ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว เช่นนั้นคืนนั้นฟู่เฉินหวนก็เห็นฟู่อวิ๋นโจวเช่นกัน ทว่าเขามิได้รู้สึกประหลาดใจสักนิด
เขารู้ว่าฟู่อวิ๋นโจวเองก็ล่วงรู้ตัวตนของนาง
แต่เขากลับมิได้เอ่ยสิ่งใด
“ขอบพระทัยเพคะ” ลั่วชิงยวนตอบด้วยท่าทีซาบซึ้งใจ
“อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ขอเพียงเจ้าปลอดภัย ข้าจักมิไปหาฝูเสวี่ยหรือเผยความลับใด เจ้าวางใจเถิด”
นี่เป็นเรื่องที่แม้แต่หมอกู้ ฟู่อวิ๋นโจวก็ยังมิยอมบอก
มันเป็นเพียงเรื่องเดียวที่เขารู้
ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจของลั่วชิงยวน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะสามารถทำได้
“ขอบพระทัยเพคะ”
ฟู่อวิ๋นโจวกำลังจะเอ่ยวาจาบางอย่าง ทว่ารอยยิ้มของเขาพลันแข็งทื่อขึ้นมาทันที
เมื่อลั่วชิงยวนมองตามสายตาของอีกฝ่ายไปก็เห็นฟู่เฉินหวนยืนห่างออกไปมิไกล กลิ่นอายเยียบเย็นของเขาชวนให้คนรู้สึกสันหลังเย็นวาบ
“ดึกดื่นค่ำคืนแล้ว ท่านควรเสด็จกลับไปพักผ่อนเพคะ” ลั่วชิงยวนมองฟู่อวิ๋นโจว
ฟู่อวิ๋นโจวพยักหน้า “ได้สิ”
จากนั้นเมื่อลั่วชิงยวนจากไป ฟู่อวิ๋นโจวก็จากไปเช่นกัน
ลั่วชิงยวนที่กลับมาถึงเรือนเดินผ่านฟู่เฉินหวนไป นางมิได้หยุดฝีเท้าหรือเหลือบมองเขาเลย
ราวกับว่านางมองไม่เห็นเขาเลยสักนิด
ฟู่เฉินหวนหัวใจบีบรัดแล้วกำหมัดแน่น
……
วันรุ่งขึ้นก็มีข่าวมาจากใต้เท้าเหอ
ลั่วชิงยวนรีบไปที่ศาลาว่าการแล้วเห็นมือสังหารที่เปราะเปื้อนไปด้วยโลหิตทนรับการทรมานอยู่ในคุก
ใต้เท้าเหอเริ่มอธิบายให้ฟังว่า “คนผู้นี้ช่างปากแข็งนัก เขาถูกลงทัณฑ์มาครึ่งชั่วยามแล้ว แต่เขาก็ยังมิยอมเอ่ยสิ่งใด”
“ท่านจับตัวมาได้จากที่ใดเจ้าคะ?” ลั่วชิงยวนถาม
ใต้เท้าเหอตอบว่า “ที่หอร่ำเมรัย เจ้าต้องมิเชื่อแน่ เขาคือฉินเฟิงเถ้าแก่หอร่ำเมรัย!”
“ย่อมได้อยู่แล้ว หากเจ้าทำให้เขาอ้าปากพูดและรับสารภาพได้เร็ว ๆ จักดีที่สุด เพื่อให้ปิดคดีลงแต่โดยเร็วไว!"
หลังจากใต้เท้าเหอพูดจบ เขาก็ชี้ไม้ชี้มือให้ทุกคนที่อยู่ในห้องขังล่าถอยออกไป
เมื่อหามีผู้ใดอยู่แถวนี้แล้ว ลั่วชิงยวนก็เดินเข้าไปในห้องขังแล้วมองบุรุษวัยกลางคนตรงหน้าที่แลดูรับมือได้ยากยิ่ง
ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยแววเคียดแค้น เขาเหลือบมองนางด้วยสายตาเย็นชาแล้วเบือนหน้าหนี สีหน้าเผยให้เห็นว่าเขามิหวั่นเกรงต่อความตายและไม่รู้จักเจ็บปวดอีกด้วย
ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปากแล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “คนจากหอฝูเสวี่ยเพิ่งบอกข้าว่า มือสังหารที่บุกเข้ามาในหอฝูเสวี่ยเมื่อคืนนั้นหาใช่เจ้าไม่”
“คนผู้นั้นผอมบางยิ่งนัก ดูท่าทางอาจเป็นสตรี หรือต่อให้เป็นบุรุษ เขาก็คงเป็นบุรุษที่อ่อนแอและผ่ายผอม มิได้แข็งแรงดังเช่นเจ้าหรอก”
ฉินเฟิงแค่นยิ้มเล็กน้อย
ลั่วชิงยวนยังคงเอ่ยเสียงเรียบนิ่งต่อไปอีกว่า “เจ้าทราบหรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงจับตัวเจ้าได้เร็วปานนี้?”
“เพราะนายของเจ้ามอบภาพเหมือนของท่านให้ข้าน่ะสิ”
“เขาขายเจ้าเสียแล้ว”
เมื่อฉินเฟิงได้ยินเช่นนี้ ม่านตาของเขาก็หดวูบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...