ตอนที่406 อยากผลักคุณให้ล้มลง
ธีมนต์นั่งรออยู่ที่โซฟาเป็นเวลานาน เขาพาตัวเองไปล้างมือก่อนที่พ่อกับแม่จะลงมาข้างล่าง และรีบวิ่งไปนั่งที่ห้องอาหารเป็นอย่างดี เขานั่งรอจนกว่าผู้ใหญ่จะเริ่มรับประทานอาหาร ตนเองถึงจะเริ่มรับประทานได้อย่างเด็กที่รู้ความ
นัชชาและเตชิตเถียงกันอยู่ด้านบนสองสามประโยค แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงแต่ก็มีผลกับอารมณ์ นัชชารู้สึกเบื่อหน่าย เตชิตก็งอน
ทั้งคู่ไม่พูดกัน ความจริงแล้วในห้องอาหารควรมีสีสันของความมีชีวิตชีวาและความคึกคัก
ธีมนต์มองไปมาระหว่างคนทั้งคู่ด้วยดวงตากลมโต เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ชอบกลนี้ เขาเอ่ยปากเพื่อไกล่เกลี่ย “โจ๊กนี้อร่อยดีนะครับ”
เตชิตเหลือบมองไปที่ชามของลูกชายแว๊บหนึ่ง “ถ้าชอบก็ทานเยอะหน่อยนะ ทานเยอะๆจะได้สูงเหมือนพ่อ”
ตุ๊กตาน้อยมองด้วยตากลมโต “แม่ผมก็สูงเหมือนกันนะ”
นัชชาถูกลูกชายแซวก็หัวเราะแห้งๆขึ้นสองครั้ง “ลูกเป็นผู้ชาย ต้องสูงกว่าแม่หน่อยถึงจะดี”
การสนทนานั้นก็จบลงอย่างรวดเร็ว ธีมนต์เลียช้อน เมื่อเห็นว่าพ่อและแม่อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีไม่มีความอยากที่จะพูดคุย เขาก็เลยเงียบและไม่พยายามพูดอีกต่อไป
ก่อนที่จะทานอาหารเสร็จ ไม่มีการสื่อสารใดๆระหว่างคนทั้งสอง
น้ารินไม่อยู่ นานๆครั้งที่เตชิตจะเข้าครัว นัชชาก็รู้สึกละอายที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย เธอรีบนำจานชามเข้าไปวางในอ่างล้างจานอย่างกระตือรือร้น
จำนวนจานชามมีไม่มาก ไม่อยากใช้เครื่องล้างจาน เธอจึงเปิดก๊อกน้ำ ใช้ฟองน้ำและน้ำยาล้างจานเพื่อล้าง
เสียงน้ำไหลกระทบหูอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทันใดนั้นที่ประตูห้องครัวก็มีเงาร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ ห้องครัวเปิดอยู่ครึ่งๆกลางๆ ไม่ถือว่าเล็ก แต่นัชชากลับรู้สึกว่าคนคนนี้น่าจะยืนเถิบไปหน่อย ที่ว่างมันมีไม่มาก
เธอเปิดม่านบังแดดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอเห็นคนคนนั้นหยิบน้ำแข็งในตู้เย็นแล้วใส่ลงไปในแก้วน้ำหลังจากนั้นก็หันมามองที่เธอ
เมื่อเธอรู้ว่าถูกมองก็รีบชักสายตากลับในทันที หูของเธอแดงขึ้น “คุณ คุณเข้ามาทำไม”
เตชิตไม่ได้เยาะเย้ยเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอยังโมโหเธออยู่ เสียงหนักแน่น “ตอนบ่ายออกไปกับผมหน่อย”
มีเรื่องอะไร
นัชชาใส่ชามใบสุดท้ายที่เพิ่งล้างเสร็จลงในเครื่องอบ “ไปไหนคะ”
“โรงเรียน” เขาดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งอึก ริมฝีปากบางๆอยู่ที่ปากแก้ว และเงยหน้าขึ้นมอง ลูกกระเดือกขึ้นลงสองสามครั้ง ช่างเป็นภาพการดื่มน้ำที่น่าจดจำ “จะไปดูโรงเรียนอนุบาลให้ธีมนต์”
ตั้งแต่กลับประเทศมาจนถึงตอนนี้ส่วนมากธีมนต์อยู่แต่ในบ้าน ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนก็ได้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้เด็กอยู่เฉยๆ
นัชชายังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่ว่า….
“เร็วไปรึเปล่าคะ”
เร็วไปรึ
เตชิตวางแก้วน้ำไว้ที่ด้านหนึ่งของเคาน์เตอร์ “เด็กไม่ไปโรงเรียนวันวันเอาแต่เล่น วันหนึ่งก็เสียไปเปล่าๆ เร็วหรอ”
นี่เป็นเพียงข้อแก้ตัวของเธอ
“คุณแค่บอกว่ายอมรับแล้วก็ได้”
“เตชิต!” นัชชาจ้องตา ด้วยแววตาที่อ่อนโยน “คุณจบได้รึยัง!”
เมื่อเห็นว่าเธออายจนเริ่มโกรธแล้ว เขาก็ไม่ฝืนอีกต่อไป เขาก้มหัวลงประกบริมฝีปากของเธอ “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ถ้าหากครั้งหน้าจับได้ว่าคิดถึงผู้ชายคนอื่นอีก ได้เจอดีแน่!”
เมื่อพูดจบ เขาก็ชำเลืองมองร่างกายของเธออย่างเป็นพิเศษ ทำเอานัชชาขนลุกซู่จนต้องกระซิบ “อย่ามาหาข้ออ้างให้ตัวเองเลยดีกว่า…”
เตชิตได้ยินไม่ชัด แต่ก็รู้ว่าไม่น่าจะใช่ถ้อยคำที่ดีนัก เลยถามที่ข้างๆหูเธอ “เมื่อกี๊คุณว่าอะไรนะ”
นัชชาส่ายหัว “ไม่ได้ว่าอะไร”
เมื่อเห็นท่าทีที่ใสซื่อของเธอตรงหน้า ฉากนี้เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งเมื่อห้าปีก่อน แต่ตอนนี้เขาไม่ค่อยเห็นนัชชามีท่าทีเช่นนี้บ่อยนัก
เขาอดไม่ได้ที่จะจับไปยังใบหน้าที่อบอุ่นและอ่อนนุ่ม การกระทำนี้กลับกระตุ้นสายตาที่หวาดกลัวและงุนงงของเธอ
เตชิตยิ้ม “ห้าปีก่อนคุณกลัวผม ทุกครั้งที่โทรเรียกคุณมาที่ออฟฟิศผมคุณก็เป็นเช่นนี้ ก้มหน้าก้มตาไม่พูดจา สายตาก็มองแต่ด้านล่าง ไม่กล้าสบตาผม”
เสียงของเขาเบามาก แม้ว่ามันจะเป็นแค่การพูดคุยเล็กน้อยเกี่ยวกับอดีต แต่ภาพเหล่านั้นก็ปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนและรวดเร็วในหัวของนัชชา
“ตอนนั้นคุณอายุยี่สิบสี่ ผมสามสิบสอง คุณไม่เข้าใจอะไรเลย ดังนั้นถึงกลัวผมเป็นพิเศษ แต่ว่าคุณไม่รู้อะไร ทุกครั้งที่คุณมองผมด้วยสายตาที่หวาดกลัวและเขินอาย ผมคิดอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น” เขาโน้มตัวลงใกล้ใบหูของเธอมากขึ้น จงใจพูดอย่างมีพลัง พ่นลมไปที่หูของเธอ “อยากผลักเธอให้ล้มลง”
นัชชารู้สึกหูอื้อ แม้ร่างกายของเธอก็ยังมึนงง เธอเบี่ยงหัวไปแต่ว่าจะหลบไปทางไหนได้ เห็นได้ชัดว่าตัวเองก็เป็นแม่คนแล้ว แต่เมื่อได้ยินเขาพูดคำพูดพวกนี้ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะ… ใจเธอเต้นไม่เป็นท่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...