อู๋เป่ยทำท่าทางรีบร้อน:“ท่านถังไม่ต้องมากพิธี ก็แค่เรื่องง่ายๆ ทำได้ไม่ยาก!”
ถังอู๋มิ่งหัวเราะ:“เรื่องง่ายๆของนาย แต่มันเกี่ยวพันถึงชีวิตฉันนะ”
หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มตาหยีมองถังปิงอวิ๋น:“ปิงอวิ๋น คุณอู๋คนนี้เลิศล้ำไปด้วยคุณลักษณะวิชาแพทย์ ลุงพอใจมาก พวกเธอเลือกหาวันจัดงานแต่งเลยก็แล้วกัน”
อู๋เป่ยนิ่งอึ้งไป แต่งงาน?
ถังปิงอวิ๋นหน้าแดงระเรื่อ:“ลุงเจ็ด ตอนนี้พวกเราเป็นแค่เพื่อนกัน ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องมาพูดเรื่องแต่งงานนะ”
ถังอู๋มิ่งหัวเราะ“ฮ่าๆ”:“งั้นพวกเธอก็คบหากันให้ดี พอถึงวันที่เธอออกเรือน ลุงจะเป็นคนออกสินสอดให้เอง”
เวลานี้ จ้าวชวนพึ่งต้มยาเสร็จ ถังอู๋มิ่งดื่มหมดในคำเดียว แล้วพูด:“ช่วงนี้ ลุงบาดเจ็บไปไหนไม่ได้ อยู่แต่ในบ้าน พวกข้างนอกคงกระโดดโลดเต้นได้ใจกันไปหมด น่าจะได้เวลาเก็บกวาดแล้ว ปิงอวิ๋น เธออยู่ดูแลคุณอู๋ให้ดี ลุงจะออกไปสักหน่อย!”
ถังอู๋มิ่งออกไปด้วยสีหน้าพิฆาต ถังปิงอวิ๋นยักไหล่ แล้วพูด:“ลุงเจ็ดฉันเป็นคนนั่งไม่อยู่กับที่น่ะ”
อู๋เป่ยลูบท้อง:“คุณหนูใหญ่ถัง ตระกูลถังเธอไม่เลี้ยงข้าวหน่อยเหรอ?” พูดจบ ก็มีเสียงท้องร้องดังขึ้นมาจากท้องของเขา
ถังปิงอวิ๋นเม้มปากหัวเราะ:“หิวแย่เลยสิ ฉันจะไปเรียกคนให้ทำกับข้าวให้!”
ถังปิงอวิ๋นไปที่ห้องครัวให้คนเตรียมอาหาร พ่อครัวของถังอู๋มิ่งเป็นพ่อครัวที่มีชื่อเสียงโด่งดังอันดับหนึ่งในรัฐฉู่ เธออยากให้อู๋เป่ยได้ลิ้มรสอาหารที่นี่สักหน่อย
เวลานี้ อู๋เป่ยก็โทรศัพท์ไปหาเฉิงอวี้เหลียน เขาเดินอย่างเร่งรีบ ยังไม่ทันได้รักษาให้ฟางตงเซิง เขาก็ดันไปรับปากกับอีกฝ่าย ว่าถ้ามีเวลา เขาจะไปที่เมืองหลวง แล้วหาโอกาสไปรักษาเธอด้วยอย่างแน่นอน
ช่วงก่อนหน้านี้ เขาได้รับสายจากจ้าวเจิ้งลิ่ง บอกว่าเพื่อนเก่าของจ้าวจู้กั๋ว ร่างกายมีปัญหา หวังว่าถ้าเขามีเวลาให้ไปช่วยตรวจดูสักหน่อย ถ้าได้ไปเมืองหลวง ก็ค่อยไปจัดการเรื่องนี้พร้อมกันทีเดียว
ในตอนที่ถังปิงอวิ๋นโผล่มาตรงหน้าอู๋เป่ยนั้น เธอได้เปลี่ยนเป็นชุดสบายๆเรียบร้อยแล้ว และชุดที่ค่อนข้างไร้เดียงสาเช่นนี้ มีแค่นักศึกษาหญิงในมหาลัยเท่านั้นถึงจะสวมใส่มัน
เขานิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วพูด:“ปิงอวิ๋น เธอคิดจะเดินสายสาวน้อยมหาลัยหรือไง”
ถังปิงอวิ๋นมองบนใส่เขา:“ฉันเป็นถึงนักศึกษาปีสี่ของมหาลัยรัฐฉู่เชียวนะ ใส่แบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ”
อู๋เป่ยตกใจ:“เธอเป็นนักศึกษา?”
ถังปิงอวิ๋นเลิกคิ้ว:“ไม่เหมือนเหรอ?”
“เหมือน” อู๋เป่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว:“ฉันแค่รู้สึกแปลกใจ คุณหนูแบบเธอน่าจะเรียนมหาลัยอยู่ที่หวาชิงหรือไม่ก็เมืองเทียนจิง อะไรแบบนั้น”
ถังปิงอวิ๋นสบถเสียงไม่พอใจ:“ในสายตาฉัน ไม่ว่ามหาลัยไหนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ เพราะยังไงสำหรับฉันแล้วก็ไม่ได้มีค่าอะไร ที่ฉันเรียนที่มหาลัยรัฐฉู่ ก็เพราะว่ามหาลัยนี้ตระกูลของฉันเป็นคนบริจาคเงินช่วยเหลือน่ะ”
อู่เป่ยค่อนข้างแปลกใจ:“ตระกูลถังบริจาคเงินช่วยเหลือ?”
ถังปิงอวิ๋น:“ทุกๆปีจะบริจาคเงินห้าพันล้าน บริจาคติดต่อกันมาห้าสิบปีแล้ว อีกอย่างฉันก็แค่แอบอ้างใช้ชื่อนี้เท่านั้น ไม่ได้ไปมหาลัยบ่อยหรอก”
หยุดไปสักพักแล้วเธอก็พูดขึ้นมาอีก:“แต่ว่านะ ฉันมีเพื่อนสนิทที่รัฐฉู่อยู่หลายคน วันนี้เพื่อนสนิทฉันคนหนึ่งฉลองวันเกิด ฉันต้องไปร่วมงาน เลยเปลี่ยนเป็นชุดนี้”
อู๋เป่ยหัวเราะ“ฮ่าๆ”ขึ้นมา:“ดูท่าทางเธอสนิทกับเพื่อนมากนะ ถึงไปตามกันขนาดนี้”
ถังปิงอวิ๋นพูดด้วยเสียงเรียบเฉย:“ตอนเด็กฉันก็ไม่มีเพื่อนหรอก พอเข้ามหาลัยได้เดือนหนึ่ง พวกเขาก็กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ทุกครั้งที่ฉันไม่สบายใจ ก็จะโทรไปหาพวกเขา รวมตัวเจอกันบ้างบางครั้ง”
อู๋เป่ยพยักหน้า:“มีเพื่อนไม่กี่คน ก็นับว่าไม่เลว”
ถังปิงอวิ๋น:“ไปกันเถอะ ไปเป็นเพื่อนฉัน”
อู๋เป่ยชี้ตัวเอง:“ฉันก็ต้องไป?”
ถังปิงอวิ๋นพูดอย่างหมดปัญญา:“พวกเขาชอบแนะนะเพื่อนผู้ชายให้ฉัน น่ารำคาญจะตาย ฉันพานายไป จะได้หมดปัญหานี้สักที”
อู๋เป่ยส่ายหน้า:“ฉันไม่ไป”
ถังปิงอวิ๋นเหลือบตาขึ้นมอง:“นายไม่ไป?”
อู๋เป่ยพูดซ้ำ:“ใช่ ฉันไม่ไป”
ถังปิงอวิ๋น:“ง่ายนิดเดียว หาเครื่องขุดทรายกับเครื่องยกมาอย่างละหนึ่งเครื่องก็จัดการได้แล้ว ถ้าไม่ไหวจริงๆล่ะก็ ใช้เฮลิคอปเตอร์ได้”
หลังจากนั้นเธอก็ถาม:“แม่น้ำอยู่ตรงไหน?”
“เขตเจียงเป่ย” เขาตอบ
ถังปิงอวิ๋นคิดสักพัก:“ได้ รอจัดการเรื่องในมือตอนนี้เสร็จ ฉันจะไปช่วยนายขุดเตายาออกมา ว่าแต่นายจะเอาเตายาไปทำอะไร?”
“ปรุงยาไง” อู๋เป่ยยิ้มแล้วพูด:“ฉันเป็นถึงปรมาจารย์ด้านปรุงยาเลยนะ”
ถังปิงอวิ๋นทำสีหน้าไม่เชื่อ:“ขี้โม้ ขนาดดินแดนแห่งเซียนยังมีปรมาจารย์ด้านปรุงยาแค่ไม่กี่คนเอง นายปรุงยาเป็น?”
อู๋เป่ยหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
ทั้งสองกินข้าวเสร็จ รอจนถึงช่วงบ่ายสี่โมง ทั้งสองก็ออกไปร่วมงานวันเกิดของเพื่อนสนิทถังปิงอวิ๋นพร้อมกัน
งานฉลองวันเกิดพึ่งจะเริ่ม ถังปิงอวิ๋นต้องเตรียมของขวัญให้เพื่อนสนิท เลยออกจากบ้านล่วงหน้า เพราะต้องไปเลือกซื้อของขวัญที่ศูนย์การค้าก่อน
สำหรับถังปิงอวิ๋นแล้ว การเลือกของขวัญชิ้นหนึ่งให้เพื่อนสนิทนั้นไม่ยาก ที่ยากก็คือของขวัญชิ้นไหนถึงเหมาะสมที่จะซื้อ เพราะเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง และเธอก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ตั้งแต่เล็กจนโต ถังปิงอวิ๋นต่างก็ใช้เวลาไปกับการฝึกยุทธ์ ส่วนเรื่องซื้อของนี้ไม่ใช่ทางของเธอเลย เสื้อผ้าหนึ่งแสนหยวนกับเสื้อผ้าหนึ่งร้อยหยวน ในสายตาเธอแทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน นี่เลยเป็นเหตุผลที่เธอต้องลากอู๋เป่ยมาด้วย
เมืองจิ่นเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในซีหนาน ประชากรเกือบยี่สิบล้านคน เศรษฐกิจโดยรวมครองหนึ่งในสามของรัฐฉู่ เป็นเมืองหลวงที่เจริญอย่างมาก ในเวลานี้ ณ ถนนช็อปปิ้งที่หรูหราที่สุดในเมืองจิ่น อู๋เป่ยและถังปิงอวิ๋นกำลังปรึกษากันว่าควรซื้ออะไรเป็นของขวัญดี
และในเวลานี้ เสียงเบรกของรถสปอร์ตสีเงินคันหนึ่งดังขึ้นด้านข้าง ชายหนุ่มเจาะหูข้างเดียวคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถ อายุยี่สิบห้าปี เขาเป่าปากมาทางถังปิงอวิ๋น แล้วยิ้มให้:“คนสวย ไปรับลมกับฉันไหม?”
“ไสหัวไป!” ถังปิงอวิ๋นเป็นคุณหนูขี้วีน เลยตอบกลับไปเช่นนี้
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป:“อะไรวะ! แกกล้าให้ฉันไสหัวไป? รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...