เป็นดังคาด ในวันนี้พวกนอกด่านกลับมาบุกอีกครั้ง
การโจมตีเปิดฉากอีกครั้ง กระหน่ำรุกเข้าใส่เมืองราวกับหักไม้ไผ่
อาวุธลับที่ลั่วชิงยวนเตรียมไว้กับคนของนางเริ่มใช้ได้ผล สามารถสกัดกั้นศัตรูส่วนใหญ่ไว้ได้
แต่ยังมีพวกนอกด่านมากเกินไป จนแทบรับมือมิไหว
พวกเขาพยายามบุกเข้าไปในเมืองด้วยวิธีการต่าง ๆ จนทำให้คนในป้องกันแทบมิทัน
เป็นอีกวันแห่งการต่อสู้ที่สิ้นหวัง พวกนอกด่านก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและล่าถอยไปอีกครั้ง
แต่พอถึงกลางคืน พวกเขาก็กลับมาอีก
ยิ่งไปกว่านั้นศัตรูกลุ่มนี้ยังแข็งแกร่งและมีพลังเต็มเปี่ยม ก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อพวกของลั่วชิงยวนทันทีที่พวกเขามาถึง
พวกมันปีนป่ายกำแพงเมืองเหมือนจิ้งจก มีความคล่องตัวสูงมาก บุกขึ้นหอประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
ทหารที่รักษาการณ์เมืองก็ล้มลงทีละคน
แม้ลั่วอวิ๋นสี่และเตี่ยฉุยจะทรงพลัง แต่มิสามารถต้านศัตรูทั้งหมดได้
ลั่วชิงยวนรู้สึกหนักใจ เห็นได้ชัดว่า ศัตรูที่กำลังโจมตีในคืนนี้เป็นกลุ่มที่ต่างออกไป น่าจะเป็นชนเผ่าหลายเผ่าที่ผลัดกันต่อสู้
แต่ละเผ่ามีความชำนาญต่างกันไป ความสามารถก็แตกต่างกันไป ในขณะนี้ ศัตรูที่ปีนผาหินและกำแพงได้เหล่านี้ยากที่จะต้านทาน
กำแพงเมืองทั้งแถบดูเหมือนถูกคนปีนไปทุกจุดและคราแน่นไปด้วยผู้คน
เมื่อจนปัญญา ลั่วชิงยวนจึงต้องหยิบเข็มทิศออกมาอีกครั้ง
ใช้เลือดเป็นเครื่องสังเวย และใช้วงเวทอัญเชิญวิญญาณ
วิญญาณนับหมื่นรวมตัวกันในอากาศ และกองกำลังจำนวนนับพันก็ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น
บรรยากาศของฟากฟ้ายามค่ำคืนเปลี่ยนไป กลายเป็นเย็นเยือกและแฝงความดุเดือดยิ่ง
ลมยามค่ำคืนพัดมา คมกริบราวกับใบมีดที่พร้อมจะปลิดชีวิต
ลั่วอวิ๋นสี่สัมผัสได้ถึงพลังอันทรงพลังนี้
เมื่อมองดูพวกนอกด่านถูกโยนออกจากกำแพงเมืองทีละคน เหมือนกับการโปรยเมล็ดถั่วลงบนพื้นเรียงรายหนาแน่น
ขวัญกำลังใจของทหารเพิ่มขึ้นอย่างมาก และพวกเขารู้สึกว่าเทพเซียนกำลังช่วยเหลือพวกเขาอยู่
ลั่วอวิ๋นสี่มองไปยังลั่วชิงยวนอย่างกังวล
เมื่อเห็นว่าพวกนอกด่านกำลังจะโจมตีลั่วชิงยวน นางก็รีบวิ่งเข้าไปทันที แทงร่างกายของเขาด้วยดาบของนาง และเตะคนผู้นั้นออกจากหอประตูเมือง
ลั่วชิงยวนกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง และรู้สึกตกใจเล็กน้อย
ลั่วชิงยวนค่อย ๆ นั่งลงกับกำแพงแล้วถอนหายใจ "ใช่ โชคดีที่พวกเขาผลัดกันบุก"
หากการโจมตีดำเนินต่อไปโดยมิหยุด นางคงมิสามารถต้านทานพวกเขาได้ไหว
“เจ้าดูมิค่อยดีเลย” ลั่วอวิ๋นสี่มองนางอย่างกังวล
ลั่วชิงยวนตอบว่า "มิเป็นไร พักสักหน่อยก็หายแล้ว"
ลั่วอวิ๋นสี่เงยหน้าขึ้น สัมผัสสายลมที่ยังมิสงบลง อดมิได้ที่จะถามว่า "สิ่งเหล่านี้ เจ้าเป็นคนทำหรือ?"
“นี่คงต้องแลกกับอะไรไปมากใช่หรือไม่?”
ลั่วชิงยวนปาดเหงื่อจากหน้าผากของนางแล้วมองไปที่ลั่วอวิ๋นสี่ "ข้าว่า ข้าอาจจะต้องเติมเลือดเสียหน่อยแล้ว"
ลั่วอวิ๋นสี่รู้สึกตกใจ
จากนั้นนางก็รีบเข้าไปในเมืองเพื่อหาเสบียงทันที
ลั่วชิงยวนพิงกำแพงแล้วหลับตาลง ดูท่าว่า ต่อไปยังคงต้องพึ่งวงเวทอัญเชิญวิญญาณอีกแน่
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของนางน่าจะพอยืนหยัดได้
มินานลั่วอวิ๋นสี่ก็มาพร้อมกับชามในมือ คราวนี้ในชามบะหมี่มีไข่เพิ่มขึ้นสองฟอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...