ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 10

จากนั้นผ่านไปสิบกว่านาที นักเดิมพันหินหลายคนค่อยทำการเลือกเสร็จ แต่ว่าภายในใจของพวกเขาแต่ละคนหนักอึ้ง อู๋เป่ยใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาที ก็เลือกหยกที่มีคุณภาพออกมาได้สามชิ้น สิ่งนี้ทำให้พวกเขาได้รับความกดดันอย่างมาก

ถ้าหากวัสดุของพวกเขาผ่าออกมาแล้วไม่ดีเท่าของอู๋เป่ย อย่างนั้นคงไม่มีหน้าอยู่ต่อไปอีกแล้ว

อย่างไรก็ตามเหมือนกันที่ถังจื่อยี่คาดการณ์ไว้ วัสดุที่อู๋เป่ยเลือกออกมาสามชิ้นเป็นของที่ดีที่สุด วัสดุที่ทั้งสามคนผ่าออกมา สีล้วนแล้วเทียบกับของเขาไม่ได้เลย อันที่ราคาสูงที่สุดแค่หนึ่งแสนกว่าเท่านั้น น้อยกว่าหนึ่งในแปดของราคารวมของอู๋เป่ย

ผลการเปรียบเทียบนั้นชัดเจนในพริบตา คนหลายคนไม่มีหน้าอยู่ต่ออีกแล้ว พวกเขาหาเหตุผลแล้วทำการบอกลา ก่อนจากไป ยังมีคนเหลือบมองอู๋เป่ยอย่างมีความหมายหนึ่งที

ทันทีที่นักเดิมพันหินจากไป จู่ๆถังจื่อยี่ก็ปรบมือ :”ร้ายกาจ!”

อู๋เป่ยหัวเราะและถาม :”ตอนนี้เชื่อผมแล้วเหรอ?”

“ฉันเชื่อคุณมาตลอด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคุณจะร้ายกาจขนาดนี้” ถังจื่อยี่หัวเราะและพูด “คุณทำได้ยังไง?”

อู๋เป่ยพูดอย่างไม่แยแส :”คุณน่าจะรู้ ผมเคยติดคุก อยู่ที่นั่นผมเจอคนแปลกๆไม่น้อยเลย สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วเรียนมาจากพวกเขา”

“รวมทั้งวิชาการต่อสู้ของคุณเหรอ?” ถังจื่อยี่เริ่มมีความสนใจ รู้สึกว่าในคุกแห่งนั้นอันที่จริงแล้วมีคนเก่งซ่อนตัวอยู่

“ถือว่าใช่มั้ง” อู๋เป่ยสามารถทำได้แค่พูดแบบนี้

หลังจากนั้นเขาถูจมูก เปลี่ยนหัวข้อ :”ผมสามารถไปเบียนหนานได้ ว่าแต่ออกเดินทางตอนไหนเหรอ?”

ถังจื่อยี่ดูเคร่งขรึม :”เดินไปทางเบียนหนาน ค่อยเป็นค่อยไป คุณเดิมพันหินร้ายกาจขนาดนี้ อีกไม่กี่วันเรียกพ่อของฉัน พวกเราไปที่เมืองเดิมพันหินก่อนหนึ่งรอบ เพียงแค่รู้ถึงความร้ายกาจของคุณ เขาถึงจะยอมเอาเงินเกษียณของตัวเองออกมา”

อู๋เป่ยเข้าใจแล้ว ถังจื่อยี่ยังคงต้องการทดสอบเขาต่อไป เพียงแต่เขาไม่ได้ใส่ใจ สามารถทำเงินสิบล้านหยวนได้ อะไรก็ได้หมด

“ได้เลย ผมว่างทุกเมื่อ ใช่แล้ว วันนี้คุณพูดถึงสถานการณ์ของลู่จวินเฟย สามารถบอกรายละเอียดกับผมหน่อยได้ไหม?”

“ได้เลย พวกเราเปลี่ยนสถานที่คุยกัน” เธอเชิญอู๋เป่ยไปที่โรงน้ำชาชั้นห้า ระหว่างที่ทั้งสองคนดื่มชาไปด้วย พร้อมกับคุยสถานการณ์ของตระกูลลู่ไปด้วย

ตามคำกล่าวของถังจื่อยี่ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วตระกูลลู่เริ่มร่ำรวย หลังจากนั้นเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไม่กี่ปีแรกๆมีความราบรื่นอย่างมาก เมื่อห้าปีที่แล้ว ตระกูลลู่มีทรัพย์สินนับพันล้าน

ความอยากอาหารของตระกูลลู่เพิ่มขึ้น ดังนั้นสามปีแห่งการเตรียมตัว จัดหาเงินทุนสิบพันล้าน เริ่มทำโครงการไท่คังวิลล่า

ไท่คังวิลล่าเป็นโครงการวิลล่าและบ้านจัดสรร เฟสแรกลงทุนไปแปดพันล้าน สร้างวิลล่าสองร้อยหลังบนภูเขา ใต้ภูเขามีการสร้างบ้านจัดสรร

ทันทีที่โครงการนี้ประสบความสำเร็จ ตระกูลลู่จะกลายเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ทรัพย์สินของตระกูลจะเพิ่มเป็นสองเท่า

อย่างไรก็ตามใครก็คิดไม่ถึง เมื่ออสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ของไท่คังวิลล่าเริ่มทำการก่อสร้าง ก็เริ่มมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวลาสั้นๆหนึ่งสัปดาห์ ก็มีคนงานตายสี่คน

ตระกูลลู่ทั้งมีการดำเนินงาน และยังมีการจ่ายค่าชดเชย เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว จะสามารถปิดโครงการได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าตระกูลลู่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คิดไม่ถึง เรื่องที่น่ากลัวกว่ายังอยู่ข้างหลัง

หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน อย่างแรกเจ้าของกิจการสองคนที่กำลังดูบ้านอยู่นั้นเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้นมีบอดี้การ์ดตายอีกสามคน

รวมทั้งหมดตายไปเก้าศพ ความลับปิดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ข่าวปัญหาของไท่คังวิลล่าแพร่กระจายไปทั่วเมืองหยวนจิง ผู้ซื้อที่ชำระเงินล่วงหน้าจำนวนมาก เริ่มทำการยกเลิกบ้าน ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่สอบสวนผู้รับผิดชอบอุบัติเหตุ หัวหน้าตระกูลของตระกูลลู่ถูกนำตัวไปคุมขัง ถูกจำคุกสามปี

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บ้านของไท่คังวิลล่า ขายไม่ออกแม้แต่หลังเดียว ห่วงโซ่ทุนของตระกูลลู่แตกเป็นเสี่ยงๆ

เพราะว่าบ้านของไท่คังวิลล่าขายไม่ออกเลยด้วยซ้ำ ทางด้านธนาคารมีการชะลอการชำระมาโดยตลอด หวังว่าตระกูลลู่จะสามารถจัดการไท่คังวิวล่าได้ ดังนั้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ ไท่คังวิลล่านี้ยังคงอยู่ภายใต้ชื่อตระกูลลู่

ฟังจบนิทานของตระกูลลู่ อู๋เป่ยรู้สึกเหลือเชื่อ :”เก้าคนเสียชีวิตติดต่อกัน เป็นเพราะอะไร?”

ถังจื่อยี่ส่ายหัว :”ไม่รู้เหมือนกัน ในตอนนั้นตระกูลลู่เชิญคนสูงส่งมาไม่น้อย ล้วนแล้วแก้ไขไม่ได้ ดังนั้นด้วยเหตุนี้ ยังไม่มีผู้พัฒนาคนไหนกล้าที่จะเข้าครอบครองไท่คังวิลล่า”

อู๋เป่ยถอนหายใจ :”ลงทุนนับพันล้าน กลับเอาเงินกลับไม่ได้แม้แต่แดงเดียว ตระกูลลู่ขาดทุนย่อยยับจริงๆ”

“ใครบอกไม่ใช่ล่ะ? ธุรกิจของตระกูลลู่ต้องหยุดทุกอย่าง เงินล้วนแล้วเอามาจ่ายดอกเบี้ย”

อู๋เป่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายแทนลู่จวินเฟย เดิมทีเป็นคนรวยรุ่นที่สองดีๆ ตอนนี้กลับเทียบกับคนธรรมดาไม่ได้เลย

คิดถึงตรงนี้ สมองของเขาหมุน ตัวเองมีดวงตาวิเศษสามารถเห็นผีและเทพได้ ควรจะไปที่ไท่คังวิลล่า ช่วยตระกูลลู่ดูหน่อยหรือเปล่า?

คุยได้ไม่นานเท่าไหร่ ถังจื่อยี่ก็ได้รับโทรศัพท์หนึ่งสาย เธอพูด :”ฉันต้องกลับบ้านไปจัดการเรื่องบางอย่าง อีกไม่กี่วันค่อยติดต่อหาคุณ”

ระหว่างทาง ลู่จวินเฟยมีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องที่อู๋เป่ยรู้จักกับถังจื่อยี่ เขาพูด :”อู๋เป่ย โชคของนายไม่เลวเลยนะ คาดไม่ถึงว่าจะได้เป็นเพื่อนกับคนที่มีอิทธิพลแห่งยุคอย่างถังจื่อยี่ได้”

“คนที่มีอิทธิพลแห่งยุค? เธอมีชื่อเสียงมากเลยเหรอ?” อู๋เป่ยเริ่มสนใจ ถามเขา :”ตระกูลถังรวยมากเลยเหรอ?”

ลู่จวินเฟย :”ถังจื่อยี่เป็นหนึ่งในสี่ของสาวงามในเมืองหยวนจิง จบจากมหาวิทยาลัยดังระดับโลก นักธุรกิจหญิง สำหรับตระกูลถัง ไม่เพียงแค่ร่ำรวยเท่านั้น โบราณวัตถุห้ามณฑลภาคกลางและภาคใต้ เครื่องประดับทองคำ ตระกูลถังได้รับส่วนแบ่งการตลาดเยอะอย่างมาก ในเวลาเดียวกันยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงแรม การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนเก็งกําไร โดยรวมแล้ว ตระกูลถังกระทืบเท้าหนึ่งที เมืองหยวนจิงล้วนแล้วต้องสั่นสะเทือน”

อู๋เป่ยตกตะลึง :”ร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ!”

ลู่จวินเฟย :”อย่างไรก็ตามตระกูลถังได้แผ่กิ่งก้านและใบออกไปแล้ว ถังจื่อยี่อยู่ในสาขาเดียวกับคุณยายสอง รับผิดชอบเครื่องประดับและการลงทุนเป็นหลัก อุตสาหกรรมอื่นๆ อยู่ภายใต้ความดูแลของคนอื่นๆ”

พูดถึงตรงนี้ ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวแล้วและถาม :”อู๋เป่ย ตกลงนายอยากจะทำอะไร?”

อู๋เป่ยหัวเราะ :”ฉันได้เรียนรู้ทักษะการดูฮวงจุ้ยจากผู้สูงส่งคนหนึ่งในเรือนจำ”

ลู่จวินเฟยกลอกตาไปมา :”ฉันว่านายนะ นายสามารถเรียนรู้ทักษะที่แท้จริงได้ภายในสองปีเหรอ?”

อู๋เป่ยกระพริบตา :”นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันดูฮวงจุ้ยให้คนอื่น นายอย่าโจมตีฉันเลย”

ลู่จวินเฟยหมดคำพูด เขาถอนหายใจ ขับรถอย่างเงียบๆ

ในที่สุดรถก็มาถึงไท่คังวิลล่าแล้ว ตีนเขาเป็นย่านการค้าและที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ เริ่มถูกต่อยอดแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีเงาของคนแม้แต่คนเดียว ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความมืดมน

“นี่ก็คือไท่คังวิลล่า ที่อยู่อาศัยตรงตีนเขามีพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดแปดแสนห้าหมื่นตารางเมตร บนภูเขามีวิลล่าอยู่สองร้อยหลัง ถ้าหากคำนวณตามมูลค่าตลาดปกติในปัจจุบัน มูลค่าเกินสองหมื่นล้าน” ดวงตาของลู่จวินเฟยเบลอ “เดิมทีคิดว่าที่แห่งนี้จะเป็นที่ที่ตระกูลลู่ของฉันสามารถบินได้ ใครจะไปรู้ว่าจะเป็นหลุมฝังศพของตระกูลลู่!”

อู๋เป่ยไม่พูดอะไร สายตาของเขาจับจ้องไปที่อาคารที่อยู่ไม่ไกลแห่งหนึ่ง อาคารแห่งนี้ปล่อยหมอกควันสีดำออกมา แม้ว่าหมอกควันสีดำแบบนี้คนอื่นจะมองไม่เห็น กลับไม่สามารถพ้นจากตาวิเศษของเขาได้

ลู่จวินเฟยสังเกตเห็นแววตาของอู๋เป่ย เขาถาม :”นายกำลังมองอะไร?”

อู๋เป่ยถามเขา :”อาคารหลังนี้ ตอนนั้นเคยเกิดเรื่องใช่ไหม?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ