ลั่วชิงยวนกระทืบเท้าเขาอย่างแรงแล้วยกมือขึ้นซัดฝ่ามือใส่เขา “ฟู่เฉินหวน ท่านมันบ้าไปแล้ว!”
ฟู่เฉินหวนกลับยิ่งเดือดดาลขึ้นเรื่อย ๆ แล้วรีบยกมือขึ้นต่อสู้กับนาง เขารู้สึกตกตะลึงที่ลั่วชิงยวนมีวรยุทธยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น ถึงแม้ว่าพลังจะมิแข็งแกร่งพอ ทว่าน้อยคนนักที่จะสามารถไล่ทันความเร็วในการตอบโต้ของนางได้!
นางไปเรียนรู้วรยุทธตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
สตรีผู้นี้มีเรื่องปิดบังเขามากมายเพียงใดกันแน่?
หลังจากต่อสู้กันมาสักพัก ฟู่เฉินหวนถึงจับมือของลั่วชิงยวนแล้วกักตัวนางเอาไว้ข้างหน้าได้
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เขาให้เจ้ามากเท่าใด? ข้าจักให้เจ้าสิบเท่า ห้ามเจ้าไปที่หอฝูเสวี่ยอีก!”
เมื่อเขานึกว่ายามที่นางร่ายรำอยู่ในหอฝูเสวี่ย มีบุรุษมากมายถึงเพียงนั้นจ้องมองนางด้วยท่าทีหื่นกระหาย เขาก็รู้สึกรังเกียจเสียจนโทสะลุกโชน
ลั่วชิงยวนยิ้มเยาะ “ขออภัย หม่อมฉันมิทำการค้ากับท่านอ๋อง!”
การค้า?
นางเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการค้าจริง ๆ
ฟู่เฉินหวนโกรธจัด “เจ้าร่วงหล่นสู่สภาพเสื่อมทราม เกินกว่าจะเยียวยาได้แล้ว!”
ดวงตาแดงก่ำของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะ
ลั่วชิงยวนใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวออกแรงซัดฟู่เฉินหวนกลับไป ก่อให้เกิดระยะห่างระหว่างพวกเขาขึ้นมา
ลั่วชิงยวนที่เปี่ยมไปด้วยโทสะจ้องมองฟู่เฉินหวนด้วยสายตาเย็นชา
เดิมทีนางคิดจะให้ฟู่เฉินหวนได้เห็นลั่วเยวี่ยอิงอยู่กับบุรุษอื่น
เดิมทีนางคิดจะเล่าเรื่องที่ตนเห็นผู้ที่มีรอยสักรูปนกอินทรีอยู่บนหลังมือให้ฟู่เฉินหวนฟัง
ทว่ายามนี้นางมิคิดจะเอ่ยสิ่งใดแล้ว
“ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะลืมสิ่งที่ให้สัญญากับหม่อมฉันอีกแล้ว บัดนี้ท่านมีสิทธิ์อันใดมาควบคุมหม่อมฉัน?”
เมื่อนางเอ่ยวาจาเย็นชาจบก็หันหลังเดินออกไปจากห้องตำรา
ฟู่เฉินหวนกำหมัดแล้วมองแผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยวของนาง ราวกับมีหินก้อนใหญ่ขวางอยู่ตรงหน้าอกของเขา
พอลั่วชิงยวนเดินออกมาก็เห็นเงาร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
ลั่วชิงยวนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
ฟู่อวิ๋นโจว
เมื่อเห็นนางมองมา ฟู่อวิ๋นโจวก็มิได้หลบซ่อนแต่อย่างใด เขาเพียงแค่ไอสองสามครั้งเท่านั้น
จริงด้วยสิ ไยนางมิคิดว่า หากอาการป่วยของฟู่อวิ๋นโจวดีขึ้น ฟู่เฉินหวนจะยอมปล่อยเขาไปหรือ?
ในเมื่อเขามีสิทธิ์ที่จะชิงบัลลังก์ เขาย่อมต้องพัวพันกับการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เขายังจะมีชีวิตรอดอยู่อีกหรือ?
ลั่วชิงยวนเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็ถามด้วยท่าทีลังเลใจว่า “ท่านรู้จักฝูเสวี่ยหรือไม่?”
เหตุใดวันนั้นฟู่อวิ๋นโจวถึงได้ปรากฏตัวอยู่นอกศาลาว่าการ
เมื่อฟู่อวิ๋นโจวได้ยินเช่นนี้ เขาก็หาได้รู้สึกประหลาดใจพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ารู้ว่าเป็นเจ้า”
ลั่วชิงยวนรู้สึกตกตะลึง
“ท่าน......”
ฟู่อวิ๋นโจวล่วงรู้ได้อย่างไรกัน?
ฟู่อวิ๋นโจวรีบกล่าวขึ้นมาว่า “อย่าได้กังวลใจไปเลย ข้าจมิบอกผู้ใด นอกจากเสด็จพี่แล้ว ข้าอาจเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้"
ลั่วชิงยวนยังรู้สึกสับสน “เช่นนั้นท่านจึงบอกเรื่องที่ข้าถูกจับเข้าคุกให้องค์ชายเจ็ดช่วยเหลือใช่หรือไม่?”
ฟู่อวิ๋นโจวพยักหน้า “ข้านึกวิธีอื่นมิออกแล้ว นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ข้าทำได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...