ตอนที่ 91 ถูกปล้น
เมื่อเสียงพูดสิ้นสุดลง เตชิตยังไม่ได้ทันคิดอะไรมากนัก โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็สั่นขึ้นมา เขาก้มหน้ามอง เป็นธนัทกำลังโทรเข้ามา
เขารับโทรศัพท์ น้ำเสียงปลายสายของธนัทมีความรีบร้อนนิดๆ “แกอยู่ที่ไหน โทรหาแกตั้งร้อยกว่ารอบไม่มีคนรับสายเลย ผมยังนึกเลยว่าคงโดนปรัณจัดการไปแล้ว แกรู้หรือเปล่าว่าในประเทศเนี่ยเกิดเรื่องใหญ่แล้ว?”
เขารู้จักกับธนัทมาตั้งหลายปี ยังไม่ค่อยเห็นเขารีบร้อนขนาดนี้เลย เตชิตคิดว่าเรื่องนี้น่าจะหนักเอาการอยู่ แต่ว่าน้ำเสียงยังนิ่งๆ “เรื่องอะไร”
“แกกับนัชชาถูกคนถ่ายรูปได้ที่สนามบิน แกเพิ่งเริ่มเดินทางไป ข่าวทั้งวงการบันเทิง ก็ลงหน้าหนึ่งตามหลังคุณติดๆเลย ข่าวตามเว็บไซต์มีแต่ข่าวของพวกแก 2 คน เต็มไปหมด ตอนนี้ใต้ตึกบริษัทมีรถดักรอแกกับนัชชาอยู่เต็มไปหมด ตามหาแกไม่เจอก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ถามนัชชา นัชชาก็ลังเลไม่รู้จะตอบยังไงดี สาวน้อยตัวเล็กป่านนี้ก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว
เสียงของธนัทขาดขาดหายหายจากปลายสาย ในสมองเตชิตมีเพียงแค่ “นัชชา” สองคำนี้ ขนาดยังไม่ดูข่าวยังรู้เลยว่า นัชชาต้องเจอกับอะไรบ้างที่เขาไม่สามารถจะช่วยอะไรเหลือได้
“เวลาที่เธอต้องการเขา เขากลับไม่อยู่ใกล้ๆ”
หัวใจเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบแน่น ทั้งเจ็บทั้งอึดอัด ขนาดจะหายใจยังรู้สึกไม่มีแรงเหมือนโดนบีบไว้ อยู่
เธออาจจะเผชิญหน้า หรือกำลังเผชิญหน้า เป็นครั้งแรกที่เตชิตรู้รสชาติที่รู้สึกเสียใจภายหลัง ถ้ารู้ว่าดวิษมีวิธีการแบบนี้ เขาจะไม่ปล่อยเธอไว้คนเดียว!
เมื่อคิดถึงดวิษ คือผู้ชายที่สายตาเต็มไปด้วยความโหดร้าย “ผมรู้แล้ว ผมจะรีบกลับทันที”
เมื่อพูดเสร็จเตชิตก็รีบกดวางสาย แต่ถูกธนัทเรียกไว้ก่อน “คุณนั่งกลับมาก็ใช้เวลา 10 กว่า ชั่วโมง คุณบอกผมก่อนได้ไหมว่าจะตอบอย่างไร ผมจะได้แจ้งให้บริษัทประกาศได้ถูก ”
“อะไร จะตอบยังไง? จะตอบว่ายังไงก็ตอบไป” น้ำเสียงของเตชิตดูไม่ดี สีหน้ายิ่งมืดคล้ำเหมือนจะระเบิดออกมา “บอกพวกเขาไป ว่านัชชาคือผู้หญิงของผม อย่าทำให้ผมลำบากใจแล้วจะหาว่าผมไม่เตือน”
ปรัณที่กำลังนั่งดูเอกสารได้ยินประโยคนี้เท่านั้นแหละ ถึงกับอดไม่ได้ที่จะหันไปดูเขา ขมวดคิ้วสูงอย่างฉงน แต่ก็ยังขำจนศีรษะส่ายไปส่ายมา บางครั้งมีผู้ชายแบบเตชิตแบบนี้บางครั้งก็ดี บางครั้งก็ไม่ดี เวลาเอาแต่ใจนี่ใครก็เอาไม่อยู่ ก็ไม่รู้เด็กสาวนั่นจะยังรับไหวไหม
“เธอล่ะ?”
“ไม่รู้สิ วันนี้ก็ไม่เห็นมาทำงาน ที่หน้าประตูบ้านคุณอาจจะมีคนดักรออยู่”
“รู้แล้วหน่ะ”
เตชิตวางโทรศัพท์จากธนัทแล้วเขาก็รีบติดต่อนัชชา ปลายสายที่รับ กลับไม่ได้ยินเสียงอันอ่อนหวานเสียงนั้น ได้ยินแต่เสียงสาวตอบกลับมาเสียงแข็งๆแทน—
“ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อได้ค่ะ Sorry…”
สีหน้าของเตชิตนิ่งเรียบ ตัวเขาแผ่รังสีแห่งความเย็นชากระจายไปทั่ว โทรศัพท์ก็ไม่รับ คนก็หาไม่เจอ ตัวเขาเองก็อยู่ที่อเมริกาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“โธ่เว้ย!”
ปรัณเห็นเขาใจร้อนยังกับจะไปฆ่าคน รีบลุกยืนขึ้นแล้วรีบถามไปว่า “เกิดอะไรขึ้น?
เตชิตไม่ได้อธิบายอะไรมาก แค่พูดว่า “เดี๋ยวผมจะให้คนเตรียมเรื่องบินกลับประเทศเดี๋ยวนี้”
เห็นเขารีบเดินออกจากจากห้องทำงานอย่างเร็ว ขนาดลมที่จะเข้าฝ่าเท้ายังเข้าไม่ทันเลย ปรัณได้แต่กระพริบตาปริบๆ คนที่จะทำให้เตชิตรีบร้อนได้ขนาดนี้คงมีแต่นัชชาเท่านั้นแหละ
เด็กคนนั้นเจอปัญหาใหญ่หรอ?
เขาเปิดโทรศัพท์เข้าหน้าเว็บไซต์เพื่อเช็ค แต่เขายังไม่ทันได้ใส่อะไร ข่าวของนัชชาก็เด้งขึ้นมาซึ่งเป็นข่าวฮอตของวันนี้เลยทีเดียว ว่าจะกี่ข่าวก็เป็นข่าวของนัชชา แต่ที่เขียนแสดงความคิดเห็นมานั้นก็ระคายหูเสียจริงๆ
สีหน้าที่ยิ้มๆของๆปรัณ ก็ค่อยๆหายไปทั้งหมด เขาก็คิดไปเองว่า รอเวลาที่เตชิตกลับถึงประเทศ เถอะ ดวิษอาจจะต้องกลับบ้านไปเก็บเก็บศพก็เป็นได้
----
เธอวางคันเบ็ดลง นั่งยองๆร้องไห้สะอึกสะอื้น ลมพัดในตอนกลางคืนมันทำให้เย็นยะเยือกจนถึงใบหน้า ลมเย็นๆทำให้น้ำตาแห้งสนิท และก็เปียกใบทั่วหน้าสลับกันไป หน้าตึงๆไปทั่วหน้า
หลายวันมานี้ เธออดทนที่จะไม่ร้องไห้ออกมา แต่ตอนนี้ทำยังไงก็ทนไม่ไหวแล้ว น้ำตาเหมือนมันควบคุมการหยุดไหลไม่ได้ ไหลลงไปถึงปลายผม หยดลงจนถึงปกคอเสื้อ น้ำตาหยดลงบนพื้นดิน
ลมพัดเป็นระลอกๆแรงๆ ลมพัดที่ต้นไม้ข้างหลังเธอเสียงใบไม้ดัง “ซู่ ซู่” ในเสียงนั้นยังมีเสียงอื่นอีก แต่นัชชาก็ไม่ได้สนใจ
เธอพยายามที่จะบีบบังคับเสียงร้องของตัวเอง แต่ริมทะเลสาบนอกเมืองนั้นพบเจอได้ง่ายมาก
ทันใดนั้นเอง หลังของเธอถูกพละกำลังมหึมากดทับอยู่ เธอเสียความรู้สึกที่สงบไป ตัวทั้งตัวถูกทับให้นอนราบไปกับพื้น อยากจะร้องหาคนช่วยก็ถูกมือข้างหนึ่งปิดปากอย่างแน่นหนา
“หึ หึ หึ” นัชชาตกใจจนหน้าซีด บนหลังของเธอมีคนดันเธออยู่หนึ่งคัน ผู้ร้ายเป็นผู้ชายที่มีมือยาวขายาว เห็นชัดๆเลยเขารูปร่างใหญ่โต
“อย่ามีเสียง!” ผู้ชายใช้เสียงต่ำเสียงนั้นยังแฝงไปด้วยความอ่อนล้า เวลาพูดเขาก็เอาอะไรบางอย่างมาจ่อที่ด้านหลังของเธอ
เสื้อนอกของนัชชานั้นยังรับรู้ถึงความรู้สึกได้นั่นมันรูปร่างกลมๆ แข็งๆ สมองของเธอนึกได้อย่างรวดเร็ว ตอนนั้นสีหน้าของเธอก็กลายเป็นสีขาวซีด บนใบหน้าไม่มีสีเลือดเลย
มันคือปืน!
สังคมอันสงบสุข ประเทศที่ห้ามมีปืน เขากลับมีปืน!
นัชชาได้แต่นิ่งและทำตาโต สงบปากสงบคำในทันที บรรยากาศดูตึงเครียด ขนาดเสียงลมหายใจยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ตอนนี้เองเธอถึงได้กลิ่นคาวเลือดอย่างชัดเจน
เขากำลังเลือดไหล และไหลอย่างเร็วมาก
ไม่ไกลนัก มีเสียงเท้าดังวุ่นวายดังมา มีแสงที่แสบตาส่องมาจากด้านหลังซึ่งชี้มาที่หัวทั้งสองคน ผู้ชายด่าสบถแล้วก็ดึงร่างกายของเธอลงแช่ในน้ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...