……….
“หลังจากพวกนางออกมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง นอกจากสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ พวกนางจะสามารถไปไหนได้อีก?”
โหมวหยางไม่เข้าใจ
แม้ว่าซั่งกวนเยว่จะเป็นทายาทของซั่งกวนจิ้ง แต่ในปีนั้นซั่งกวนจิ้งก็ต่อสู้ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ตามลำพัง และไม่ได้สร้างกองกำลังของตนเอง
สถานที่ที่ซั่งกวนจิ้งคุ้นเคยมากที่สุด เกรงว่าน่าจะเป็นบุพกาลชายแดนเหนือ
แต่เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้พวกเขาไม่น่าจะไปที่แห่งนั้น
“หรงซิวและซั่งกวนจิ้งเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบอย่างมาก คนของพวกเราไม่กล้าเข้าใกล้ หลังจากติดตามไปสักพัก… ก็คลาดสายตา”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก และพูดขึ้นด้วยความระมัดระวัง
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าไร้ความสามารถ ท่านประมุขโปรดลงโทษข้าด้วย”
โหมวหยางส่ายหน้า
“เมื่อคลาดไปแล้ว ก็ให้พวกเขากลับมาก่อน หลังจากนี้ ค่อยไปสืบเอา ดูว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่ และอีกอย่างที่สำคัญที่สุด ไปสืบมาให้ได้ว่า ภายในหนึ่งเดือนกว่าที่ซั่งกวนเยว่อยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่”
สิ่งที่เขาเข้าใจเกี่ยวกับอี้เจา อีกฝ่ายไม่มีทางที่จะให้เผ่าหงส์ทองคำที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์ออกมาจากเผ่าอย่างไร้รอยขีดข่วนแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่พวกเขายังจัดพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษอยู่ด้วย
ช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ซั่งกวนเยว่กลับสามารถกลับออกมาโดยไม่เป็นอันใดเลย ซึ่งมันทำให้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก
“แล้วก็ไปดูเด็กน้อยคนนั้นด้วย ดูว่านางมีสถานะอันใด”
โหมวหยางขมวดคิ้วขึ้น
ตอนที่ซั่งกวนเยว่เข้าไป นางเข้าไปคนเดียว แม้กระทั่งซั่งกวนจิ้งก็ยังถูกกันอยู่ด้านนอก
เหตุใดตอนที่ออกมา ข้างกายถึงมีเด็กหญิงอายุสามสี่ขวบติดตามออกมาด้วยเล่า?
เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงคนนั้นไม่ใช่เผ่ามนุษย์ และเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็น… เผ่าหงส์ทองคำ!
แต่เผ่าหงส์ทองคำก็เหมือนกับเผ่าของพวกเขา ภายในเผ่าจะไม่มีเด็กเล็ก
ผู้ที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ อย่างน้อยก็มีลักษณะเหมือนเด็กอายุสิบกว่าขวบ
การปรากฏตัวของเด็กน้อยคนนี้มันแปลกประหลาดมากเกินไป
“ขอรับ!”
ผู้ใต้บังคับบัญชารีบตอบรับ จากนั้นก็โค้งกายออกไปด้านนอก
เขาเพิ่งเดินออกไปสองก้าว โหมวหยางก็เรียกขึ้นอีกครั้ง
“อย่าลืมนะ ตอนที่ปฏิบัติหน้าที่จะต้องรอบคอบและไม่ให้เป็นจุดสนใจ งานหมื่นคีรีกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ เด็ดขาด”
ผู้ใต้บังคับบัญชามีสีหน้าตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
“ขอรับ!”
…
สำนักหลิงเซียว
ภายในห้องโถง หอระฆังบูรพกษัตริย์ ท่านเจ้าสำนัก หนานซู่ไหว และท่านผู้อาวุโสอีกหลายคนก็กำลังรวมตัวกันอยู่ที่นั่น
“…เรื่องทั่วไปของเขาหมื่นเมรัยได้จัดการทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่หากอยากจะซ่อมแซมให้สมบูรณ์ เกรงว่าจะต้องใช้ระยะเวลานานหน่อย ยอดเขาบริเวณข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบ ตอนนี้ก็สามารถเปิดต่อไปได้แล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงนั่งอยู่ด้านล่าง เขาเอนตัวพิงผนังเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้านเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมาอย่างโล่งอก
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่า พวกเขาพยายามแก้ปัญหาที่ตามมา จนต้องยุ่งเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งเวลาหายใจก็แทบจะไม่มีแล้ว
โชคดีที่ตอนนี้เรื่องส่วนใหญ่ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนที่เหลือจัดการไปอย่างเชื่องช้าก็พอแล้ว
หนานซู่ไหวพูดขึ้นว่า
“ลำบากทุกท่านแล้ว”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงโบกมือไปมา
“เดิมทีนี่ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว จะเรียกว่าลำบากได้อย่างใดกัน? แต่ว่า… ภูเขาลูกนั้น มันจะหัวล้านไปหน่อยแล้ว”
ทันทีที่สิ้นเสียง บรรยากาศที่ตึงเครียดภายในห้องโถงก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย
หนานซู่ไหวส่ายหน้าออกมาพร้อมรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
สำนักหลิงเซียวอยู่ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่มาเป็นหมื่นปี แม้กระทั่งต้นไม้ที่อยู่บนเทือกเขาก็เป็นต้นไม้โบราณ
แม้ว่าเขาหมื่นเมรัยจะค่อนข้างพิเศษ แต่ต้นไม้ที่อยู่บนเขานั้นก็มีขนาดหลายคนโอบเลยทีเดียว
หลังจากผ่านสงครามอันน่าตกตะลึง เขาหมื่นเมรัยก็ถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ด้านบนถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น
“จริงสิ ท่านเจ้าสำนัก ทางด้านพระราชวังเมฆาสวรรค์ยังไม่ส่งข่าวมาอีกหรือ? ก่อนหน้านี้หรงซิวบอกมาไม่ใช่หรือว่า เขาจะไปรับนังหนูเยว่เออร์ด้วยตนเอง หากกลับถึงพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้วจะส่งข่าวมาอีกครั้ง?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนโน้มตัวไปด้านหน้า แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย
ผู้อาวุโสที่เหลือหลายคนได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองทางหนานซู่ไหวโดยพร้อมเพรียง
สามารถมองออกได้เลยว่า สีหน้าของพวกเขาค่อนข้างประหม่า
…. นังหนูคนนั้นเดินทางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงจึงทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้
นี่ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างใดบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...