ตอนที่433 คำสารภาพรักที่ยาวนานที่สุด
ลอนดอนประเทศอังกฤษลงจอดที่เมือง J สำหรับนัชชา สิบกว่าชั่วโมงบนเครื่องบินนั้นทรมาณมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ช่วงเวลาที่ถึงอย่างปลอดภัยเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยความมืด มีเพียงทางขึ้นลงเครื่องบินสองข้างเท่านั้นที่มีแสงไฟ ความรู้สึกอึดอัดวนเวียนอยู่ในจิตใจเธอ
ลากกระเป๋าเดินทางออกไปที่ประตูสนามบิน ที่ข้างถนน ชนัยยืนโบกมือให้เธออยู่ข้างรถ “พี่สะใภ้ ทางนี้ครับ!”
นัชชาก้าวเท้าอย่างเร่งรีบ กระเป๋าเดินทางถูกชนัยรับไปเก็บไว้ที่หลังรถ ไม่มีคนติดตามตัวอื่นๆ ทั้งสองเข้าไปนั่งในรถ ความรู้สึกตึงเครียดไร้เสียงตลบอบอวลอยู่ภายในรถที่เงียบสงบ
“ชนัย นายพาฉันไปส่งที่โรงพยาบาลเลยเถอะ” นัชชาพูดออกมา น้ำเสียงแหบพร่าอย่างมากซึ่งเกิดจากการร้องไห้อย่างขมขื่น
ชนัยพยักหน้า แล้วสตาร์ทรถ “ครับ”
ตลอดทาง ทั้งสองเกือบจะไม่มีบทสนทนาอะไร พวกเขาไม่พูดถึงเตชิตอย่างรู้ๆกัน แต่ทุกสิ่งที่คิดอยู่ภายในใจนั้นไม่ใช่ใครก็คือผู้ชายคนนั้น
ไม่ใช่ไม่อยากถาม แต่ไม่กล้าถาม เธออยากไปเห็นด้วยตัวเอง
ความเงียบอันแสนยาวนานทำให้ชนัยค่อนข้างกังวล รถเคลื่อนผ่านทางแยกไป เขาเหลือบสายตามองไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่นั่งผู้โดยสาร เธอไม่ร้องไห้ ไม่ได้โวยวาย แม้แต่ความรู้สึกสักนิดก็ไม่เผยออกมา เกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ แต่ความเจ็บปวดและความกังวลนั้นกลับเห็นชัดในดวงตา
“พี่สะใภ้ครับ พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
นัชชากำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์ของตน ระหว่างนั้นไม่ได้ฟัง เมื่อผ่านไปสักพักถึงคืนสติ แล้วส่ายศีรษะเบาๆ เอ่ยด้วยโทนเสียงทุ้มต่ำ “ไม่เป็นอะไร”
ตอนนี้เธอไม่มีความรู้สึกอื่นแล้ว เพียงคิดว่าอยากจะเจอผู้ชายคนนั้นไวหน่อย ราวกับว่าเพียงได้เจอเขา ความรู้สึกทุกอย่างจะกลับเข้ามาสู่ร่างกายเธออีกครั้ง
การเดินทางหนึ่งชั่วโมงกว่า รถขับเข้าไปในลานจอดรถใต้ดินของโรงพยาบาลประจำตระกูลของปรัณ นัชชาปลดเข็มขัดอย่างใจเย็น แต่นิ้วสั่นไหวแค่ไหนมีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่รู้
ทั้งสองเดินเข้าไปหน้าลิฟต์ ชนัยกดปุ่มในส่วนของ VIP พิเศษ ต่อมาลิฟต์ก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว นัชชามองแสงไฟสว่างระหว่างลิฟต์ ทั้งๆที่พื้นที่ไม่ใหญ่แต่เธอรู้สึกว่ามันกว้างใหญ่
เธอยืนอยู่หน้าลิฟต์ไม่ขยับไปไหน ชนัยเบนสายตามามอง “พี่สะใภ้ ไปเถอะครับ”
นัชชาหายใจเขาลึกแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็ยกเท้าก้าวเดินเข้าไป
มองดูตัวเลขบนหน้าจอที่ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเดินยิ่งเข้าใกล้ หัวใจนัชชาพลันเต้นแรงขึ้นมา เสียงหัวใจเต้น ‘ตึกตักๆ’ ดังก้องอยู่ข้างหู แม้แต่เสื้อผ้าตรงช่วงอกก็ยังสั่นไหว
‘ดิ๊งด่อง’
เสียงแหลมดังกรีดทะลุเข้าไปในความยากลำบาก มาแล้ว สิ่งที่ควรเผชิญหน้ามาถึงแล้ว
“ครับ”
สิบนาทีต่อมา นัชชาเปลี่ยนชุดแยกเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย เธอยืนอยู่หน้าห้องไม่รีบเข้าไป สายตามองไปยังบนเตียงผู้ป่วยตรงหน้าที่ห่างเพียงไม่กี่เมตร ภายใต้ผ้าห่มสีขาวสามาตรเห็นเค้าโครงและรูปร่างของเขาลางๆ จากหัวเตียงไปจนถึงส่วนที่นอน ร่างเขาเกือบจะครอบคลุมทั้งหมด ผู้ชายที่ปกติจะภูมิใจกับวิวทิวทัศน์อย่างเขา วันนี้กลับนอนอยู่บนเตียง ร่างกายอ่อนแอสุดขีด เธอจะไม่เศร้าใจได้อย่างไร?
แต่พอนึกถึงว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากธีมนต์ นัชชาอยากจะให้คนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือเธอเอง
ถ้าตอนนั้นเธอเอาลูกไปที่อังกฤษด้วย บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย
นัชชายืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลายาวนาน นานจนขาเธอรู้สึกปวดเล็กน้อยถึงได้รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปที่ข้างเตียงผู้ป่วย เธอนั่งลงบนที่นั่งตัวเตี้ยข้างเตียง ยกมือขึ้นมากุมฝ่ามือใหญ่ข้างนั้น นิ้วมือเดิมทีที่ควรจะอบอุ่นในขณะนี้กลับแผ่ไปด้วยความเย็น บนนิ้วโป้งยังมีอุปกรณ์เชื่อมต่ออยู่ น้ำตาไหลลงมาตามแก้มเธอ เธอร้องไห้จนเกือบไม่มีสติ
ดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้น ขนตาอยู่ตกลงมานั้น และริมฝีปากที่แห้งซีด นัชชาภาวนาภายในใจอย่างนับไม่ถ้วน ประคับประคองกันต่อไป แม้ผ่านไปสามวันก็ดี ต่อจากนี้ไม่ว่าทางเดินจะลำบากแค่ไหนเธอก็จะเดินเป็นเพื่อนเขา
นัชชาโน้มตัวลงมาใกล้ข้างหูผู้ชาย รู้ว่าเขาไม่ได้ยินแต่ก็บอกเขาอย่างช้าๆอย่างอดทนและนุ่มนวล “เตชิต ฉันกลับมาแล้วนะ ฉันมาหาคุณแล้ว ขอโทษนะ ฉันไม่ควรไปเลย ฟื้นขึ้นมาเถอะ ฟื้นขึ้นมาแล้วพวกเราจะไม่แยกจากกันอีกต่อไป”
ชนัยยืนอยู่นอกห้องผู้ป่วย เขารู้ว่าทั้งสองต้องการพื้นที่ส่วนตัวเลยไม่ได้เข้าไปรบกวน สายตามองเข้าไปในห้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ผู้หญิงโน้มตัวลงไปพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูผู้ชาย ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอเอนศีรษะลงไปใกล้ริมฝีปากผู้ชายเบาๆด้วยท่าทางที่ระมัดระวังและใส่ใจกลัวว่าจะทำเขาบาดเจ็บ
สามสิบกว่าปีในชีวิตนี้ ชนัยไม่เคยโหยหาความรักและการแต่งงานมาก่อน เขารู้สึกว่าความสุขพวกนั้นห่างไกลจากเขามาก แต่ว่าตอนนี้เขากลับเข้าใจในทันที ความรักคือการอยู่เป็นเพื่อนและการสารภาพรักที่ยาวนานที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...