……….
เผ่าหงส์ทองคำเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลที่มีฐานะสูงส่ง ดังนั้นมันจึงมีนิสัยเย่อหยิ่งอยู่ตลอด
โดยเฉพาะอยู่ต่อหน้าพวกมนุษย์
อีกทั้งคนผู้นี้ยังเป็นบรรพบุรุษของเผ่าหงส์ทองคำ!
จะว่าไปแล้วถือว่าเขาเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดก็ไม่ได้เกินไปนัก!
ต่อให้จะเป็นเพียงจิตสำนึกสายหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ แต่ฐานะอีกฝ่ายที่ยังหลงเหลืออยู่นั้น ก็เต็มไปด้วยแรงกดดัน
ต่อให้นางกับถวนจื่อทำพันธสัญญากันแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรตินางเช่นนี้หรอกมั้ง?
ในสมองของฉู่หลิวเยว่มีความคิดมากมายปรากฏขึ้นมา แต่สีหน้าก็ดูปกติ นางหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ถวนจื่อติดตามข้ามาหลายปี ร่วมเป็นร่วมตายมานับครั้งไม่ถ้วน เราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันมาตั้งนานแล้ว ข้ารู้ว่าสิ่งที่ประมุขอี้เจาทำนั้น คือการหวังดีต่อถวนจื่อ ข้าก็รู้สึกยินดีและมีความสุขเช่นกัน”
สิ่งที่พูดนี้เป็นความจริง
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าตนเองไม่ใช่คนดีอันใด ครั้งนี้เผ่าหงส์ทองคำทำหลายสิ่งหลายอย่างต่อนาง หากเป็นนางเมื่อก่อนหน้านี้ นางไม่มีทางอดทนได้อย่างแน่นอน
แต่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ทำเพื่อถวนจื่อ
เมื่อพิจารณาถึงจุดนี้แล้ว นางก็สามารถเมินเฉยสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด
สำหรับนางแล้ว ถวนจื่อมีความสำคัญมากกว่าสิ่งใด
ทันทีที่สิ้นเสียง นางก็รู้สึกว่าขาของตนเองอุ่นวาบ
เมื่อก้มหน้าลงไปมองก็เห็นว่าถวนจื่อกำลังกอดขาของนางอยู่ อีกทั้งยังจ้องมองนางด้วยแววตาเปล่งประกาย ในดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“อาเยว่…”
ถวนจื่อเรียกชื่อนางด้วยความออดอ้อนและสนิทสนม อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความผูกพันและพึ่งพา
นางรู้ว่า อาเยว่นั้นดีต่อนางมากที่สุด!
ฉู่หลิวเยว่ลูบศีรษะของนางพร้อมรอยยิ้ม
“ข้ามีคำถามจะถามเจ้า”
เสียงของท่านผู้นั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ผู้อาวุโสเชิญพูดมาได้เลย”
อีกฝ่ายลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า
“ของที่อยู่ภายในร่างกายของเจ้า เจ้าได้มาจากที่ไหน?”
…
ภายในท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบงัน
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่ได้ยินประโยคนั้น นางก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่า เขาหมายถึงไข่มุกธาราที่อยู่ในตันเถียนของนาง!
นางชะงักไปชั่วคราว และรู้ว่าในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งโง่งม นางจะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“นั่นเป็นสิ่งที่ผู้เยาว์ได้มาอย่างบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน”
“อ่า?”
อีกฝ่ายดูประหลาดใจเล็กน้อย
“แล้วหลายปีที่ผ่านมานี้เจ้าไม่คิดจะตามหาเศษที่เหลือหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง!
…
ห่างออกไปหลายหมื่นลี้
บนเกาะแห่งหนึ่งที่มีภูเขาสลับซับซ้อน
ที่แห่งนี้คือฐานที่มั่นของไท่ซวีเฟิ่งหลง
ยอดเขาสูงที่อยู่ตรงกลางมีความสูงมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นมันเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตา
ทันใดนั้นเองภายในถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่เชิงเขาก็มีเสียงคำรามของมังกรดังลอดออกมาด้วยความโกรธจัด
โฮก…
กระแสเสียงสะเทือนฟ้า ทำให้ไท่ซวีเฟิ่งหลงจำนวนไม่น้อยหันไปมองด้วยความตกใจ
“มันเกิดอันใดขึ้นหรือ?”
“เสียงนั้นเหมือนจะเป็นเสียงของผู้อาวุโสโหมวเหยา?”
“อ่า… เหมือนว่าผู้อาวุโสโหมวเหยาจะหายดีแล้วสินะ…” น้ำเสียงนั้นยังแฝงด้วยความประชดประชันอยู่หลายส่วน “ครั้งนี้พักรักษาตัวนานขนาดนี้ ช่างลำบากจริงๆ เลยนะ”
“ชู่ว! เบาเสียงหน่อย! หากมีใครได้ยินเข้า แล้วเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้อาวุโสโหมวเหยา เกรงว่าเจ้าจะต้องรับผลที่ตามมาเองแล้ว! เจ้าลืมพวกที่ติดตามเขาไปที่สำนักหลิงเซียวแล้วหรือ ตอนนี้จุดจบของพวกเขาคืออย่างใด!”
“หึ แล้วอย่างใดเล่า? ข้าพูดผิดตรงไหนกัน? อย่างมากที่สุดข้าก็แค่เป็นห่วงสภาพร่างกายของผู้อาวุโสโหมวเหยาก็เท่านั้น! แล้วอีกอย่างไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น เหล่าผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยก็ล้วนวิพากษ์วิจารณ์ผู้อาวุโสโหมวเหยากันอยู่เลย!”
นี่เป็นการพูดปฏิเสธทางอ้อม
ตั้งแต่ผู้อาวุโสโหมวเหยาพาคนไปที่สำนักหลิงเซียว เขาก็ตั้งใจไปหาเรื่องซั่งกวนเยว่และซั่งกวนจิ้ง หลังจากที่เขากลับมาในสภาพอเนจอนาถ ความคิดของไท่ซวีเฟิ่งหลงที่มีต่อเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...