ดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา "ข้ามิเข้าใจจริง ๆ ข้ามิเข้าใจว่า เหตุใดในยามศึกสงคราม ความโกรธแค้นของราษฎรจึงถูกมองว่าไม่มีเวลาจะไปสนใจความรู้สึกของพวกเขา"
"และก็มิเข้าใจว่าเหตุใดชาวบ้านถึงต้องออกรบ ในเมื่อยังมีทหารเหลืออยู่!"
“และข้ายิ่งมิเข้าใจว่าเหตุใดรองแม่ทัพเฉินถึงสละชีพในสนามรบได้ แต่ท่านถึงยังอยู่ที่นี่?”
น้ำเสียงของลั่วชิงยวนดุดันมาก และทุกคำพูดก็คมกริบบาดใจ
ทั้งซือซิงและเซี่ยงจิ้งต่างตกตะลึงกับท่าทีนี้
รองแม่ทัพหลิวโกรธมาก เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของทั้งซือซิงและเซี่ยงจิ้ง เขาจึงเดาว่าพวกเขามิใช่พวกเดียวกัน
เขาชักดาบออกมาด้วยความโกรธ “ใครใช้ให้เจ้ากล้าพูดอะไรหยิ่งยโสเช่นนี้ที่นี่!”
เซี่ยงจิ้งรีบปัดดาบของรองแม่ทัพหลิวและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แม่นางลั่วมาจากเมืองหลวง"
“รองแม่ทัพหลิว โปรดให้ความเคารพนางหน่อย”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ รองแม่ทัพหลิวก็ตกใจมาก มาจากเมืองหลวงเช่นนั้นหรือ?
สีหน้ารองแม่ทัพหลิวดูน่าเกลียดแต่ไม่มีอะไรจะพูด แม่ทัพหลิวจึงพาพวกเขาเข้าไปในห้องแล้วนั่งลง
เขากล่าวว่า "มิใช่ว่าข้ากลัวตาย แต่เมืองผิงหนิงสามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ก็ยากลำบากมาก เราพาทุกคนตายไปด้วยกันมิได้ เราต้องถ่วงเวลาไว้ มิเช่นนั้นเราจะรอจนถึงทัพเสริมของพวกท่านมาถึงได้อย่างไร”
เซี่ยงจิ้งขมวดคิ้วและถามว่า "ฉินเชียนหลี่อยู่ที่ใด"
รองแม่ทัพหลิวถอนหายใจ "แม่ทัพฉินถูกศัตรูจับตัวไปเมื่อหลายวันก่อนแล้ว"
“จนถึงตอนนี้ก็ยังไร้ข่าวคราว”
หัวใจของลั่วชิงยวนรู้สึกหนักอึ้ง มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฉินเชียนหลี่ มิน่าแปลกใจเลยที่นางมิเห็นเขา
และถ้าหากฉินเชียนหลี่อยู่ที่นี่ก็คงมิปล่อยให้ชาวบ้านเข้าไปในสนามรบเองแน่นอน
หลังจากนั้น รองแม่ทัพหลิก็ได้แจ้งให้พวกเขาทราบถึงสถานการณ์การศึกในช่วงนี้
รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบันในเมืองผิงหนิง
เมื่อทราบสถานการณ์โดยละเอียดแล้ว มันเลวร้ายกว่าที่ลั่วชิงยวนจินตนาการไว้มาก
ฉินเฉียนหลี่ได้ร้องขอให้จักรพรรดิจัดสรรงบประมาณเพื่อเสริมสร้างการป้องกัน แต่ในช่วงการศึกเช่นนี้ กลับค้นพบว่าการป้องกันเหล่านั้นเปราะบางยิ่งกว่าเต้าหู้เสียอีก
อาวุธที่สร้างใหม่ก็เป็นเพียงอาวุธที่ขึ้นสนิมและทื่อ มิสามารถนำไปรบได้ เพราะมิอาจสู้กับศัตรูได้เลย
กล่าวได้ว่า เงินที่จัดสรรงบถูกยักยอกไปหมดแล้ว นี่จึงเป็นเหตุให้การป้องกันเหล่านี้มิสามารถต้านทานศัตรูได้
ทันทีที่พวกเขาออกมา ชาวบ้านเหล่านั้นก็พุ่งเข้ามา
“คืนชีวิตคนในครอบครัวของข้ามา!”
“พวกท่านเหมือนโจรน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าพวกนอกด่านพวกนั้นอีก!”
เซี่ยงจิ้งปกป้องลั่วชิงยวนไว้และถูกตีไปหลายครั้ง
“ทุกคน ใจเย็น ๆ กันก่อน เรามาเพื่อช่วยเหลือและปกป้องพวกท่าน ศัตรูอยู่ตรงหน้า ดังนั้นอย่าให้เกิดศึกภายในซ้ำอีกเลย!”
ทว่าไม่มีใครฟังเซี่ยงจิ้งเลย
“ข้ามิเชื่อสิ่งที่พวกโจรอย่างท่านพูด! เช่นไรก็ตาม ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องตาย วันนี้พวกข้าจะสู้กับพวกท่านเพื่อล้างแค้นให้ครอบครัวของพวกเราที่ตายไป!”
สถานการณ์เริ่มควบคุมมิได้แล้ว
รองแม่ทัพหลิวต้องการใช้วิธีการที่รุนแรงเพื่อปราบปรามชาวบ้าน
ลั่วชิงยวนผลักเซี่ยงจิ้งออก และเดินออกไป น้ำเสียงของนางเฉียบคม "ครอบครัวของพวกท่านตายด้วยน้ำมือของพวกนอกด่าน หากใครมีความสามารถพอ ก็หยิบอาวุธไปล้างแค้นกับพวกนอกด่านสิ มาเข่นฆ่าพวกเดียวกันเองเช่นนี้ จะได้ประโยชน์อันใดเล่า!"
ทันทีที่นางดุ บรรยากาศรอบ ๆ ก็เริ่มสงบลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...