ลั่วชิงยวนมองไปที่เซิ่งไป่ชวน ยกยิ้มเบา ๆ “ต่อไปข้าจะมาหาเจ้า ให้เจ้าช่วยข้าหาสมุนไพรอีก”
“หากแม่นางต้องการสิ่งใดก็เรียกหาข้าได้เสมอขอรับ” เซิ่งไป่ชวนยิ้มอย่างสุภาพ
จากนั้นลั่วชิงยวนก็ออกจากสำนักหมอหลวงไป
เมื่อกลับมาที่ตำหนักของจักรพรรดิสูงสุด นางจึงเริ่มต้มยาและป้อนยาให้จักรพรรดิสูงสุด
แม้ว่าจักรพรรดิสูงสุดจะมิสามารถพูดหรือเคลื่อนไหวได้ แต่เขาก็ยังได้สติอยู่ตลอด
ลั่วชิงยวนคิดว่า การเป็นเช่นนี้ตลอดปีคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
จากนั้นเขาก็เริ่มพูดคุยกับเขา
“ฝ่าบาท พระองค์น่าจะทรงทราบว่า ผู้ใดเป็นคนที่ทำร้ายพระองค์ใช่หรือไม่เพคะ”
“ในเมื่อพระองค์ยังมีสติ ทั้งยังสามารถพยักพระพักตร์ หรือส่ายพระพักตร์เพื่อแสดงความต้องการได้ แล้วเหตุใดมิตรัสความจริงให้คนอื่นรู้หรือเพคะ”
จักรพรรดิสูงสุดส่ายหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ลั่วชิงยวนคาดเดา “พระองค์ทรงกลัวว่า พวกเขาจะทำร้ายองค์จักรพรรดิ หรือทำร้ายฟู่เฉินหวนหรือเพคะ?”
ดวงตาของจักรพรรดิสูงสุดเป็นประกาย จากนั้นจึงพยักหน้า
ดูเหมือนเขาจะมิได้คาดหวังว่านางจะเดาเหตุผลได้ จึงมองนางอย่างซาบซึ้ง
“หากจะทำร้ายแม้กระทั่งลูกชายแท้ ๆ ของตน ก็ดูจะโหดเหี้ยมเกินไปหน่อย”
จักรพรรดิสูงสุดไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
ลั่วชิงยวนคิดว่าอาจมีเหตุผลอื่นอีก
“ฝ่าบาท หม่อมฉันขอทูลถามอีกเรื่องหนึ่งเพคะ มีผู้ใดที่เข้าใจเรื่องฮวงจุ้ยอยู่ข้างกายไทเฮาบ้างหรือไม่เพคะ? หรือมีคนที่มีภูมิหลังลึกลับอยู่บ้างหรือไม่? พระองค์นึกถึงใครบ้างหรือไม่เพคะ”
องค์จักรพรรดิสูงสุดส่ายหน้า
แม้แต่องค์จักรพรรดิสูงสุดก็ยังมิรู้
คนผู้นี้ซ่อนตัวได้ดีจริง ๆ
“เช่นนั้นพระตำหนักนี้ ผู้ใดเป็นคนจัดแต่งให้พระองค์หรือเพคะ?”
จักรพรรดิสูงสุดส่ายหัวอีกครั้ง
ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะถอนหายใจ “โธ่ พระองค์ท่าน อะไรก็มิทรงทราบสักอย่าง พระองค์เป็นถึงจักรพรรดิสูงสุด เหตุใดถึงมิทรงรู้จักระแวดระวังเลยเล่าเพคะ”
“หากให้หม่อมฉันสืบหาเอง หม่อมฉันคงสืบสาวมิพบแน่”
“ทว่าหากต้องรอให้พระองค์หายดี หม่อมฉันก็มิรู้ว่าจะต้องรออีกนานเพียงใด พิษนี้มิอาจล้างออกได้ในเวลาอันสั้นเพคะ”
“หากหม่อมฉันมีชีวิตอยู่ได้มินานพอที่จะทำให้พระองค์หายจากพระประชวรเล่าเพคะ?”
ลั่วชิงยวนกำลังพูดกับตัวเอง
จากนั้นลั่วชิงยวนจึงเล่าเรื่องราวตั้งแต่ที่นางแต่งเข้าจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการ และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทั้งหมดให้แก่จักรพรรดิสูงสุดฟังราวกับเป็นเรื่องราว
โดยมิทันรู้ตัว เวลาก็ผ่านไปจนฟ้ามืดและเข้าสู่ยามค่ำคืน
แต่จักรพรรดิผู้สูงสุดมิรู้สึกเบื่อเลย ในบางครั้ง ลั่วชิงยวนสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะพูดได้อย่างชัดเจนจากปฏิกิริยาทางสายตาของเขา
แม้ว่าเขาจะพูดมิได้ แต่ก็เหมือนการสนทนากันระหว่างสองฝ่าย
เขามิได้รู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว
มิใช่ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจากการที่มิสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้อีกต่อไปแล้ว
เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามอย่างหนักที่จะขยับร่างกายและปาก พยายามที่จะสื่อสารความหมายของตนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
ลั่วชิงยวนก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเขาเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางบอกว่า ลั่วเยวี่ยอิงทุบโถใส่อัฐิของแม่นาง และฟู่เฉินหวนก็ทำลายวรยุทธนางลง
จักรพรรดิผู้สูงสุดกำหมัดเช่นกัน
“ท่านก็ทรงคิดว่าเขาทำเกินไปใช่หรือไม่เพคะ?”
จักรพรรดิสูงสุดพยักหน้าอย่างแรง
ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลัง...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...