ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย นิยาย บท 991

แต่เขาบอกหล่างมู่ว่าเป็นอาของเขางั้นหรือ?

หล่างมู่ถาม “อา? ข้าเคยมีอาตั้งแต่เมื่อใดกัน? เสด็จพ่อ ท่านมิเคยพูดถึงเลยนี่”

ราชาเผ่านอกด่านพูดอย่างจริงจัง "ตอนที่ข้าพบนาง นางยังเป็นเด็กสาว ย้อนกลับไปยามนั้น นางมาฝึกฝนตัวเองที่เผ่านอกด่านและบังเอิญติดกับดักล่าสัตว์ของข้า นางคิดว่าข้าจะจับนาง เราเลยประมือกันไปหนึ่งกระบวนท่า”

“ด้วยเหตุนี้ การประมือกันครั้งนั้นทำให้เราได้รู้จักกัน จนได้กลายเป็นสหายสนิทกันตั้งแต่ครั้นเยาว์วัย”

“ในเวลานั้น เผ่านอกด่านยังคงวุ่นวายมาก แต่ละเผ่าต่อสู้แย่งชิงอาหารกัน ชนเผ่าที่โหดร้ายถึงกับกินเนื้อคนของพวกเขาเองด้วยซ้ำ”

“ข้าหัวเดียวกระเทียบลีบและยังต้องดูแลน้องชาย ข้ามีชีวิตที่ยากลำบากมากท่ามกลางเผ่านอกด่าน ข้าถูกขายให้เป็นทาสและเกือบเอาชีวิตมิรอด ต้องขอบใจลั่วอิง นางช่วยข้าไว้เสมอ”

“นางยังช่วยให้ข้าก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของเผ่าปีกอินทรี ทำให้เรามีชีวิตที่ค่อนข้างมั่นคงขึ้นมาบ้าง”

“ต่อมา เพื่อขยายอาณาเขตและเพิ่มความแข็งแกร่งของเผ่า ข้าจึงแต่งงานกับแม่ของเจ้าซึ่งเป็นหัวหน้าของเผ่างูทะยานในเวลานั้น”

"หากไม่มีลั่วอิง ข้าคงมิเป็นข้าอย่างในยามนี้"

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึง

ที่แท้แล้วในวัยเยาว์ อาจารย์ยังเคยมีเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนด้วย

เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่อาจารย์และราชาเผ่านอกด่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน

“แล้วนางไปแคว้นเทียนเชวียได้อย่างไร?” หล่างมู่ถามอย่างสงสัย

ราชาเผ่านอกด่านถอนหายใจ "นางไปกับน้องชายของข้า"

ลั่วชิงยวนรู้สึกสะท้านในใจ

ทันใดนั้นการคาดเดาที่กล้าหาญขึ้นในใจ

“ลั่วไห่ผิง เป็นน้องชายของท่านหรือ?” ยิ่งลั่วชิงยวนมองไปที่ราชาเผ่านอกด่านตรงหน้ามากเท่าไร นางก็ยิ่งแยกแยะความแตกต่างระหว่างเขากับลั่วไห่ผิงได้มากเท่านั้น

แม้ว่าพวกเขาจะดูคล้ายกัน แต่ราชาเผ่านอกด่านก็มีโครงหน้าที่คมคายกว่า และมีคิ้วที่แหลมคมกว่า แม้ว่าเขาจะป่วยและอ่อนแอ แต่เขาก็ยังมีความสง่างามอย่างบุรุษผู้แข็งแกร่ง

นี่คือสิ่งที่ลั่วไห่ผิงไม่มี

“ลั่วไห่ผิง?” ราชาแห่งเผ่านอกด่านรู้สึกมิค่อยคุ้นกับคำสามคำนี้เลย

ลั่วชิงยวนกล่าวว่า "เขาเกือบจะดูเหมือนกับท่านทุกประการทีเดียว"

ราชาเผ่านอกด่านพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม "ที่แท้เขาเปลี่ยนชื่อเป็นลั่วไห่ผิงแล้วนี่เอง"

“เขาแซ่ลั่ว แล้วเจ้าเป็นอะไรกับเขาหรือ?” ราชาเผ่านอกด่านคิดถึงเรื่องนี้และมองลั่วชิงยวนอย่างนึกสงสัย

ลั่วชิงยวนรู้สึกหนักใจ "เขา... คือท่านพ่อของข้า"

“น้องชายของข้าอายุน้อยกว่าข้าสิบปี ยามที่ข้าต่อสู้กับเผ่านอกด่านแต่ละเผ่า เขามีอายุเพียงเจ็ดหรือแปดปีเท่านั้น”

“หลังจากพบกับลั่วอิง นางช่วยข้าหาทางส่งน้องชายของข้าให้กับพ่อค้าคนหนึ่งที่ผ่านมา โดยหวังว่าเขาจะมีชีวิตที่ดีกว่า”

“น้องชายของข้าอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก เขามิสอาจอยู่รอดได้ท่ามกลางเผ่านอกด่านเหล่านี้ ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงส่งเขาออกไปเท่านั้น”

“ลั่วอิงสัญญากับข้าว่านางจะไปยังแคว้นเทียนเชวียเพื่อตามหาเขาในภายหลัง และจะช่วยข้าดูแลเขาให้”

“ข้ามิรู้ ถึงเรื่องราวชีวิตของลั่วไห่ผิงที่เจ้าพูดถึงเลย”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนก็พลันเข้าใจอะไรบางอย่าง

เช่นนั้นอาจารย์ของนางเป็นคนปลอมประวัติให้ลั่วไห่ผิง? แล้วค่อย ๆ ช่วยเขาก้าวขึ้นเป็นอัครเสนาบดีของแคว้นเทียนเชวีย

นางทำทุกอย่างให้ลั่วไห่ผิงมากมายเพียงนั้น เพราะนางรักลั่วไห่ผิงอย่างนั้นหรือ? หรือเป็นเพราะสัญญากับราชาเผ่านอกด่าน?

“หากเจ้าเป็นลูกสาวของน้องชายข้า เช่นนั้นเจ้าย่อมรู้จักลั่วอิงใช่หรือไม่?” จู่ ๆ ราชาเผ่านอกด่านก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ตื่นเต้นยิ่งกว่าการได้รู้ข่าวคราวของน้องชายตนเสียอีก

ลั่วชิงยวนมองเขาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

นางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "นาง..."

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย