“ข้าหาเครื่องยาสมุนไพรมิเจอ แต่ข้าเจอเล้าไก่เลยหยิบไข่ออกมาได้หลายสิบฟอง เจ้ากินก่อน หากยังมิพอข้าจะไปเพิ่มให้เจ้าอีกสองฟอง”
ลั่วชิงยวนยิ้มอย่างช่วยมิได้ “แล้วเจ้ากินข้าวหรือยัง?”
ลั่วอวิ๋นสี่พยักหน้า "ข้ากินแล้ว"
จากนั้นลั่วชิงยวนก็เริ่มลงมือกิน
หลังจากกินอิ่มแล้ว แสงจันทร์ส่องสว่างพอดี นางจึงหยิบเข็มทิศออกไปนั่งสมาธิใต้แสงจันทร์เพื่อดูดซับพลังแห่งฟ้าดิน
นางทำได้เพียงอาศัยวิธีนี้เพื่อฟื้นฟูพลังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
……
ที่ธารน้ำเฉี่ยนซี
“รายงาน! พวกนอกด่านถอยทัพอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ซือซิงก็ตกตะลึง "ถอยทัพอีกแล้วรึ? พวกเขามีกันแค่มิกี่คน จะต้านทานทัพพวกนอกด่านนับหมื่นได้อย่างไรกัน?"
ทหารตอบว่า "ข้ามิทราบสถานการณ์แน่ชัด แต่พวกนอกด่านมิสามารถเอาชนะพวกเขาได้จริง ๆ หลายชั่วยามก็ยังตีเมืองเข้าไปมิได้ขอรับ"
“และผู้ที่โจมตีเมืองคืนนี้คือเผ่าปีกอินทรี ซึ่งเป็นชนเผ่าที่เก่งเรื่องการปีนป่ายที่สุด แต่ก็ยังตีมิสำเร็จ”
เมื่อซือซิงได้ยินเช่นนี้ก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ "ลั่วชิงยวนมีความสามารถจริง ๆ สมแล้วที่ปลอมแปลงป้ายคำสั่งของมหาราชาจารย์เหยียนได้"
นายทหารที่อยู่ด้านข้างถามว่า "ท่านแม่ทัพ เมืองผิงหนิงได้ขอความช่วยเหลือจากเราและขอให้เรากลับไปโดยเร็วที่สุด ท่านแม่ทัพท่านมีแผนจะกลับไปหรือไม่?"
ซือซิงหรี่ตาลงเล็กน้อย "รอสักหน่อย ดูว่าลั่วชิงยวนคนนี้จะทนได้อีกกี่วัน"
ตระกูลเหยียนน่าจะทราบข่าวจากชายแดนแล้ว เขาได้ระดมกำลังและออกจากอู่จิ้นแล้ว ยามนี้ขึ้นหลังเสือแล้วย่อมลงได้ยาก
หากลั่วชิงยวนสามารถเอาชนะพวกนอกด่านได้ เขาที่ปฏิบัติตามคำสั่งนางและระดมกำลังทหารมา จะกลายเป็นขุนนางผู้มีผลงาน
ทว่าหากลั่วชิงยวนแพ้ เขาเคยสนับสนุนลั่วชิงยวน ตระกูลเหยียนย่อมถือว่าเขาต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน
ตอนนี้จะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นอยู่กับความสามารถของลั่วชิงยวนเพียงอย่างเดียวแล้ว
……
ครั้นรุ่งสางมาเยือน พวกนอกด่านเริ่มโจมตีอีกครั้ง
ลั่วชิงยวนทำได้เพียงใช้งานวงเวทอัญเชิญวิญญาณ ซึ่งในยามกลางวันนั้นมิทรงพลังเท่ายามกลางคืน ดังนั้นพวกเขายังจึงต้องพยายามป้องกันเมืองอย่างสุดกำลัง
แม้จะป้องกันไว้ได้ แต่ก็มีผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จำนวนของพวกเขาก็น้อยลง สุดท้ายต้องนำคนบาดเจ็บเข้าสู่สนามรบเท่านั้น
“รอกระหม่อมอยู่ที่นี่ อย่าได้ลงมือเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่เซียวชูพูดจบ เขาก็วิ่งออกไปทันที
เซียวชูล่อคนของลั่วฉิงออกไปแล้ว ฟู่เฉินหวนรออยู่ที่นั่นสักพักหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นและรีบจากไปทันที
หลังจากเดินได้มิไกล ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาและหยุดอยู่ตรงหน้าฟู่เฉินหวน
“คนของเจ้าทุกคนถูกล่อไปทางอื่นหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครปกป้องเจ้าได้อีก”
ลั่วฉิงมองเขาและหรี่ตาลงเล็กน้อย "เจ้าเป็นคนแรกที่โดนเขี้ยวเหล็กของข้าไปสิบหกเล่ม แล้วยังสามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติเช่นนี้"
“แต่น่าเสียดาย เจ้าจะใช้วรยุทธมิได้แล้ว ตอนนี้เจ้าก็เป็นแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น”
“ในคุกฆ่าเจ้ามิได้ แต่ตอนนี้ ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!”
ลั่วฉิงมิต้องการเสียเวลา ก้าวประชิดเขาเข้าไปทุกที
ฟู่เฉินหวนล้มลงกับพื้นอย่างแรง มือกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด
ลั่วฉิงถือโอกาสยกดาบของนางขึ้นและแทงฟู่เฉินหวนเข้าที่หน้าอก
แต่ในชั่วขณะนั้น ดวงตาของฟู่เฉินหวนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย
อ่านมาสามร้อยกว่าตอน ยอมรับว่านางเอกเป็นคนเก่ง เก่งแต่ทำเรื่องโง่ๆ โง่จนอ่านไปเจ็บอกไป โมโหจนจะเป็นลม ทำเพื่อผู้ชายแบบอิอ๋องไม่รู้กี่รอบ อีกกี่ตอนนางเอกถึงจะฉลาด...
หายไปไหน ไม่อัพหลายวันแล้ว ติดอยู่ตอนที่ 1386 รออ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น๊า...
รู้ว่ารวยแย่เองก่อความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำไมไม่วางยาให้เป็นใบ้ บางบทก็ฉลาดเกินบทจะโง่ก็สุดจริง...
อาจารย์ก็ถูก รั่วให้เพียงใช้ประโยชน์ ตัวเองก็ถูกสู้เชิงหัวใจประโยชน์ เกือบตายหลายครั้ง แต่ก็ไม่ไปไหนสักที คอนจบรักกันดูดดื่มแน่นอนสินะ 5555...
มือสังหารในวังอ๋องก็องค์ชายห้าแหละ เดาตั้งแต่หมอกู้พูดว่า ไปหมดแล้วท่านเลิกแสดวได้แล้ว 555...
องค์ชายห้าตั้งใจ นางเอกก็รู้ทั้งรู้ว่ายิ่งเข้าใกล้องค์ชายห้ายิ่งมีเรื่องแต่ก็ไม่เลิก55555...
ยังรออ่านนะคะ...
นางเอกปลอมตัวเป็นผู้ชายทำไมถ้านิสัยยังเหมือนเดิม...
ผัวอย่างเลว้าย แต่นางเอกก็คงรักผัวขั้นสุด เกือบทิ้งชีสิตหลายครั้งเพราะช่วยผัว ในขณะที่ผัวก็พยายามฆ่าตัวเองตลอด กู่คงเป็นเพียงข้อองมากกว่า 5555...
เกิดอะไรขึ้นคะ ไม่เขียนต่อแล้วเหรอ...