ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก นิยาย บท 5

บทที่ 4 ปฏิบัติการง้อแผนที่ 1

หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนลงไปอีกครั้งอย่างหมดเรี่ยวแรง หากให้พูดถึงความรู้สึกของเธอตอนนี้ คงเหมือนเส้นด้ายที่พันกันยุ่งเหยิง เธอนอนมองหลอดไฟนีออนในห้องสว่างจ้าพลางคิดทบทวนความรู้สึกของเธอ ผู้ชายคนนั้น แม้ปากจะบอกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ท้ายที่สุดเขาจะเปลี่ยนมันได้จริงหรือ

หลายครั้งในชาติที่แล้วเธอหลงเชื่อคำพูดเขาเสียจนหมดใจ ทุกครั้งที่เขาทำผิดเพียงเขาพูดรั้งเธอไว้ประโยคสองประโยคเธอก็แทบลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้น ให้อภัยเขาอย่างง่ายดาย แต่อย่างว่าเธอตกหลุมรักเขาเข้าอย่างเต็มเปา แม้เขาจะมีด้านที่ไม่ดีกับเธอ แต่คงเพราะระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมานาน เธอสัมผัสได้ถึงเบื้องลึกจิตใจของเขา ไม่นับว่าเป็นคนร้ายกาจอะไร

ไม่สิ ... เธอสะบัดหัวอย่างแรงเพื่อดึงสติ

ตอนนี้เธอมีโอกาสกลับมาแก้ไขเรื่องราวแล้ว เธอจะให้มันเกิดขึ้นซ้ำสองไม่ได้ หญิงสาวคิดทบทวนก่อนจะผล็อยหลับไปทั้งชุดเดิม

หลังจากเหตุการณ์ที่เธอไปโรงพยาบาลจวบจนวันนี้ก็ผ่านมาได้เดือนกว่า ๆ ช่วงแรก ๆ คีร์ส่งข้อความมาหาเธอบ้าง โทรมาหาเธอบ้าง แน่นอนว่าเธอไม่สนใจอะไรปล่อยข้อความไว้อย่างนั้น ผ่านไปสองสามอาทิตย์เขาก็ล้มเลิกความตั้งใจไม่มาก่อกวนเธออีก แน่นอนว่ารันรู้สึกสบายใจขึ้นแต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปตัวเธอก็แอบรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่คำพูดของเขาเป็นเพียงลมปาก พูดเสียดิบดีสุดท้ายก็ทำไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับความรู้สึกโล่งในใจก็สามารถสรุปได้ว่ามันดีไม่น้อยที่เหตุการณ์ลงเอยแบบนี้

“นี่ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยเห็นแกไปกินข้าวกับคีร์เลย” แพรวพูดขึ้นก่อนจะเอามือจิ้มไส้กรอกในจานเคี้ยวกร้วม ๆ พลางพูดกับรัน

“คงไม่ไปแล้วเเหละ ฉันเลิกกับคีร์แล้ว”

“หา!!!” ไส้กรอกที่จิ้มอยู่กับส้อมในมือแพรวถูกปล่อยลงกระทันหันจนเสียงดังเคร้ง คนรอบข้างหันมามองเธอกับเพื่อนรักที่ทำเสียงรบกวนคล้ายกลายเป็นจุดสนใจกลางโรงอาหาร

“เงียบ ๆ หน่อยก็ได้ไหม เสียงดังซะเวอร์เชียว” รันเอื้อมมือหยิบส้อมที่หล่นอยู่บนจานยัดใส่มือเพื่อนรักอีกรอบ

“นี่ฉันพลาดอะไรไป หมอนั่นทำอะไรเธอ” แพรวเคี้ยวไปพลางพูดไป

“เปล่าเลย เขาไม่ได้ทำอะไร ฉันแค่รู้สึกว่าทุกอย่างมันไปต่อยากถ้าฉันยังวิ่งไล่ตามเขาอยู่แบบนี้” รันตอบเพื่อนไปอย่างเป็นธรรมชาติ เลี่ยงที่จะพูดถึงสาเหตุที่แท้จริง

“ในที่สุดเพื่อนรักของฉันก็ตาสว่างสักที อันที่จริงฉันไม่ได้ถึงขั้นเกลียดอะไรหมอนั่นหรอกนะ แต่ฉันก็ยอมรับตามตรงว่าทุกครั้งที่เห็นเธอเสียใจ เพื่อนอย่างฉันก็พาลรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าตานั่นไปด้วย”

“ฉันก็มีส่วนผิดด้วยแหละที่เข้าไปทำให้เขาอึดอัด” รันพูดก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย ช่วงนี้คณะบริหารของเธอเริ่มเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการสอบปลายภาค หลังจากสิ้นภาคการศึกษานี้เธอก็จะถือว่าหลุดพ้นจากความเป็นนักศึกษาและก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างสมบูรณ์ ในชาติที่แล้วเธอจำได้ว่าข้อสอบที่ออกไม่ได้ยากอะไร รวมถึงโปรเจกต์ของเธอก็ผ่านไปได้ด้วยดี มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอนึกออกในช่วงนี้ คือโปรเจกต์ของคีร์ เธอจำได้ว่าคณะวิศวกรรมของเขา ในช่วงเดือนนี้มีเหตุไฟไหม้เกิดขึ้น ห้องที่เก็บผลงานนักศึกษาปีสี่จึงได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะต้นไฟมาจากห้องเก็บผลงาน แต่ครั้นจะเดินไปบอกเขาตรง ๆ คงไม่เข้าท่าเท่าไหร่

รันหวนนึกถึงทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก สิ่งเดียวที่เธอกังวลคือเมื่อเธอแก้ไขเหตุการณ์ในชาตินี้มันจะส่งผลกระทบเรียงกันเป็นโดมิโน่ อะไรที่ควรเกิดบางอย่างเธอจึงปล่อยไปเพื่อให้มันเป็นไปตามชาติที่แล้วในกรณีที่ผลของมันไม่ได้ร้ายแรง แต่อย่างเรื่องนี้เธอแอบกังวลใจ จำได้คร่าว ๆ ว่าหลังเหตุการณ์ไฟไหม้คีร์ก็เคร่งเครียดมากขึ้นเพราะผลงานของเขาได้รับความเสียหายค่อนข้างหนักหน่วงทำให้เขาต้องเลื่อนระยะเวลาพรีเซต์โปรเจกต์ออกไปหนึ่งเดือน แน่นอนว่าช่วงเวลาหนึ่งเดือนนั้นเขาโหมงานหนักจนล้มป่วยไปหลายครั้ง

เธอนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องในหัว ไม่ทันได้สังเกตว่าเพื่อนของเธอที่นั่งฝั่งตรงข้ามตอนนี้จะมีสีหน้าตกใจ พยายามส่งสัญญาณบางอย่างให้เธอ จวบจนที่อีกฝ่ายยื่นมือมาสะกิดจึงเธอจึงเริ่มรู้สึกตัว

“ข้างหลังเธอ” แพรวพูดขึ้น รันหันหลังไปตามที่แพรวบอกก่อนจะเห็นภาพชายหนุ่มร่างคุ้นตาเดินตรงเข้ามาหา เธอประหลาดใจพลางมองไปที่ขาของเขา ดูเหมือนว่าจะหายดีแล้ว ทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ เขาก็นั่งลงข้างเธออัตโนมัติโดยไม่ขอ ก่อนจะเอ่ยทักทายแพรว

“ไง แพรว ไม่เจอกันนานเลยนะ” คีร์พูดก่อนจะอมยิ้มส่งไปให้กับเพื่อนของคนรักเขาที่นั่งฝั่งตรงข้าม

“เอ่อ สวัสดี” แพรวที่ยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าตอบกลับไป ทว่าเมื่อเห็นคีร์นั่งมองเพื่อนของตนด้วยสายตาหวานเชื่อมขนาดนั้นจึงอดสงสัยไม่ได้

“ไม่ใช่ว่าพวกแกเลิกกันแล้วหรอ” ทันทีที่ถามไปทั้งสองก็ตอบกลับมาพร้อมกัน

“เลิกแล้ว!”

“ฉันอุตส่าห์ขับไปตั้งหลายชั่วโมง อย่างน้อยรับไว้หน่อยก็ยังดี เถอะนะ นะ นะ” รันถลึงตาใส่เขา แต่คีร์ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาจ้องเธอคาดหวังให้เธอรับขนมนี้

“ปล่อย มือ” เธอเน้นหนักที่น้ำเสียงให้รู้ว่าถ้ายังไม่ปล่อยเธอได้ด่าเขาแน่ ๆ คีร์จึงรีบปล่อย ในจังหวะที่เธอกำลังจะหันหลังเดินต่อ เจ้าตัวก็รีบคว้าแขนของเธอไว้คล้องถุงขนมใส่

“อย่างน้อยมีขนมไว้ให้กินตอนดึก ๆ จะได้ไม่หิวไง” รันขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเขา จึงรับขนมมาไว้ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะไป คีร์เห็นอย่างนั้นเลยเริ่มอมยิ้ม ไม่ตอแยเธออีก เขานั่งลงบนโต๊ะตัวเดิม ก่อนจะส่งข้อความเข้าไปในแชทกลุ่มที่มีเขานัทและต้นสน

'สำเร็จว่ะ อยู่โรงอาหารตึก B นะ'

ในใจเริ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย เขาเลยตัดสินใจส่งข้อความหารันอีกสักประโยค เค้นหาประโยคที่ชวนอีกฝ่ายคุยได้ก่อนจะรัวนิ้วพิมพ์ข้อความส่งไป เมื่อส่งเสร็จก็อมยิ้มกับตัวเอง

ทางด้านของรันที่กำลังเดินกลับหอพัก เธอหยิบมือถือขึ้นมากะจะโทรเรียกให้แพรวออกไปห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ทว่าเมื่อเปิดหน้าจอกลับเห็นข้อความจากคีร์ที่เพิ่งส่งมาสด ๆ ร้อน ๆ ความอยากรู้อยากเห็นว่าเขาส่งอะไรมาทำให้เธอกดอ่านข้อความ

'ฉันนึกว่าฉันไม่สบายแบบนี้เธอจะกินไม่ได้นอนไม่หลับซะอีก ที่ไหนได้อุดมสมบูรณ์เชียวน้า'

ถ้ามีหลอดวัดค่าอารมณ์ของรันตอนนี้ อธิบายได้เพียงอารมณ์ของเธอพุ่งสูงปรี๊ดจนแทบจะหักคอฝั่งตรงข้ามได้ เธอพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้หลุดด่าเขาในที่สาธารณะตรงนี้ ขณะที่ในใจสาปแช่งเขาไปเรียบร้อยแล้ว

ทางฝั่งคีร์เมื่อนัทกับต้นสนมาถึงทั้งสามคนก็ตัดสินใจไปร้านคาเฟ่ใกล้ ๆ เพื่อนั่งทำการบ้านเพิ่มเติม คาเฟ่ที่ว่าก็คือร้านที่คีร์เพิ่งล้มมาเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อถึงร้านคีร์ก็เริ่มเล่าเรื่องวันนี้ให้พวกเขาฟัง เจ้าตัวกล่าวขอบคุณเพื่อนทั้งสองที่ช่วยคิดแผนการดีดีให้ ทว่ายังไม่ทันไร เมื่อคีร์หยิบมือถือขึ้นมาเช็คว่ารันตอบกลับข้อความหรือยังเขาก็ร้องโอดครวญขึ้น

“ไอนัท ไอสน ทำไงดีวะ รันบล็อคเฟซบุ๊กกูแล้ว!!!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนเวลาใหม่ครั้งนี้ขอยอมง้อเธอด้วยรัก