนจากห้องเครื่องนำอาหารมาส่ง ลั่วชิงยวนก็ปะปนอยู่ในหมู่พวกนาง แล้วตามพวกนางกลับไปยังห้องเครื่อง
นางกำนัลคนหนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นคนของซีกุ้ยเฟย
เมื่อเข้าไปในห้องเครื่องแล้ว นางก็ดึงลั่วชิงยวนเข้าไปในห้องเก็บฟืน
“เจ้าหลบอยู่ในนี้ ข้างนอกกำลังวุ่นวาย ไม่มีใครมาที่นี่หรอก”
“รอจนทุกคนไปแล้ว เจ้าค่อยออกมา”
ลั่วชิงยวนพยักหน้า
จากนั้นนางกำนัลผู้นั้นก็วิ่งออกจากห้องเก็บฟืนแล้วรีบไปทำงานต่อ
ลั่วชิงยวนหลบอยู่มุมห้องเก็บฟืนใกล้หน้าต่าง นางค่อย ๆ แง้มหน้าต่างออกเล็กน้อยโดยมีกองฟืนบังไว้เพื่อสังเกตการณ์ภายนอก จนทราบตำแหน่งที่ตั้งโดยรอบโดยประมาณ
อีกท้งยังเห็นพ่อครัวใหญ่ผางกำลังเดินออกมาจากห้องครัว เหล่านางกำนัลถืออาหารเดินออกไปอย่างรีบร้อน
ทั้งห้องเงียบสงบลงอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง พ่อครัวใหญ่ผางก็มองซ้ายมองขวา
สายตาของเขาบังเอิญไปสะดุดเข้ากับห้องเก็บฟืนที่ลั่วชิงยวนหลบอยู่
ลั่วชิงยวนรีบหดศีรษะลงทันใด
พ่อครัวใหญ่ผางมีท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ จะทำอะไรกันแน่?
เขาเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง สังเกตการณ์ภายนอกอย่างระมัดระวังแล้วปิดประตู
แต่ในขณะนั้นเอง มีขันทีคนหนึ่งวิ่งมาตะโกนว่า “ท่านหัวหน้าพ่อครัว กุ้ยเฟยมีรับสั่งว่าอยากเสวยหูฉลาม”
พ่อครัวใหญ่ผางจึงรีบร้อนออกไปจากห้องอีกครั้ง
นางจึงค่อย ๆ ออกจากห้องเก็บฟืนแล้วย่องเข้าไปใกล้ห้องนั้น
นางหลบอยู่หลังมุมกำแพง ค่อย ๆ แง้มหน้าต่างออกอย่างระมัดระวัง
พอดีกับตอนที่พ่อครัวใหญ่ผางหันหลังให้นาง กอปรกับเสียงสับดังกลบ พ่อครัวใหญ่ผางจึงมิได้สังเกตว่าหน้าต่างถูกเปิดออก
แต่จากมุมมองของลั่วชิงยวน นางเห็นเพียงเขียงที่เต็มไปด้วยเลือด
มีเนื้อเป็นชิ้น ๆ
แต่ก็มองมิออกว่าเป็นเนื้ออะไร
ในมิช้าพ่อครัวใหญ่ผางก็สับเนื้อเหล่านั้นจนละเอียด
นี่คงเป็นสิ่งที่ใส่ลงในอาหารของซีกุ้ยเฟย เพราะกลิ่นคาวเลือดเหล่านั้นมาจากสิ่งนี้
แต่สิ่งที่ทำให้นางตกใจคือหลังจากที่พ่อครัวใหญ่ผางสับเนื้อเหล่านั้นจนละเอียดแล้ว กลับนำไปใส่ถุงทั้งหมด แล้วทิ้งลงถัง
เป็นขยะที่มิต้องการแล้วอย่างนั้นหรือ?
แล้วเหตุใดจึงต้องสับให้ละเอียดถึงเพียงนั้น?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...