ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 527

เซี่ยงเจิ้งอีเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “ตราประทับอะไรหรือ?”

อู๋เป่ยตอบว่า “ผมหมายถึง ตราประทับบนภาพวาดนั้น เป็นตราประทับที่งดงามมาก ไม่ทราบว่าตระกูลเซี่ยงได้ภาพวาดนี้มายังไงครับ?”

เซี่ยงเจิ้งอีตอบ “ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เพราะว่าของในบ้านตระกูลเซี่ยงมันมีมากมายเหลือเกิน”

อู๋เป่ยไม่ได้มองภาพวาดนั้นต่อ จากนั้นเขาก็เก็บภาพทั้งสี่นั้นเข้าไปในแหวนของเขาทั้งหมดทันที และพูดว่า “เหล่าเซี่ยง คุณอย่าเสียดายเลยนะ ผมจะเลือกของอีกอย่างเดียวเท่านั้นแหละ”

เมื่อได้ยินว่าเขาจะเลือกของอีกอย่างหนึ่ง เซี่ยงเจิ้งอีก็รู้สึกโล่งใจและพูดว่า “คุณอู๋ เชิญคุณเลือกได้ตามสบายเลยครับ!”

สายตาของอู๋เป่ย จ้องมองไปยังก้อนหินที่อยู่ไกลออกไป หินก้อนนั้นสูงราวๆ สองเมตร ขนาดเท่าหนึ่งคนโอบไม่รอบ พื้นผิวเป็นสีแดงอ่อนและดูเรียบเงาเกลี้ยงเกลามาก

หลังจากใช้ตาทิพย์ของเขาเพ่งดูก็พบว่า ภายในหินก้อนนี้ มีสิ่งที่รูปร่างคล้ายมนุษย์อยู่ในนั้น และราวกับว่าสิ่งนั้นยังคงมีชีวิตอยู่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หินก้อนนี้เป็นวัตถุแปลกประหลาดก้อนหนึ่ง ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจเท่าไรนัก เห็นได้เพียงแค่คร่าวๆ เท่านั้น

เขาถามขึ้นว่า “หินก้อนนี้คืออะไรหรือ?”

เซี่ยงเจิ้งอีส่ายหน้า “ไม่ทราบเหมือนกัน มันอยู่ที่นี่ตั้งแต่ผมยังเด็ก พ่อผมเคยบอกว่า เจอหินก้อนนี้บนสุสานใหญ่แห่งหนึ่ง”

อู๋เป่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมต้องการหินก้อนนี้ และจะเป็นสิ่งของชิ้นสุดท้ายที่ผมจะเอา”

เซี่ยงเจิ้งอีรีบพูดขึ้นมาว่า “ตกลง ผมจะให้คนนำของไปส่งให้ที่บ้านของคุณครับ”

อู๋เป่ย “ไม่ต้องหรอกครับ”

พูดจบ เขาก็หยิบดาบมังกรทมิฬขึ้นมา และค่อยๆ กรีดไปบนหินก้อนนั้นจนกลายเป็นที่สำหรับถือ จากนั้นก็ใช้มือหิ้วหินก้อนนั้นขึ้นและหันหลังเดินออกไป

เซี่ยงเจิ้งอีรีบหันหลังเดินตามไปพร้อมกับพูดว่า “คุณครับ ที่เก็บอาวุธของคุณเมื่อครู่นี้ มันเป็นของเทพเซียนใช่ไหมครับ?”

เซี่ยงเจิ้งอีไม่มีพลังยุทธ์อะไร แถมยังรู้เรื่องพลังยุทธ์เพียงงูๆ ปลาๆ เท่านั้น แต่เขาเองก็สัมผัสได้ที่เก็บอาวุธของอู๋เป่ยชิ้นนั้นมันเป็นของวิเศษเป็นอย่างมาก

อู๋เป่ย “ใช่แล้วหล่ะ ผมเนี่ยแหละคนเซียน”

เซี่ยงเจิ้งอีตกใจจนตัวสั่น “คุณคือเทพเซียนอย่างนั้นหรือ? ผมได้ยินมาว่าเทพเซียนและดินแดนเซียนมีระดับชั้น”

อู๋เป่ย “ถูกต้องครับ ผมเป็นคนเซียน ผมแค่เก่งกว่าคนปกติก็เท่านั้น” เหมือนเขาจะไม่ปิดบังความสามารถของเขาเลยสักนิด

เซี่ยงเจิ้งอีหัวเราะและพูดว่า “ถ้างั้น ต่อไปนี้ผมจะเรียกคุณว่า เทพเซียนอู๋!”

อู๋เป่ยโบกมือ “คุณเรียกผมว่าคุณอู๋แบบเดิมดีกว่า”

หลังออกมาจากห้องใต้ดิน อู๋เป่ยก็นำก้อนหินก้อนนั้นวางลงบนแคร่ไม้ไผ่ ส่วนเซี่ยงเจิ้งอีผู้เดินตามหลังเขาออกมาและเอ่ยถามว่า “คุณอู๋ครับ ที่คุณบอกว่าจะช่วยผมหาตัวฆาตกร ไม่ทราบว่าจะตามหายังไงหรือครับ?”

อู๋เป่ยตอบว่า “ง่ายมาก เดี๋ยวเรียกให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ และให้พวกเขาเดินผ่านหน้าผมไปทีละคนทีละคน จำไว้ว่า ให้มาที่นี่ทุกคน ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว”

แววตาของเซี่ยงเจิ้งอีดูเปล่งประกายขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า “ได้ครับ! ผมจะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยครับ!”

อู๋เป่ยนั่งสมาธิอยู่หน้าแคร่ไม้ไผ่นั้น สิบนาทีต่อมา เซี่ยงเจิ้งอีก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเหล่าโจวผู้ดูแลบ้าน

เหล่าโจวพูดขึ้นว่า “คุณอู๋ครับ คนมาครบกันแล้วครับ เราเริ่มกันได้เลยดีไหม?”

อู๋เป่ยกล่าว “ให้พวกเขาเข้ามาได้”

เหล่าโจวโบกมือ ชายผู้หนึ่งเดินผ่านหน้าของอู๋เป่ยไป อู๋เป่ยเหลือบตามองแวบเดียว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นั่นหมายความว่าชายผู้นั้นสามารถออกไปได้

จากนั้นคนที่สอง คนที่สาม ก็เดินตามกันเข้ามาทีละคน ตระกูลเซี่ยงมีจำนวนคนค่อนข้างเยอะ ยังมีผู้คนอีกจำนวนนับร้อยกว่าคนที่กำลังทยอยเดินผ่านหน้าเขาเข้ามาทีละคน

จนกระทั่งถึงชายหนุ่มผู้หนึ่ง รูปร่างอ้วนท้วม ที่กำลังเดินผ่านไป

ทันใดนั้นอู๋เป่ยก็พูดขึ้นว่า “หยุดก่อน!”

ชายหนุ่มผู้นั้นชะงักลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และไม่แสดงถึงความตื่นเต้นใดใดแม้แต่น้อย

เหล่าโจวพูดว่า “คุณครับ ผู้นี้คือหัวหน้าผู้ดูแลบ้านฟั่น เป็นหนึ่งในสี่ผู้ดูแลของบ้านตระกูลเซี่ยง หน้าที่รับผิดชอบหลักคือลานพื้นที่ฝั่งตะวันออก”

อู๋เป่ยจ้องมองหัวหน้าผู้ดูแลฟั่นผู้นี้และพูดว่า “คุณซ่อนได้เยี่ยมมาก”

เขามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่า ชายผู้นี้กำลังซ่อนพลังยุทธ์เอาไว้ เขาเป็นผู้มีฝีมือในชั้นพรสวรรค์ผู้หนึ่ง! ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายของชายผู้นี้ก็แปลกประหลาดมาก ไม่เหมือนกับคนปกติธรรมดาทั่วไป

สีหน้าของหัวหน้าผู้ดูแลฟั่นเต็มไปด้วยความสับสนงุนงง “คุณหมายถึงอะไร? อะไรคือชั้นพรสวรรค์อย่างนั้นหรือ?”

“ชิ!”

อู๋เป่ยกระแอมเบาๆ และพูดว่า “ดูท่า แกคงไม่คิดอยากจะบอกสินะ”

พูดไม่ทันขาดคำ เขาก็ตบลงไปบนร่างของชายผู้นั้น จนชายผู้นั้นกรีดร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด สิ่งที่เขาทำนั้นคือ “วิชาบิดข้อเอ็น” กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นทั่วร่างของชายผู้นั้นกำลังบีบรัดอย่างแรง ความเจ็บปวดนี้มันรุนแรงสาหัสมาก ไม่มีใครที่สามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้เลย

ยิ่งตอนนี้อู๋เป่ยเป็นคนเซียนด้วยแล้ว พลังวิชาบิดข้อเอ็น ยิ่งร้ายกาจมากกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่าตัว แม้แต่ปรมาจารย์ชั้นพรสวรรค์เองก็ยังทนกับความเจ็บปวดนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

เพียงเวลาไม่เกินสามวินาที เขาก็ตะโกนออกมาทันทีว่า “ฉันขอหล่ะ ไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ!”

อู๋เป่ยเตะไปที่ขาของเขา อีกฝ่ายก็หายจากอาการเจ็บปวดทันที

“พูดมา!”

ชายผู้นั้นหายใจหายคอโล่งขึ้นและพูดว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อแก้แค้น!”

อู๋เป่ยถามว่า “แกมาแก้แค้นใคร?”

ชายผู้นั้นจ้องมองเซี่ยงเจิ้งอีด้วยความโกรธแค้น “เซี่ยงเจิ้งอี!”

เซี่ยงเจิ้งอีพูดด้วยความโกรธว่า “ไร้สาระ! ฉันไม่รู้จักแกมาก่อนด้วยซ้ำ!”

ชายผู้นั้นหัวเราะอย่างเยือกเย็น “แกจำฉันไม่ได้หรอก! เพราะตอนนั้น ฉันพึ่งจะอายุได้เจ็ดขวบเอง!”

เซี่ยงเจิ้งอีชะงักไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าเขานึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “แกชื่ออะไร?”

ชายผู้นั้นค่อยๆ พูดออกมาทีละคำ “พ่อของฉัน ชื่อเซี่ยงเจิ้งอี้!”

“ฮ่ะ?” เซี่ยงเจิ้งอีอุทาน “แก....แกเป็นลูกชายของพี่ใหญ่ฉันหรือ เซี่ยงคุน?”

“เหอะเหอะ” ชายผู้นั้นหัวเราะ “ถูกต้อง อารอง ฉันคือเซี่ยงคุน! หลานชายแท้ๆ ของอายังไงหล่ะ!”

เซี่ยงเจิ้งอีเดินถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว “เป็นไปไม่ได้ แก...แกตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

“จริงๆ แล้วฉันก็ควรตายไปแล้วหล่ะ!” เซี่ยงคุนจ้องมองเขาด้วยความเคียดแค้น “ตอนนั้นฉันอายุเพียงเจ็ดขวบ พ่อกับแม่ของฉันไปร่วมการแข่งขันคัดลายมือเป็นเพื่อนฉัน ระหว่างทางกลับบ้าน รถของครอบครัวเราก็ประสบอุบัติเหตุตกจากสะพาน พ่อกับแม่ของฉันเสียชีวิตทันที ส่วนฉันรอดมาได้เพราะคนอื่นช่วยชีวิตเอาไว้!”

“คนที่ช่วยชีวิตฉัน ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฉัน และบอกกับฉันว่า พ่อกับแม่ของฉันถูกเซี่ยงเจิ้งอีทำร้ายจนเสียชีวิต!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ