ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 524

ขณะที่ลั่วชิงยวนมองฉินเฟิงด้วยสายตาเคลือบแคลง อีกฝ่ายก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบ “เจ้ามิใช่คนที่เข้ามาขโมยของในหอฝูเสวี่ยเมื่อคืนนั้น แต่นายของเจ้ากลับใส่ความเจ้า”

“เจ้ามิแค้นเขาบ้างรึ? ทำงานให้คนเช่นนั้นคุ้มค่าแล้วกระนั้นรึ?”

“หากเจ้าเล่าเรื่องที่ตัวเจ้ารู้ให้ข้าฟัง บางทีข้าอาจมอบทางรอดให้เจ้าก็ได้”

ลั่วชิงยวนพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาสารภาพทุกอย่างที่ล่วงรู้

แต่ฉินเฟิงก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชาขึ้นมาว่า “ยอมแพ้เสียเถิด ข้ามิพูดอันใดหรอก”

ลั่วชิงยวนหรี่ตาแล้วครุ่นคิดอยู่สักครู่

จากนั้นนางก็ออกจากห้องขังแล้วเดินไปหาใต้เท้าเหอเพื่อซักถามเรื่องของฉินเฟิง เขาเป็นเถ้าแก่หอร่ำเมรัย ทว่ากลับไร้ภรรยาหรือบุตร ทั้งยังไม่มีบิดามารดาอยู่ที่บ้านอีกด้วย เรียกได้ว่าลำพังตัวคนเดียวโดยแท้

หลังจากลั่วชิงยวนยืนยันเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง ใต้เท้าเหอก็รับรองกับนางว่า “ฉินเฟิงผู้นี้เป็นคนเมืองหลวง สำมะโนครัวของเขาถูกบันทึกเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่า เขามิเคยแต่งงานและบิดามารดาก็จากไปในวัยชรา ยามนี้เขาตัวคนเดียวแล้วจริง ๆ”

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณเจ้าค่ะ”

ลั่วชิงยวนย้อนกลับไปที่ห้องขัง

ฉินเฟิงเงยหน้ามองนางแล้วยิ้มเยาะ “ต่อให้เจ้าสังหารข้า ข้าก็มิบอกอันใดหรอก”

“อย่ามัวแต่เสียเวลากับข้าอยู่เลย”

สีหน้าที่ยอมตายเสียดีกว่ายอมจำนนของฉินเฟิง ทำให้ลั่วชิงยวนถึงกับหัวเราะออกมา

เมื่อเดินเข้ามาในห้องขัง น้ำเสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นมาว่า “ทั้ง ๆ ที่เจ้าถูกนายตนเองทรยศหักหลัง แต่ยังสู้เก็บความลับให้เขา คงเป็นเพราะท่านอาฉินกระมัง?”

“เจ้าชอบท่านอาฉินสินะ”

ลั่วชิงยวนมองฉินเฟิงด้วยสายตาคมกริบ

ในขณะนั้นเอง นางก็เห็นแพขนตาของเขาสั่นระริกพร้อมม่านตาหดวูบ

“ข้ามิทราบว่าเจ้าเอ่ยถึงสิ่งใด ข้าไม่รู้จักท่านอาฉินกระไรนั่นหรอก”

เมื่อสังเกตจากภายนอก ทั้ง ๆ ที่ฉินเฟิงยังคงสีหน้าไม่ยินดียินร้ายเอาไว้ ทว่าแววตากลับทรยศตัวเขาเอง

“เจ้าหามีบิดามารดา ภรรยาและบุตรอยู่ในเงื้อมมือของนายตนเองไม่ หามีสิ่งใดคุกคามเจ้าได้ไม่ เจ้าดำเนินกิจการหอร่ำเมรัยและใช้ชีวิตสุขสบาย มิหนำซ้ำเจ้ายังมิได้ฝึกนักรบเดนตายหรือมือสังหารเลย”

“นอกเหนือไปจากความรักแล้ว ข้านึกเหตุผลอื่นที่ทำให้เจ้ายอมตายเสียดีกว่าพูดอันใดออกไปมิออกเลย”

“ท่านอาฉิน หรือ… ลี่เซียง?”

หลังจากได้ยินเช่นนี้เข้า ในที่สุดลั่วชิงยวนก็เข้าใจแล้วว่าฉินเฟิงถูกผลักให้เป็นแพะรับบาปได้อย่างไรกันแน่

หากใช้ประโยชน์จากการบอกกล่าวเช่นนี้ ฉินเฟิงกับท่านอาฉินย่อมต้องตายตกไปตามกัน ควรทราบว่าฝูจ้าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขโมยโฉนดที่ดิน พวกเขาล้วนต้องตายกันหมดอยู่แล้ว

“หลังจากหอเจาเซียงก่อเรื่องใหญ่ขนาดนั้นแล้ว ไยเขาต้องปกป้องหอเจาเซียงด้วยเล่า? เขามอบภาพเหมือนของเจ้าให้แก่ข้าก็เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากข้า จากนั้นพอควบคุมข้าได้ก็เท่ากับควบคุมหอฝูเสวี่ยได้”

“ยามนี้มูลค่าของหอเจาเซียงมิอาจเทียบได้กับหอฝูเสวี่ย หากเจ้าเป็นฝูจ้าว เจ้าจักเลือกแบบไหนเล่า?”

ฉินเฟิงดวงตาเบิกกว้างอย่างยากจะเชื่อสายตาตนเอง จากนั้นเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกจนยากจะควบคุมได้

“เป็นไปมิได้… เป็นไปมิได้หรอก…”

ถึงแม้ว่าเขาจะกล่าวเช่นนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาชักจะหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว

“ท่านอาฉินเป็นคนรักของเจ้าใช่หรือไม่? เจ้าถึงได้เกรงว่านางอาจต้องตายมากถึงเพียงนั้น?” ลั่วชิงยวนเอ่ยถามด้วยท่าทีฉงนสงสัย

ฉินเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “ข้าหาได้เกี่ยวข้องอันใดกับนางไม่”

“หาได้เกี่ยวข้องอันใดกระนั้นหรือ? เช่นนั้นก็หมายความว่า เจ้าแอบรักข้างเดียวใช่หรือไม่? เจ้าช่างเป็นผู้งมงายในรักถึงเพียงนั้นเสียได้ น่าเสียดายที่คราวนี้ท่านอาฉินย่อมต้องตายเป็นแน่”

เมื่อฉินเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้าจักบอกเจ้าทุกอย่างที่ข้ารู้ ขอเจ้าปล่อยนางไปด้วยเถิด!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย