“ดูสิ เจ้ายังปลอมได้มิแนบเนียนเลยนะ ยังต้องรอบคอบอีกสักหน่อย”
“ข้าเกรงว่าเจ้าคงใช้หัวไชเท้ามาแกะสลักตราประทับกระมัง เจ้าคิดเอาของพรรค์นี้มาหลอกเอาหอฝูเสวี่ยของข้าไปกระนั้นรึ?”
“เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายถึงเพียงนั้นเชียวรึ?”
ในยามนั้นเอง ท่านอาฉินพลันมีสีหน้าตกตะลึง
มีแววตื่นตระหนกวูบผ่านเข้ามาในใจของนางวูบหนึ่ง แต่แล้วนางก็ตระหนักได้ว่าฝูเสวี่ยน่าจะตั้งใจทำทีสงบนิ่ง ด้วยหวังที่จะบีบให้นางล่าถอย
คุณชายเป็นคนเอาของกลับมาด้วยตัวเอง จะเป็นของปลอมไปได้อย่างไรกันเล่า?
“นี่คือสัญญาที่พวกเราลงนามกันเมื่อคืนนี้ ตราประทับย่อมต้องเปียกชื้นเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าก็ตั้งใจที่จะเช็ดมันออกด้วย”
“อาศัยแค่เรื่องนี้ เจ้าก็ปฏิเสธมิออกแล้ว”
ท่านอาฉินยังคงเชิดคาง ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ลั่วชิงยวนหัวเราะแล้วมองมาที่ใต้เท้าเหอ “ท่านได้ยินท่านอาฉินชัดเจนแล้วหรือไม่?”
ใต้เท้าเหอมีสีหน้าสับสน แต่ก็พยักหน้า “ข้าได้ยินชัดเจนแล้ว เช่นนั้นอย่างไรเล่า?”
ลั่วชิงยวนค่อย ๆ เชิดคาง น้ำเสียงใสกระจ่างของนางเปี่ยมไปด้วยอำนาจ…
“เช่นนั้นขอใต้เท้าเหอได้โปรดเป็นพยาน มาดูกันว่าหอเจาเซียงลักขโมยและฉ้อโกงอย่างไรเถิดเจ้าค่ะ!”
ลั่วชิงยวนโบกมือ
แม่เล้าเฉินจึงเดินถือหีบใบหนึ่งเข้ามา
นางเปิดหีบต่อหน้าใต้เท้าเหอแล้วหยิบสมุดบัญชีเล่มหนึ่งออกมา “นี่คือสมุดบัญชีของหอฝูเสวี่ย”
“นี่คือสมุดบัญชีหลังจากเปลี่ยนชื่อเป็นหอฝูเสวี่ยแล้ว”
“ใต้เท้า ได้โปรดสังเกตดูตราประทับตรงนี้เจ้าค่ะ”
เมื่อใต้เท้าเหอได้ยินเช่นนี้เข้าก็รู้สึกตกตะลึง เขาพลิกดูหลาย ๆ หน้าติดกันก็เห็นตราประทับบนนั้น
หน้าตาของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเหยเก
เมื่อเอามาเทียบกับสัญญาแล้ว ตราประทับบนนั้นช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
ถึงแม้ว่าจะคล้ายกัน แต่เหลือบมองเพียงปราดเดียวก็บอกได้แล้วว่าตราประทับที่อยู่บนสัญญาเป็นของปลอม!
หน้าตาของท่านอาฉินที่อยู่ข้าง ๆ พลันเปลี่ยนเป็นเหยเก จากนั้นนางก็คิดจะเดินเข้าไปดู
แต่แม่เล้าเฉินรีบขวางอีกฝ่ายเอาไว้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่คือบัญชีของหอฝูเสวี่ย เจ้ามีสิทธิ์ที่ดูด้วยหรือไร?”
ท่านอาฉินสีหน้าซีดขาวแล้วกำหมัดแน่น
“ข้ามิได้โป้ปดนะเจ้าคะ!”
ท่านอาฉินจะกล้ายอมรับว่าขโมยโฉนดที่ดินมาได้อย่างไรกัน ดังนั้นนางจึงได้แต่โต้แย้งต่อไป
ลั่วชิงยวนแค่นเสียงเย็นชาแล้วเอาโฉนดที่ดินกลับคืนมา “คราวหน้าก็หาข้ออ้างที่ฟังขึ้นสักหน่อยเถอะ ทุกคนในเมืองหลวงต่างทราบเรื่องความแค้นระหว่างเจ้ากับข้า ข้าจักขายหอฝูเสวี่ยให้เจ้าหรือไร?”
“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคืนก็มีหัวขโมยอยู่ในหอและยังมีร่องรอยการต่อสู้ในลานเรือน ใต้เท้าส่งคนมาตรวจสอบดูก็ได้เจ้าค่ะ”
ใต้เท้าเหอส่งคนไปตรวจสอบเบื้องหลังจริง ๆ
แน่นอนว่าเขาย่อมได้รับรายงานกลับมาว่ามีร่องรอยของการต่อสู้กันอย่างดุเดือดอีกต่างหาก
“ท่านอาฉิน เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไรเล่า?” ใต้เท้าเหอมองมาที่ท่านอาฉิน
สีหน้าของท่านอาฉินพลันแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวและแข็งทื่อไปเสียแล้ว
ฟู่จิ่งหลีหัวเราะเบา ๆ “ท่านยังต้องการคำอธิบายอันใดอีก? ใต้เท้าเหอ ท่านยังมิเข้าใจอีกหรือ?”
“เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะหอเจาเซียงสูญเสียกิจการไปจึงเกิดความคุมแค้นและอยากเขมือบหอฝูเสวี่ย ดังนั้นจึงวางแผนเพื่อขโมยโฉนดที่ดินของหอฝูเสวี่ย ทั้งยังปลอมแปลงสัญญาซื้อขายแล้วใช้กำลังเข้ายึดหอฝูเสวี่ย! ช่างเป็นวิธีการอันต่ำช้านัก!”
“หอฝูเสวี่ยมีมูลค่ากว่าหมื่นตำลึง”
“ตามกฎหมายแล้ว... สมควรโดนกุดหัว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...