……….
ทันทีที่มีลำแสงปรากฏขึ้น อุณหภูมิที่แผดเผาก็เพิ่มขึ้นสูง ทำให้ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นไปเช็ดมันออก
บริเวณระหว่างคิ้วยังเรียบเนียนเช่นเดิม
แต่ความรู้สึกแสบร้อนก็ยังไม่จางหายไปไหน
ทั่วทั้งร่างกายของฉู่หลิวเยว่รู้สึกเจ็บปวดจวนเจียนคลั่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความเจ็บปวดบริเวณระหว่างคิ้ว ก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้
ความสนใจของนางทั้งหมดหยุดอยู่บริเวณระหว่างคิ้ว
ตุ้บ!
ขาของนางอ่อนยวบ จากนั้นก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น
“อาเยว่!”
ถวนจื่อตะโกนขึ้นมาอย่างเป็นกังวล น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา
นางพยายามดิ้นรนขัดขืนและต้องการจะพุ่งตัวไปด้านหน้า แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตามพลังของบรรพบุรุษก็แข็งแกร่งมากเกินไป ทำให้นางถูกขังอยู่ที่เดิม และเฝ้ามองจากระยะไกลเท่านั้น
“อาเยว่!”
เสียงของถวนจื่อเจือเสียงสะอึกสะอื้น
นางไม่สามารถทนมองฉู่หลิวเยว่ได้รับความทุกข์ทรมานได้ โดยเฉพาะ… การอยู่ในกองเพลิงเช่นนี้!
เมื่อมองเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในสมองของนางก็ฉายภาพเหตุการณ์ในปีนั้นขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนแรกที่หอบรรพกษัตริย์ราชวงศ์เทียนลิ่งนางก็อยู่ท่ามกลางกองเพลิงขนาดใหญ่เช่นนี้ ซึ่งทำให้พวกนางต้องแยกจากกันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา!
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันอีกครั้ง ถวนจื่อจึงรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“นางไม่เป็นไร”
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยและหยาดน้ำตาของถวนจื่อ บรรพบุรุษจึงอดทอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“หากข้าสังหารนางในตอนนี้ไม่เท่ากับว่าข้ากำลังสังหารเจ้าอยู่หรือ?”
กว่าจะสามารถรอคนอย่างถวนจื่อมาได้สักคนไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจึงไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่นอน
ถวนจื่อมองไปด้วยความเหม่อลอย
“จริงหรือ?”
แต่อาเยว่ดูเจ็บปวดทรมานมากเลย
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะหลอกลวงเจ้าได้อย่างใด”
ถวนจื่ออายุยังน้อย บรรพบุรุษทราบดีว่าภายในหัวใจของนางมีเพียงซั่งกวนเยว่เท่านั้น ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างใดไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้เพียงเกลี้ยกล่อมนางเช่นนี้
ถวนจื่อเช็ดน้ำตา เบะริมฝีปาก และพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“หากอาเยว่เป็นอันใดไปขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งนายน้อยหรือประมุข ข้าก็ไม่ต้องการทั้งนั้น!”
ไม่ว่าจะเป็นหรือตายนางก็จะติดตามอาเยว่ไป!
…
หลังจากผ่านไปครึ่งเค่อ ประกายเพลิงทั้งหมดก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของฉู่หลิวเยว่
เลือด เนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นของนางเหมือนถูกความร้อนเข้าปกคลุม!
“ชักนำพลังที่อยู่ในเปลวเพลิงให้เข้าสู่ตันเถียนของเจ้า”
เสียงแหบพร่าจากระยะไกลดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด แล้วฝืนตนเองให้ยืนตรง
การกระทำของนางเชื่องช้าเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่นางเคลื่อนไหว ความเจ็บปวดบนร่างกายจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน
รอจนกระทั่งนางสามารถนั่งสมาธิได้อย่างยากลำบาก พื้นที่ตรงหน้าก็มืดดำ จนแทบไม่สามารถมองเห็นภาพใดๆ ได้เลย
หลังจากนั้นนางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือทั้งสองข้างวางที่หัวเข่า และโคจรพลังที่อยู่ในร่างกายอย่างยากลำบาก
เปลวเพลิงเหล่านั้นเหมือนกับกระแสน้ำ มันไหลเข้ามาในร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง
แรงกดดันที่อยู่ภายในนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ฉู่หลิวเยว่แทบจะไม่สามารถควบคุมได้ นางกัดฟันพยายามอย่างสุดแรง และค่อยๆ ชักนำพลังเหล่านั้นสู่ตันเถียน
พรึ่บ…
สะเก็ดเปลวเพลิงเล็กๆ สัมผัสลงกับชีพจรดั้งเดิมของนาง ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเสียงเผาไหม้อันแสบแก้วหูอย่างชัดเจน!
ความเจ็บปวดทะลุเข้ากระดูกจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ฉู่หลิวเยว่มีใบหน้าซีดขาวในทันที
นางหลับตา ขมวดคิ้วมุ่น อาศัยพลังจิตควบคุมพลังเหล่านั้น
นางยังคงเงียบไม่พูดไม่จา มีเพียงร่างกายที่สั่นสะท้านเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้นางกำลังได้รับความเจ็บปวด
เมื่อเปลวเพลิงดวงแรกตกลง หลังจากนั้นไม่นานก็มีดวงที่สอง ซึ่งมันก็หล่นลงมาในบริเวณไม่ไกลกันนั้น
ร่างกายของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที ระหว่างริมฝีปากและฟันมีกลิ่นสนิมกระจายออกมา
หลังจากนั้นเปลวเพลิงก็กระจายไปทั่วเส้นชีพจรของฉู่หลิวเยว่อย่างอิสระ
แต่ระหว่างคิ้วของนางนั้นกลับมีความร้อนเพิ่มสูงขึ้น!
ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้
ก่อนหน้านี้ภายในตาน้ำที่เขาหมื่นเมรัย ขณะที่นางอัญเชิญอาณาเขตเซียนเทพกลับมา บริเวณกลางหน้าผากของนางก็มีความเจ็บปวดเช่นนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน
เพียงแต่ในตอนนั้นเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก นางจึงไม่ได้สนใจในจุดนี้
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น นางก็สลบไสลไปหนึ่งเดือน หลังจากตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ลืมเรื่องนี้ไปจนหมดสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...