ตอนที่472 อดจูบคุณไม่ไหว
เมทนีเข้าไปในห้องผ่าตัดตอนเช้าเวลาเก้าโมงครึ่ง เป็นผ่าตัดแรกของหมอปสันน์ในวันนี้ จึงยืนอยู่แถวหน้า หนึ่งคือเพื่อให้ผู้ป่วยไม่ตื่นเต้นจนเกินไป สองคือการผ่าตัดแรกของทุกวันนั้นผ่อนคลายและกระปรี้กระเปร่ามากที่สุด ไม่ได้แบกความรับผิดชอบมากเท่าไหร่นัก
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด นัชชาให้กำลังใจมากมายกับเมทนี เกรงว่าเขาจะหวาดกลัว
หลังจากถูกนำตัวเข้าห้องผ่าตัด ณัชชนม์นั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวใกล้จากประตูที่สุด นัชชานั่งอยู่ข้างเธอ คอยพูดปลอบเธอบ่อยๆ เตชิตนั่งอยู่ตรงข้ามกับคุณแม่และลูกสาว มองดูแล้วดูสงบนิ่งมากขึ้น
ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้เขายิ่งต้องไม่ตื่นตระหนก ต้องควบคุมอารมณ์ได้
การผ่าตัดสองชั่วโมงโดยประมาณ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งปสันน์ก็ออกมา นัชชาลุกขึ้นหันไปทันที สอบถามอย่างกังวลสุดขีด “คุณหมอปสันน์คะ คุณพ่อฉันเป็นยังไงบ้าง?”
ปสันน์เผยความกังวลออกมา ยังไม่ทันถอดผ้าปิดปาก หลังจากยกมือขึ้นถอดออกก็พยักหน้าอย่างพอใจ “การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นทุกอย่าง เดี๋ยวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วจะถูกย้ายไปที่ห้องผู้ป่วย พวกคุณวางใจเถอะ!”
ก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในอกสุดท้ายก็หล่นลงมา หลังจากตึงเครียดนัชชาก็เริ่มมีพลังขึ้น ณัชชนม์พนมมือขึ้น แล้วพูดซ้ำไปซ้ำมา “พระเจ้าคุ้มครอง พระเจ้าคุ้มครอง”
เตชิตเดินไปด้านหลังนัชชาแล้วโอบไหล่เธอ “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ คนดี”
“ดีมากเลย......” เธออ้าปากพึมพำ ขอบตาค่อนข้างแดง สายตาเหม่อลอย เหนื่อยกับความคิด
สิบกว่านาทีต่อมา ในที่สุดเมทนีก็ถูกปล่อยออกมาจากห้องผ่าตัด ยังไม่หายหมดสติ เขายังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ลักษณะท่าทางโอเคแล้ว
หลังจากจัดการพาไปถึงห้องผู้ป่วย นัชชาและณัชชนม์คอยดูอยู่ข้างเตียง เตชิตไปหาปสันน์ ไปถามเรื่องที่ต้องสนใจหลังการผ่าตัดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เขาจดทุกข้อใส่บันทึกความจำในโทรศัพท์ รวมถึงปริมาณการทานยาและอื่นๆ ตอนที่เขากลับไปที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้ง เมทนีก็ตื่นขึ้นแล้ว
“เมทนี?” ณัชชนม์เข้าไปใกล้อย่างเป็นกังวลแล้วเรียกเขา “ได้ยินฉันพูดไหม?”
เมทนีลืมตาขึ้นมา เขาจ้องไปที่ด้านหน้าอยู่สักพัก จากนั้นก็ค่อยๆหันไปมองณัชชนม์ ได้ยินแล้วอย่างชัดเจน
เขาเพิ่งทำการผ่าตัดเสร็จ มีหน้ากากออกซิเจนอยู่บนหน้า เวลาพูดค่อนข้างลำบาก พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “น้ำ......”
นัชชาเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำโดยทันที ปักหลอดเข้าไปแล้วส่งให้ข้างปากเขา “พ่อคะ หมอบอกว่าตอนนี้พ่อดื่มน้ำเยอะไม่ได้ พ่อจิบนิดหน่อยพอชุ่มคอ ตอนกลางคืนก็ไม่จำกัดแล้ว”
เมทนีเอ่ยตอบรับ อ้าปากงับหลอดแล้วดื่มน้ำเข้าไปนิดหน่อย แต่ตอนที่กลืนลงไปกลับสำลักอย่างไม่ระวัง ไอจนอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง
ณัชชนม์และนัชชาใจก็บีบรัดตามไปด้วย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เตชิตหยิบหน้ากากออกซิเจนบนหน้าเขาออกไปนิดหน่อย พอไอลดลงแล้วจึงช่วยเขาสวมเข้าไปใหม่
หลังจากเมทนีเห็นเตชิตก็มองใบหน้าเขาด้วยดวงตาซื่อๆสักพัก ราวกับคิดว่าทำไมเขามาอยู่ตรงนี้
เตชิตโค้งศีรษะ ไม่ต้องพูดถึงณัชชนม์ เผชิญหน้ากับเมทนี ในใจก็ค่อนข้างตื่นเต้น
เขาคือคุณพ่อของนัชชา เขาก็ปฏิบัติต่อเมทนีเสมือนเป็นผู้ใหญ่ในครอบครัวอยู่แล้ว โดยเฉพาะหลังจากประสบเรื่องราวมามากมาย เขารู้สึกละอายใจต่อนัชชา เวลาอยู่ต่อหน้าเมทนีจึงค่อนข้างไม่มั่นใจ
ยิ่งตอนที่ป่วยอยู่ ในกรณีที่เมทนีไม่ชอบตนจริงๆ เขากลัวว่าเขาจะโกรธจนทำให้ร่างกายบาดเจ็บ แบบนั้นนัชชาจะต้องยิ่งกังวลมาก
สายตาสองคู่มองกัน ผู้ชายสองคน ด้วยสถานะที่ต่างกัน แต่เพื่อผู้หญิงคนเดียวกัน
เตชิตมีช่วงเวลาตื่นเต้นน้อยครั้งมาก โชคดีที่เมทนีแม้ว่ากำลังสำรวจเขาอยู่ เขาก็ไม่ได้ทำท่าที่ไม่สุภาพออกไป ไม่ถือว่าเป็นมิตร และไม่ถือว่าปฏิเสธ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
“คุณพ่อครับ ท่านไม่ต้องกังวล เมื่อครู่ผมเพิ่งไปถามคุณหมอมา หลังผ่าตัดเพียงดูแลสุขภาพอย่างสบายใจก็โอเคแล้วครับ” สุดท้าย เตชิตก็พูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ
เขารับมาตามจำนวน กล่าวขอบคุณก่อนเดินกลับมา นัชชายื่นมือคิดจะไปช่วยหยิบสักอัน เขาก็เลี่ยง “ไม่ต้อง ผมถือเอง”
“คุณไม่หนักหรอ?”
“ของพวกนี้ไม่หนักเท่าอุปกรณ์ทำกายภาพของผมหรอก”
นัชชารู้ว่าเขารักศักดิ์ศรี โดยเฉพาะในเวลานี้ เลยไม่ได้ยืนกรานจะถือ แล้วเดินตามเข้าไป
ถึงเวลาทานอาหารกลางวันพอดี คนในห้องโถงเยอะมาก คนที่รอลิฟต์ก็เยอะเช่นกัน ทั้งสองเสียบบัตตรเข้าไปในส่วนของ VIP โดยตรง
ประตูปิดลง ไม่รอให้ได้หอบหายใจ เขาก็เอนตัวเข้ามา วางท่าขอจูบ
นัชชาถอยหลังไป จนกระทั่งศีรษะชิดกับกำแพงลิฟต์ด้านหลัง “เตชิต คุณจะทำอะไร?”
ทำอะไร?
เขาขมวดคิ้ว “ใช้ทุกนาทีแสดงความรักกับคุณ”
“……” นัชชาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะพูดแบบนี้ กะพริบตาปริบๆ “นี่โรงพยาบาลนะ อย่าเอะอะเสียงดังสิ”
“ไม่ซะหน่อย” เขาไม่หยุดเคลื่อนไหว จุ๊บที่ปากเธอเบาๆ “เห็นคุณแล้วมันอดไม่ได้ที่จะจูบคุณ”
แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ใช่คนที่ชินกับพูดจาเลี่ยนๆตรงไปตรงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นทุกครั้งที่เขาพูดขึ้นมา นัชชาจึงรู้สึกประทับใจมาก
แม้ว่าทั้งสองจะรู้จักกันมาหลายปีแล้ว และคบกันมานาน ทั้งคู่ไม่ได้มีช่วงเวลารักอันร้อนแรง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเขา ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน เธอยังรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนเพิ่งรู้จักเขาตอนอายุยี่สิบสี่ปี ใจเต้นตึกตักไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...