ตอนที่97 ผู้หญิงของผม
นัชชาเอียงศีรษะหลบ "คุณช่วยตั้งสติหน่อยได้มั้ย"
ผมก็จริงจังอยู่นี่ เตชิตเหมือนกำลังคิดถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองเพิ่งรู้จักกัน ริมฝีปากอิ่มแสนเย้ายวนยกขึ้นได้มุมสวยชวนหลงใหล "ตอนแรกผมไม่คิดจะจริงจังกับคุณ"
แต่เขามองข้ามไปว่า วันหนึ่งผู้หญิงคนนี้จะอิทธิพลต่อเขามาก เสียจนต้องเขาต้องมองเธอเสียใหม่
หนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มคบกัน ไม่เจอกันไม่กี่วันก็คิดถึงแทบขาดใจ นอนบนเตียงลูบๆคลำๆก็ทำให้เกิดอารมณ์ได้ นัชชาคิดไปคิดมารีบหาเรื่องอื่นขึ้นมาตัดบท
ฉุกคิดถึงโฮมเธียเตอร์ที่คฤหาสน์ซึ่งเหมือนจะไม่เคยได้ใช้มาก่อน จึงออกปากชวนเขาว่า" ถ้าคุณไม่มีธุระที่ไหน เรามาดูหนังกันสักเรื่องมั้ย"
"ดูหนัง"
นัชชา ชี้นิ้วไปที่ข้างๆห้อง "มีโฮมเธียเตอร์ไม่ใช่เหรอ"
จริงๆเตชิตเองก็ไม่ได้ชอบดูหนังสักเท่าไหร่ หลังจากติดตั้งโฮมเธียเตอร์แล้วเขาแทบจะไม่ได้เปิดดูเลย เพราะสำหรับเขาแล้วมันก็แค่ตัวช่วยค่าเวลาและผ่อนคลายอารมณ์เท่านั้น ดูเรื่องหนึ่งก็สองสามชั่วโมง ช่างไร้สาระจริงๆ
แต่ถ้าดูกับนัชชา ก็น่าจะพอรับได้
"ผมพยุงคุณไปนะ"
"ไม่เป็นไร นัชชายันตัวลุกขึ้น พร้อมส่งยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า"เห็นฉันเป็นคนป่วยไปแล้วจริงเหรอคะ" เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงทุกคน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก"
เตชิตเห็นเธอยืนยันอย่างนั้นจึงปล่อยเธอไป แต่ก็ชะลอฝีเท้าเดินเคียงข้างเธอ ไม่เหมือนปกติที่เดินไปข้างหน้าโดนไม่สนใจอะไร
รายละเอียดเล็กๆน้อยแบบนี้เธอไม่ได้มองข้าม นัชชารู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอแทบไม่คิดไม่ฝันเลยว่าผู้ชายหยิ่งทะนงอย่างเขา จะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้กะเค้าด้วย หากเธอไม่เจอกับตัวเองคงไม่มีทางเชื่อแน่นอน
ทั้งสองเดินมาถึงโฮมเธียเตอร์ ถึงแม้จะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็รู้ว่ามันใหม่มาก บนชั้นวางเต็มไปด้วยแผ่นดีวีดี ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่หายากและเป็นเวอร์ชั่นที่ทำขึ้นเฉพาะเท่านั้น"นี่คุณซื้อเองทั้งหมดเลยเหรอ"
"ไม่ใช่ ท่านชนัยให้มา เตชิตเดินเข้ามา เขายื่นมือข้ามใบหน้าของเธอพร้อมหยิบแผ่นหนังเรื่องหนึ่งขึ้นมา แล้วถามเธอว่า "อยากดูเรื่องอะไร"
นัชชาเหลือบไปเห็นแผ่นดีวีดีในมือของเขา《life is beautiful》เธอเคยดูแล้ว หนังเรื่องนึงปลายยุค90 พูดถึงชีวิตของชาวยิวกับนาซีในสมัยนั้น บอกเล่าเรื่องราวของคนเป็นพ่อที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่ "งั้นดูเรื่องนี้แล้วกัน"
หนังสะท้อนมุมสุดอบอุ่นในชีวิตมนุษย์ ให้แง่คิดที่ดี น่าประทับใจ
เตชิตไม่ออกความเห็นใดๆ เขาหมุนตัววางแผ่นดีวีดีลงในเครื่อง แล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของหญิงสาวไว้ นั่งลงข้างเธอพร้อมกุมมือเล็กๆที่เย็นเยือกเพราะความปวดของเธอเอาไว้แน่น
ที่นี่ไม่เหมือนโรงภาพยนตร์ทั่วไป ทั้งสองนั่งแนบชิดกัน ลมหายใจหมุนวนเข้าหาระหว่างกัน จิตใจสงบปล่อยให้ภาพยนตร์พาพวกเขาเข้าไปสัมผัสประสบการณ์แบะความรู้สึกของตัวละคร
นัชชาจิตใจกำลังจมดิ่งอยู่กับสิ่งข้างหน้า เตชิตเองก็ค่อยถูกอารมณ์ความรู้สึกตัวละครดึงลึกเข้าไปเช่นกัน มีฉากหนึ่งที่พระเอกของเรื่องกำลังทำตุ๊กตาไม้ให้ลูกชายของเขา แม้กระนั้นเขาก็ยังใช้ภาษาเยอรมันที่เขาพูดไม่เป็นปลอบลูกชายของเขาไม่ให้หวาดกลัว
จนกระทั่งทหารแดงของโซเวียตบุกเข้ามาในค่ายกักกัน ลูกชายของเขาก็ยังอยู่ในโลกของค่ายแห่งความสุขที่ผู้เป็นพ่อสร้างขึ้นมา นัชชารู้สึกสะเทือนใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอยกมือปาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาพร้อมกับดูต่อ
ตรงกันข้ามกับชายหนุ่ม ที่ถูกดึงดูดความสนใจมาที่หญิงสาวข้างกาย ภายใต้แสงไฟสลัว ด้านข้างใบหน้าของเธอดูซีดเล็กน้อย แต่มิอาจบดบังความสวยละมุนจากใบหน้านั้นได้ ไม่ใช่ความงามภายนอกหากแต่เป็นความอบอุ่นจากลึกๆข้างใน อาจจะดูจืดเรียบๆแต่ก็ทำให้ไม่สามารถละสายตาไปได้เลย
เขามองเธอในอ้อมกอดของเขาอย่างเงียบๆ เธอนี่แหละคือยาดีของเขา ไม่ต้องทำอะไรเขาก็กลับมาหายดีแข็งแรงเหมือนเดิม
เพลงตอนจบของภาพยนตร์ดังขึ้น นัชชาจึงดึงสติกลับมา ในตอนแรกเธอแปลกใจว่าทำไมตัวเองร้องไห้นานขนาดนี้ แต่กลับต้องสะดุดกับสายตาของชายหนุ่มที่กำลังมองเธออย่างไม่ละสายตา
ภายในห้องที่มีเพียงแสงสว่างจากจอทัชสกรีน ทั้งสองอยู่ในภวังค์ ในสายตามีเพียงเงาของอีกฝ่าย เตชิตใจเต้น ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าหญิงสาว นัยน์ตาเป็นประกายเส้นแสงสีขาววาววับ
ชายหนุ่มค่อยๆขยับตัว ยิ่งทำให้ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้นไออุ่นภายในร่างกายไหลปะทะกัน จนกระทั่งริมฝีปากของชายหนุ่มประกบลงบนริมฝีปากของหญิงสาว จากแผ่วเบาแล้วค่อยๆด่ำลึกลง
เพลงจากภาพยนตร์ยังคงบรรเลงต่อไป พร้อมกับเสียงแผ่นดีวีดีที่ยังคงหมุนอยู่ในห้องนั้นทำให้บรรยากาศเป็นใจมากขึ้นไปอีก
ก่อนที่จะบังคับตัวเองไม่ได้ ชายหนุ่มรีบปล่อยมือจากเธอ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยปกตินักว่า" เอ่อ มันคงจะไม่ใช่ตอนนี้…"
เมื่อรถมาถึงลานจอดรถใต้ตึกเตนัทลอว์เฟิร์ม ทั้งสองลงจากรถเดินตรงไปที่ประตูลิฟต์ อยู่ๆก็มีนักข่าวพร้อมกล้องถ่ายภาพพุ่งเข้ามาจากไหนไม่รู้ พร้อมกับไมโครโฟนมากมายที่ยื่นมายังตัวเธอ เธอตกใจมากยกมือขึ้นบังหน้าตัวเอง
"หยุดถ่ายได้แล้วค่ะ พร้อมกับยกเสื้อขึ้นบังใบหน้า เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน"
เตชิตเองก็ถูกล้อมด้วยนักข่าวอย่างรวดเร็ว ทุกคนพยายามพุ่งตัวเข้ามาแยกเขาและเธอออกจากกัน
ในขณะที่ชุลมุนกันอยู่นั้น ไม่รู้ว่าใครหรืออาจจะเป็นอุปกรณ์ กล้องอะไรบางอย่างกระแทกเข้ากับไหล่ของนัชชา เธอเซถลาไปด้านหลังพยายามจะพยุงตัวให้อยู่ แต่ด้วยความเจ็บเธอจึงล้มลงบนพื้น
เข่าและไหล่ของเธอเจ็บมาก เธอไม่ได้ลุกยืนขึ้นในทันที แต่ยังคงนั่งก้มศีรษะไม่ให้ใครเห็นใบหน้าของเธอ
หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาช่วงนี้ทำให้เธอเสียความมั่นใจไปมาก จนอยากจะหลบอยู่เพียงลำพัง
เตชิตเห็นเธอนั่งอยู่ที่พื้น ถึงแม้จะไม่เห็นสีหน้าเธอแต่ก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด
เลือดในกายของเขาสูบฉีดพลุ่งพล่าน แต่พวกนักข่าวโง่ๆพวกนี้ยังไม่รู้สึก เขาขยับคอเล็กน้อย คนที่รู้จักเขาดีจะทราบว่าอาการแบบนี้คืออาการก่อนที่เขาจะระเบิดอารมณ์ออกมา
"คุณเตชิตคะ อยากทราบว่าระหว่างคุณกับคุณนัชชามีความสัมพันธ์อะไรกันคะ ข่าวที่ออกมาเกือบอาทิตย์แล้ว คุณยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไร ไม่ทราบวันนี้พอจะบอกเราได้มั้ยคะ"
ในขณะเดียวกันนักข่าวชายวัยกลางคนคนหนึ่งยกไมโครโฟนที่มีโลโก้ของบริษัทlogoที่ด้านหน้าของเขา หลังแว่นดำก็คือดวงตาแปลกๆคู่หนึ่งที่ซ่อนอยู่
เขายิ้มเล็กน้อย แต่กลับทำให้รู้สึกน่าขนลุก
เตชิตมองไปที่นักข่าวที่ตั้งคำถามเมื่อครู่และหากเขาจำไม่ผิด ก็คือคนเดียวกับที่ชนนัชชาล้ม แล้วไม่แม้แต่หันกลับไปดูด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มมองไปที่กล้องที่นักข่าวถืออยู่ เพียงเสี้ยววินาที เขาก็จับอุปกรณ์ราคาแพงชิ้นนั้นโยนออกไปไกลนับสิบเมตร
ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่นักข่าวคนนั้น "คุณ ไปขอโทษเธอซะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...