ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 874

“หากเจ้าต้องการสนหิมะเขาฉีซาน ก็ไปงานเลี้ยงกับข้า”

นี่คือลายมือของฟู่เฉินหวน

ข่มขู่นางอีกแล้ว

นางมิรู้ว่าคราวนี้ฟู่เฉินหวนต้องการทำอะไรอีก แต่นางก็ยังตัดสินใจไปด้วย

ไม่มีทางหลีกหนีได้อยู่ดี

แต่คาดมิถึงว่าฟู่เฉินหวนจะพาลั่วเยวี่ยอิงเข้าวังไปด้วย

ตอนนี้ชื่อเสียงของลั่วเยวี่ยอิงฉาวโฉ่ นางมิรู้ว่าฟู่เฉินหวนพานางมาด้วยเพราะเหตุใด เพียงเพื่อให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาหรืออย่างไร

แต่อย่างไรนางก็มิใช่คนที่ถูกหัวร่อใส่อยู่ดี ลั่วชิงยวนจึงมิสนใจ

วันนี้ลั่วเยวี่ยอิงแต่งตัวงดงาม นางยังสวมอาภรณ์สีสันสดใสที่นางสวมในงานชมบุปผาครั้งก่อน ด้วยความหวังที่จะให้ตัวเองเด่นกว่าลั่วชิงยวน

เมื่อเห็นท่าทางภาคภูมิใจของนาง ลั่วชิงยวนรู้สึกขบขันและมิสนใจ สิ่งที่นางต้องการตอนนี้คือสนหิมะเขาฉีซาน

นางมิอยากเป็นคนไร้ค่าไปตลอดชีวิต

หลังจากเข้าไปในวังหลวง มีหลายคนระหว่างทางที่เห็นลั่วเยวี่ยอิงอยู่ข้างกายฟู่เฉินหวน สายตาของพวกเขาแปลกและเต็มไปด้วยการนินทา

“มิใช่ว่าก่อนหน้านี้ลั่วเยวี่ยอิงไปยั่วยวนคุณชายสกุลเหยียนหรอกหรือ? หลังจากก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่เช่นนั้นนางกล้าเข้ามาในวังได้อย่างไร?”

"ช่างไร้ยางอายจริง ๆ"

“หากนางรู้สึกละอายใจอยู่บ้าง นางคงมิตามรบเร้าจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องหรอกกระมัง”

มีคนแอบหัวเราะเยาะ

ตลอดทาง เสียงเหล่านั้นล้วนมิน่าฟัง การปรากฏตัวของลั่วเยวี่ยอิงกลายเป็นประเด็นร้อนในงานเลี้ยงไปเสียแล้ว

แต่ทว่าลั่วชิงยวนยังได้ยินเสียงที่แตกต่างจากเสียงเหล่านี้อีกด้วย

เช่น วันนี้จะมีองค์หญิงและองค์ชายชาวเผ่านอกด่านมาถวายของกำนัลเพื่อแสดงความยินดีแด่องค์จักรพรรดิ

ลั่วชิงยวนสังเกตและคิดว่าฉินเชียนหลี่ดูเหมือนจะเคยพูดถึงชาวเผ่านอกด่านนี้มาก่อน

ชายแดนที่พวกเขาประจำการอยู่คือจุดรวมตัวของชาวเผ่านอกด่าน ชาวเผ่าอาศัยอยู่เป็นกลุ่ม ๆ มีผู้นำเป็นของตนเอง จึงวุ่นวายมาก มักจะบุกโจมตีชาวบ้านบริเวณชายแดน

ดังนั้นแล้วองค์หญิงและองค์ชายของชาวเผ่านอกด่านคู่นี้มาจากที่ใดกัน?

งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้วองค์จักรพรรดิและไทเฮาก็เสด็จมา

ลั่วชิงยวนยังเห็นชายหญิงสองคนแต่งตัวอย่างชาวต่างแคว้นนั่งอยู่ตรงข้าม

“นำมันไปเก็บ”

ฟู่จิ่งหานมิอยากมองกะโหลกหมาป่านั้นอีกแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเห็นท่าทีรังเกียจของฟู่จิ่งหาน ทันใดนั้นลั่วชิงยวนก็สงสัยขึ้นมาว่าด้านหน้าของกะโหลกหมาป่าจะเป็นอย่างไร

แต่พวกเขากลับคลุมกะโหลกหมาป่าลงและนำมันไปเก็บ

องค์หญิงหล่างชิ่นกล่าวเสริม “หม่อมฉันได้ยินมานานแล้วว่ามีปรมาจารย์มากมายในแคว้นเทียนเชวีย วันนี้เสด็จพี่กับหม่อมฉันมาที่นี่ ก็ต้องการเห็นความแข็งแกร่งของยอดฝีมือในแคว้นเทียนเชวีย แลกเปลี่ยนและทดสอบวรยุทธ”

“มิทราบว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตให้เสด็จพี่ของหม่อมฉันได้ประลองกับที่นี่หรือไม่”

คำพูดนี้แสดงออกถึงความท้าทายทันที

ลั่วชิงยวนคิดว่า ชาวเผ่านอกด่านผู้นี้อาจต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของแคว้นเทียนเชวียของพวกเขา

แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นฝ่ายท้าทาย ฟู่จิ่งหานก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำท้าทายนี้ เมื่อเผชิญกับชาวเผ่าที่มิอาจเรียกตนว่าแคว้นได้

จากนั้นเขาก็พูดว่า “ย่อมได้”

“ในแคว้นเทียนเชวียของเรามีปรมาจารย์มากมาย เจ้าสามารถเลือกท้าทายได้ตามต้องการ” ฟู่จิ่งหานพูดอย่างสบาย ๆ โดยไม่มีท่าทีเกรงกลัวใด ๆ เลย

จากนั้นองค์ชายหล่างมู่ก็ก้าวไปข้างหน้าและมองดูทุกคนที่อยู่ตรงนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย