“ท่านยังอยากจะทำลายวรยุทธของหม่อมฉันอีกหรือ! ฟู่เฉินหวน มันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว! ไม่มีวันเป็นไปได้ตลอดกาล!”
ลั่วชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบคม พร้อมกับฝ่ามือที่รุนแรงหลายครั้ง บีบให้ฟู่เฉินหวนถอยร่นไป
ร่างกายของฟู่เฉินหวนสั่นคลอนอย่างมิมั่นคง เขาเอามือทาบที่หน้าอกพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
ซูโหยววิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก เข้าไปประคองฟู่เฉินหวน
เขาตะโกนว่า “พระชายา ท่านหยุดเถิดขอรับ ท่านมิรู้หรอกว่าท่านอ๋อง…”
ซูโหยวอยากจะพูดว่าท่านอ๋องกระอักเลือดออกมามากแล้วในช่วงนี้ และตอนนี้ร่างกายก็อ่อนแอมากด้วย
แต่ฟู่เฉินหวนกลับยกมือขึ้น ห้ามมิให้เขาพูดต่อ
เพียงแค่เหลือบมองลั่วเยวี่ยอิง แวบหนึ่งในหัวของฟู่เฉินหวนก็รู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมา อยากจะพุ่งเข้าไปฆ่าลั่วชิงยวน
แต่สติก็บอกเขาว่าทำมิได้
เขาอดกลั้นความเจ็บปวดไว้ พลิกตัวแล้ววิ่งออกจากลานเรือนไป
“ท่านอ๋อง…” ซูโหยวรีบตามไป
ฟู่เฉินหวนเจ็บจนชนเข้ากับกำแพง อยากจะชนให้หัวแตก
ฟู่เฉินหวนเจ็บจนชนเข้ากับกำแพง อยากจะชนให้หัวแตก
“พาลั่วเยวี่ยอิงไปรักษา ไป!”
ซูโหยวก็ตกใจเช่นกัน “พ่ะย่ะค่ะ!”
ฟู่เฉินหวนอดทนตลอดทางกลับห้อง มิกล้าให้คนอื่นเห็น
แล้วก็ไปหลบใต้เตียงอีกครั้ง ทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
ในลานเรือน ลั่วชิงยวนกำลังมองซูโหยวให้คนหามลั่วเยวี่ยอิงที่หมดสติไปโดยที่มิได้พูดอะไร
นางเพียงแค่สงสัย วันนี้ฟู่เฉินหวนดูแปลก ๆ โดนนางตีหลายฝ่ามือก็มิตอบโต้กลับเลย
และหน้าเขาก็ซีดเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่มินาน ลั่วชิงยวนก็เลิกคิด
มันเกี่ยวอะไรกับนางเล่า
จือเฉาเดินเข้ามา “พระชายา ท่านมิเป็นไรจริง ๆ เหรอเจ้าคะ?”
ลั่วชิงยวนหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่หน้าผากของจือเฉา แล้วถามว่า “ซ่งเชียนฉู่เล่า?”
ดังนั้น จือเฉาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่ลั่วชิงยวนหมดสติไปให้ฟัง
หลังจากฟังจบแล้ว ลั่วชิงยวนรีบสั่งให้อู๋อิ๋งไปตามซ่งเชียนฉู่ทันที
เพื่อแจ้งให้เขาทราบว่านางปลอดภัยแล้ว
และเพื่อให้ซ่งเชียนฉู่คลายกังวล
น่าจะเป็นเพราะยาของสนหิมะเขาฉีซานและใบธารมรกตแรงเกินไป ทำให้นางรับมิไหวในตอนแรก จนเกือบเอาชีวิตมิรอด
แต่โชคดีที่นางมีเข็มทิศดูดซับพลังชีวิตที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติ จึงช่วยนางให้รอดพ้นจากความตาย
“หลายวันมานี้ข้าติดตามพวกเขาอยู่ พวกเขาปลอมตัว และตระกูลเหยียนเป็นคนพาพวกเขาออกจากเมืองไป”
“ข้าตามพวกเขาไปตลอดทาง พวกเขาเปลี่ยนชุดตลอดทาง น่าจะเพื่อหลบหนีการตามล่าของตำหนักอ๋อง”
ได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ขมวดคิ้ว “ตระกูลเหยียน…”
ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “เจ้าติดตามพวกเขาต่อไป ถ้าหาพวกเขามิเจอ ก็ไปหาฉินเชียนหลี่”
“ข้าเป็นห่วงว่าฉินเชียนหลี่จะมีอันตราย เจ้าไปบอกเขา ให้ระวังเรื่องเบี้ยหวัดทหารจะถูกปล้น”
“หากมีความจำเป็น เจ้าก็สามารถช่วยฉินเชียนหลี่ได้”
“แต่จำไว้ว่า ใครก็ตามที่ได้เห็นเจ้า ต้องปิดปากให้สนิท!”
ได้ยินดังนั้น ลั่วอวิ๋นสี่ก็พยักหน้า “ได้”
ลั่วอวิ๋นสี่จากไปทันที
ลั่วชิงยวนครุ่นคิดไปมา จึงตัดสินใจออกไปข้างนอก
เมื่อผ่านลานเรือนของฟู่เฉินหวน ก็เห็นซูโหยวถือยาเข้าไปในบ้านพอดี
ลั่วชิงยวนชะงักเล็กน้อย ฟู่เฉินหวนกินยารักษาตัวเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เขาบาดเจ็บหนักขนาดนั้นเลยหรือ
หรือว่า... ยานั่นจะเป็นของลั่วเยวี่ยอิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...