ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 227

คราวนี้นางเกือบเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว

เป็นความสะเพร่าของนางที่ตอนนั้นมัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องรักษาดวงตาของฉินไป๋หลี่ โดยหารู้ไม่ว่าตนเองกำลังจะประสบเคราะห์ร้าย

ฟู่เฉินหวนมองป้ายสัญลักษณ์ด้วยความตะลึงงันพลางพึมพำว่า "ตระกูลหลิว..."

ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วมุ่น "ท่านอ๋อง ท่านพูดว่าตระกูลหลิวเช่นนั้นหรือ?"

"หลิวฮุ่ยเซียง?"

พอฟู่เฉินหวนรู้ตัวก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "เจ้าได้ยินผิดแล้ว ข้าจะไต่สวนเรื่องหอชิงเฟิงเอง เจ้าไม่ต้องมายุ่งหรอก"

ฟู่เฉินหวนเก็บป้ายสัญลักษณ์ไปโดยไม่ส่งคืนให้แก่ลั่วชิงยวน

ลั่วชิงยวนคิดว่าคราวนี้เกือบจะเกิดเรื่องขึ้นกับฟู่เฉินหวนเข้าแล้ว ต่อให้เขาไม่ได้ช่วยนางแก้แค้น แต่ก็น่าจะต้องระบายโทสะด้วยการหาตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ออกมาให้จงได้ ฉะนั้นนางจึงไม่ได้ขอป้ายสัญลักษณ์คืน

นางขดตัวกับกองไฟเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น ไม่นานศีรษะก็ชักจะเริ่มหนักเพราะทนความง่วงงุนไม่ไหว นางจึงล้มตัวลงนอนขดกับพื้นแล้วหลับไป

ฟู่เฉินหวนครุ่นคิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้อยู่เป็นนาน เมื่อเขารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นว่าลั่วชิงยวนได้หลับไปเสียแล้ว

ทว่ายามราตรีอากาศหนาวเหน็บ แม้แต่ยามที่ขดตัวอยู่นั้น เขาก็เห็นลั่วชิงยวนกายาสั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้วแล้วเติมฟืนเข้าไปอีก จากนั้นเพลิงก็ยิ่งลุกโชนมากขึ้น

ศีรษะของลั่วชิงยวนหนักอึ้งและต่อให้มีเพลิงลุกโชนสักแค่ไหน นางก็ไม่อาจทนความเหน็บหนาวเสียดแทงกระดูกยามค่ำคืนได้ นอกเหนือไปจากนั้น ก่อนหน้านี้นางก็ตกน้ำจนจับไข้ทำให้สติของนางไม่แจ่มชัด นางจึงส่งเสียงอู้อี้เพราะความหนาว

ฟู่เฉินหวนอดที่จะเหลียวมองมิได้

ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาแล้วถอดเสื้อคลุมมาห่มให้แก่ลั่วชิงยวน

เมื่อมีไออุ่นเฉียดใกล้เข้ามา ลั่วชิงยวนที่หมดสติก็กอดกุมเอาไว้ตามสัญชาตญาณ

ทันใดนั้นก็กอดเข้าที่เอวของฟู่เฉินหวน

เขาตัวแข็งทื่อพลางขมวดคิ้วและคิดจะผลักลั่วชิงยวนออกไป แต่กลับได้นางร้องว่าหนาวออกมาเรื่อย ๆ ถึงได้ยอมแพ้ในท้ายที่สุด

คืนนั้นลั่วชิงยวนเปลี่ยนจากนอนบนหญ้าฟางข้าง ๆ ฟู่เฉินหวนมานอนบนตักของเขา จากนั้นก็หลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของเขาไปในที่สุด

ฟู่เฉินหวนพยายามผลักลั่วชิงยวนออกไป แต่ทันทีที่สัมผัสถูกหน้าผากร้อนลวกของนาง ในใจก็รู้สึกสงสารอยู่บ้าง

เมื่อฟู่เฉินหวนรู้เช่นนี้เข้าก็หน้าเปลี่ยนสีขึ้นมาทันที เขารีบนั่งลงเขย่าตัวลั่วชิงยวนแล้วตบหน้านางแรง ๆ "ลั่วชิงยวน?"

ยังไม่มีการตอบสนองอีก

แม้แต่ลมหายใจก็แผ่วเบา!

แบบนี้ไม่ได้การแล้ว!

ฟู่เฉินหวนรีบลุกขึ้นอุ้มลั่วชิงยวนแล้ววิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่ได้มองทางเดินเสียด้วยซ้ำไป

"ลั่วชิงยวน หากเจ้าตาย ข้าจะไม่เขียนจดหมายหย่าให้เจ้า! ทั้งยังไม่มีทางฝังเจ้าในฐานะพระชายาด้วย!" น้ำเสียงขรึมเคร่งของฟู่เฉินหวนแฝงไปด้วยวี่แววร้อนรนกังวลใจ

ลั่วชิงยวนที่อยู่ในสภาพมึนงงได้ยินเช่นนี้เข้า แต่เปลือกตาของนางกลับหนักเกินกว่าจะลืมขึ้นได้และพูดอะไรไม่ไหว

นางได้แต่คิดอยู่ในใจว่าบุรุษผู้นี้ช่างต่ำช้าเสียจริง ๆ!

ในสมัยโบราณ คนจีนจะแบ่งเวลา 1 วันเป็น 12 ชั่วยาม ดังนั้น เมื่อเทียบกับเวลาสากล 1 ชั่วยามจึงเท่ากับ 2 ชั่วโมง โดยจะเริ่มนับชั่วยามแรกตั้งแต่เวลา 00.01-02.00 น. และนับต่อไปเรื่อย ๆ จนครบ 12 ชั่วยาม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย