ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 167

ถึงขนาดว่าเขามองเห็น หุ่นปีศาจนั่นปลดปล่อยพลังอย่างต่อเนื่อง แก่นแท้ของหุ่นปีศาจมีกลปีศาจอยู่อีกกลหนึ่ง อีกทั้งใกล้จะดูดซับเต็มแล้วด้วย

ตอนนี้อู๋เป่ยหยิบเหรียญห้าจักรพรรดิออกมา แน่นอนว่าสามารถช่วงชิงพลังชั่วร้ายที่มันดูดซับมาได้

พลังชั่วร้ายเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะสะสมมาร้อยปี แต่เหรียญห้าจักรพรรดิของอู๋เป่ย ใช้เพียงแค่ไม่กี่นาทีก็สามารถดูดซับได้ประมาณหนึ่งส่วนสิบแล้ว

เหรียญห้าจักรพรรดิดูดซับพอประมาณแล้ว เขาเลยย้ายพลังจักษุ เก็บเหรียญห้าจักรพรรดิไว้ในกำมือ ในเหรียญห้าจักรพรรดิมีปรารถนาแห่งเทพของเขาอยู่ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าพลังชั่วร้ายจะรุนแรง แต่กลับอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

เพียงแต่ คนนอกไม่สามารถสัมผัสเหรียญห้าจักรพรรดิกระดูกขาวนี้ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกพลังชั่วร้ายกลืนกินทันที

“ไม่รู้ว่าพลานุภาพของเหรียญธรรมะกระดูกขาวจะเป็นยังไง?” อู๋เป่ยพึมพำ วิธีเช่นนี้เขาเคยเห็นที่แท่นอิฐหยก พลานุภาพเป็นยังไง ในใจเขานั้นรู้ดี

ต่อมา เขาก็ใช้พลังชั่วร้ายบูชาให้กับเหรียญห้าจักรพรรดิชุดที่สองกับชุดที่สาม เหรียญห้าจักรพรรดิทั้งสามชุดได้ดูดซับพลังชั่วร้ายของหุ่นปีศาจไปหนึ่งในสามแล้ว

“น่าเสียดาย พกติดตัวมาแค่สามชุด ถ้าพกมาหมดก็คงดี” เขาพูดกับตัวเอง

ไม่นาน ก็มีสิ่งหนึ่งพุ่งตรงขึ้นไปแล้ววนเวียนกลางอากาศ ฝุ่นละอองปลิวว่อน ในขณะที่ห่างจากพื้นดินไม่กี่สิบเมตรนั้น ก็มีร่างร่างหนึ่งกระโดดลงมา ตกลงไม่ไกลจากอู๋เป่ยนัก

เป็นชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุสามสิบกว่าปี ใบหน้าสี่เหลี่ยม คิ้วดก ดวงตายาวรี ส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ สีหน้าเขาเคร่งขรึม เหลือบมองไปยังกระดูกขาวที่อยู่ในหลุม หลังจากนั้นจึงเดินมาหาอู๋เป่ย

“ศิษย์น้อง” เขาเผยยิ้มออกมา แล้วยกมือขึ้นตบที่บ่าของอู๋เป่ย หลังจากนั้นก็สังเกตเขาอย่างละเอียด

เขาไม่ได้ใช้แรง แต่อู๋เป่ยกลับเซไปสองก้าวเห็นจะได้ ยืนเกือบไม่มั่น เขายิ้มเจื่อน:“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเทพ คราวหน้าอย่าตีผมได้ไหม?”

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไป หลังจากนั้นก็หัวเราะออกมา:“ศิษย์น้องเล็ก อย่าโทษพี่สิ พี่ดีใจไปหน่อยน่ะ เลยลืมตัว แต่นายเป็นถึงปรมจารย์ชั้นพรสวรรค์เชียวนะ ตีนิดตีหน่อยจะเป็นอะไรไป”

อู๋เป่ยทำท่าทางเคารพ มือทั้งสองกำไว้ แล้วคำนับไปยังชายหนุ่ม:“ศิษย์น้องอู๋เป่ย คารวะศิษย์พี่ใหญ่”

ชายหนุ่มรับท่าทางคำนับของเขา หลังจากนั้นก็พยุงมือทั้งสองแล้วยิ้ม:“ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่นามว่าเย่เทียนจง เป็นศิษย์คนแรกของอาจารย์พวกเรา”

อู๋เป่ยยิ้ม:“ศิษย์พี่ใหญ่ อาจารย์รับพี่เป็นศิษย์ตั้งแต่ตอนไหนน่ะ?”

เย่เทียนจงคิดแล้วพูด:“นานมากแล้ว ตอนนั้นฉันอายุแค่ห้าขวบ พ่อฉันตายไป แม่ฉันแต่งงานใหม่ ไม่มีใครสนใจฉัน ฉันเป็นขอทานอยู่ที่เขตเช่าเกาหลู แม้แต่ข้าวก็ไม่ได้ตกถึงท้องสักมื้อ หิวโซทุกวัน”

“ฉันจำได้ว่า คืนวันนั้นหนาวมาก แถมหิมะก็ตกด้วย น่าเวทนาฉันมีแค่ชุดขาดๆชุดเดียว ไม่นานก็คงแข็งตาย ในตอนที่ฉันใกล้จะตายนั้น อาจารย์ก็ปรากฏตัวขึ้นมา”

พูดถึงตรงนี้ เขาก็เผยยิ้มออกมา น้ำตาคลอเบา:“ท่านสวมเสื้อคลุมยาว ถือไม้เท้าค้ำพื้น โค้งตัวลงมาอุ้มฉันขึ้น จู่ๆฉันก็รู้สึกไม่หนาวแล้ว”

อู๋เป่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ฟังเงียบๆ

เย่เทียนจงหยุดไปสักพัก แล้วพูดขึ้นมาอีก:“อาจารย์พาฉันมาพักในห้องใหญ่ ที่นั่นอุ่นมาก แถมยังมีเกี๊ยวน้ำที่หอมน่ากิน แต่อาจารย์อนุญาตให้ฉันกินได้แค่ถ้วยเดียว บอกว่าถ้ากินเยอะจะอิ่มเอา เพราะฉะนั้นฉันเลยชอบกินเกี๊ยวน้ำจนถึงทุกวันนี้“

เขายื่นมือออกไปปาดน้ำตาที่หางตา ยิ้มแล้วพูด:“คำนวณเวลาดูแล้ว ฉันเป็นศิษย์อาจารย์มาจะเก้าสิบปีแล้วสินะ”

อู๋เป่ยตกใจเล็กน้อย พูดเช่นนี้ก็แสดงว่า ปีนี้ศิษย์พี่อายุเก้าสิบห้าปี! แต่ดูเขาแล้ว ท่าทางเหมือนคนอายุสามสิบกว่าปีเลยนะ

“ศิษย์พี่ เดี๋ยวผมจะเลี้ยงเกี๊ยวน้ำศิษย์พี่เอง รอกินได้เลย” เขายิ้มขณะที่พูด

เย่เทียนจงหัวเราะ“ฮ่าๆ”ออกมา:“เอาสิ!”

หลังจากนั้นสีหน้าเขาก็เคร่งขรึมลง:“ศิษย์น้อง ไหนเล่าสถานการณ์มาหน่อย”

แล้วอู๋เป่ยก็เล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียด

อู๋เป่ยรีบยกมือกำขึ้นมาคำนับ:“คารวะใต้เทาเฉา”

เฉาสี่ปัดป่ายมือ:“เรียกฉันว่าเหล่าเฉาก็พอ นายน่ะ ฉันว่านายดูเป็นงาน สนใจหรือเปล่า มาเข้าสำนักจิ้งหลิงกับพวกเรา?”

เย่เทียนจงรีบพูด:“พี่เฉา ศิษย์น้องฉันตอนนี้เป็นคนของกรมศิลปะการต่อสู้ขั้นเทพ”

เฉาสี่หัวเราะ:“ไม่ขัดแย้งหรอก ขอแค่เขาเต็มใจ ฉันจะให้เขาเป็นรองหัวหน้าสำนัก”

เย่เทียนจงรีบพูดแทรกขึ้นมา:“เหล่าเฉา พอแล้ว รองหัวหน้าสำนักเป็นตำแหน่งที่เบื้องบนแต่งตั้ง พี่พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

เฉาสี่หยิบนามบัตรออกมาแล้วยื่นให้อู๋เป่ย:“พวกเราติดต่อกันบ่อยๆนะ”

เย่เทียนจงหัวเราะ:“เหล่าเฉา เรื่องนี้พวกพี่ค่อนข้างถนัด ฝากด้วยล่ะ หยิบหุ่นปีศาจออกมา พวกเราจะส่งกลับเมืองหลวงด้วยกัน แล้วส่งให้‘สำนักแห่งสวรรค์’ดูแล”

เฉาสี่พยักหน้า:“เข้าใจแล้ว เด็กๆ ได้เวลาทำงาน!”

คนกลุ่มหนึ่งเดินไปยังค่ายกล แล้วเริ่มขุดกระดูกขาว อู๋เป่ยกวาดสายตามองก็รู้แล้วว่าคนพวกนี้มีฝีมือ ในมือถืออุปกรณ์อย่างมืออาชีพ ไม่ได้ขลาดกลัวกลิ่นอายความชั่วร้ายจากกระดูกขาวนั่นเลยสักนิด

ไม่นาน เขาก็พบว่าคนของกองทหารลาดตระเวนมาถึงแล้ว ล้อมอ่าวไป๋หลงทั้งอ่าวเอาไว้ ในขณะเดียวกัน เครื่องพุ่งยิงจำนวนมากก็ยิงลูกศรลงบริเวณโดยรอบ ยังมีคนทยอยเข้ามา จำนวนคนไม่มาก ทว่าแต่ละคนนั้นมีฝีมือทั้งนั้น

เขาเข้าใจดี ที่นี่เป็นสถานที่แข็งแรง ต่อให้คนของโอดะ ยูคาริจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถบุกเข้ามาได้

เย่เทียนจงยุ่งมาก กำลังจัดแจงงานให้คนที่กำลังเข้ามาใหม่ อู๋เป่ยคิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรแล้วเลยพูด:“ศิษย์พี่ ผมกลับไปก่อนนะ ถ้ามีเรื่องอะไรก็เรียกผมได้เลย”

เย่เทียนจง:“ศิษย์น้อง รอเสร็จเรื่องที่นี่แล้วพี่จะไปหานาย”

เย่เทียนจงส่งคนไปส่งอู๋เป่ยที่ด้านนอก เพราะถ้าไม่มีคนของเขา อู๋เป่ยก็ออกไปไม่ได้ ตอนนี้สถานที่นี้ ถ้าไม่มีคำสั่งเขา ก็ไม่มีใครหน้าไหนเข้ามาได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ