ดวงตาของลั่วหลางหลางมืดมน นางขมวดคิ้วมุ่นและก้มหน้าลง
น้ำเสียงดูทำอะไรมิถูกเล็กน้อย “ตอนที่ตระกูลเสวี่ยเย้ยหยันว่าข้าไร้ประโยชน์ ฟ่านลิ่งเสวียนก็บังเอิญมาเยี่ยมเยียนพวกเราที่ซีหยาง ดังนั้นเขาจึงออกปากแทนข้าสองสามคำและโต้เถียงกับตระกูลเสวี่ย”
“ต่อมา ตอนที่เขาคิดจะกลับเข้ากองทัพ ทว่าคืนก่อนเขาพบว่ารองเท้าของเขาชำรุด ข้าจะช่วยซ่อมแซมให้เขาบ้าง ฟ่านซานเหอเองก็รู้เรื่องนี้ดี”
“แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อออกไปสู่ภายนอกแล้วกลับเปลี่ยนไปสิ้นเชิง”
หลังจากฟังแล้ว ลั่วชิงยวนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพียงข่าวลือ!
“นั่นหมายความว่า ต้องเป็นตระกูลเสวี่ยที่กุข่าวลือขึ้นแน่!”
“แล้วสินเดิมของเจ้าเล่า ยังจะโลภสินสอดของเจ้าอีกรึ!“
เติมทีนางคิดว่าชีวิตในซีหยางคงสงบสุข แต่มิคิดเลยว่านี่จะเป็นรังหมาป่า
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ถามอย่างสงสัย “ตระกูลฟ่านน่าจะมีเงินเก็บมิน้อย! ไหนจะสินเดิมของเจ้าอีก! เหตุใดเจ้ายังอยากทำการค้าอยู่?”
“แน่นอนว่าตระกูลฟ่านมิต้องทำการค้าก็มีกินมีใช้”
ลั่วหลางหลางตอบด้วยน้ำตาคลอ “ฟ่านซานเหอมิอยากมีชีวิตธรรมดา ๆ เช่นนั้น”
“เขาบอกแก่ข้าว่าเขาอยากให้ข้ามีชีวิตที่ดีขึ้น”
“ยิ่งกว่านั้น เมื่อมีตระกูลเสวี่ยอยู่ด้วย ฟ่านซานเหอทุกวันต้องพบปะเจรจากับเหล่าพ่อค้าและเจ้าของกิจการ สภาพแวดล้อมเช่นนั้นค่อย ๆ หล่อหลอมเขา”
ฟ่านซานเหออีกแล้ว!
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วด้วยความโกรธ “ในเมื่อเขาอยากทำกิจการ เขาก็ต้องดูให้ชัดว่าเขาเหมาะกับมันหรือไม่!”
“เหตุการณ์ลูกแก้วหงส์เพลิงที่หอมหาสมบัติมิทำให้เขาตระหนักอะไรได้บ้างเลยหรือ?”
“เขามิเพียงแต่มิรับผิดชอบเท่านั้น เขายังเป็นตัวถ่วงของเจ้าอีกด้วย”
“ช่างเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เสียจริง!”
ลั่วชิงยวนโกรธเล็กน้อยและต้องการให้ลั่วหลางหลางหย่ากับเขา!
แต่ตอนนี้นางเปลี่ยนใจแล้ว นางมิอยากพาลั่วหลางหลางไปด้วย
นางเสียให้ตระกูลฟ่านไปมากมายแล้ว นางจะจากไปได้อย่างไร! ทุกสิ่งในตระกูลฟ่านนี้ควรจะเป็นของนาง!
หลังอาหารกลางวัน ลั่วชิงยวนและลั่วหลางหลางพากันไปจับจ่ายใช้สอยอีกครั้ง สตรีสองคนเดินควงแขนกันตามมาด้วยฟู่เฉินหวนและฟ่านซานเหอ
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ฟู่เฉินหวนมองไปที่ลั่วชิงยวน ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนในดวงตา
ทว่าดวงตาของฟ่านซานเหอเองก็มิเคยละสายตาจากลั่วหลางหลาง เพียงแต่เขากลับมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย สีหน้าของเขามิเป็นธรรมชาติ และแววตาของเขาบ่งบอกถึงความกังวลอยู่เสมอ
แขนขององครักษ์ทั้งสองที่เซียวชูพามาด้วยนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของต่าง ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ลั่วชิงยวนก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุดจับจ่าย
เซียวชูอดมิได้ที่จะพูดว่า “ท่านอ๋อง คราวนี้เรามิได้นำเงินมามากมายพ่ะย่ะค่ะ"
“หากพระชายายังซื้อของอยู่แบบนี้ นางคงจะต้องยกทั้งซีหยางกลับตำหนักแล้ว”
ฟู่เฉินหวนตกใจเล็กน้อย "เจ้ามีเงินมิพอหรือ?"
เซียวชูพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
จากนั้นฟู่เฉินหวนก็เหลือบมองดาบในมือของเซียวชู “จำนำดาบที่ข้าให้เจ้าไปก่อนก็แล้วกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...