เขาราวกับถูกอะไรกัด ใบหน้าที่หล่อเหลาแน่นิ่งในทันที หยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากลำธารไปขึ้นฝั่ง
เมื่อเส้นหมี่เห็น ก็ยิ่งร้อนรนมากขึ้น“แสนรัก คุณอย่าไปฟังเธอพูดเหลวไหล ฉันไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น ”
“แล้วคุณต้องการอะไร ? ผมก็เกือบลืมไป คุณเส้นหมี่คนเก่า เพื่อให้ได้ลูกคืน เธอทำได้ทุกอย่าง ว่ายังไง ? ครั้งนี้เปลี่ยนกลยุทธ์แล้วเหรอ?”
ชั่วพริบตา ก็กลับเข้าสู่จุดเยือกแข็งอีกครั้ง!
ท่าทีของชายหนุ่ม ราวกับถูกอะไรกัดเข้าให้ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า หรือคำพูดคำจาที่เขาพูดออกมา ก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและร้ายกาจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
และแล้วเส้นหมี่ก็ไม่พูดอะไรอีก
เพราะเธอรู้ ในเวลาแบบนี้ เธอพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
แต่เด็กน้อยสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะการปรากฏตัวของแครอท ทำให้หม่ามี๊กับแด๊ดดี้ กลับเข้าสู่จุดเยือกแข็งอีกครั้ง พวกเขาต่างก็พากันโกรธ
“น้าแครอท อย่าพูดเหลวไหล หม่ามี๊ของผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น ? หม่ามี๊ของผมก็แค่เห็นแด๊ดดี้ไม่อยากจะใส่รองเท้าและถุงเท้าที่สกปรก ก็เลยอาสาล้างให้ เขาจะได้ใส่มันกลับเหมือนเดิม ”
“เหอะ ไร้เดียงสา รองเท้าถุงเท้าสกปรก กลับไปเอาคู่ใหม่ให้เขาก็ได้แล้ว ฉันเอามาให้เขาตั้งหลายคู่ ที่จอดรถก็ไม่ได้อยู่ไกลมาก ต้องถึงขนาดนั่งยองๆลงแล้วล้างเท้าให้เขาเลยเหรอ ?”
แครอทตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้าขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อสิ้นเสียง ไม่เพียงแค่เด็กน้อยสองคนที่ถูกสวนกลับจนใบหน้าแดงก่ำ แม้แต่เส้นหมี่เองที่นั่งยองๆอยู่ ก็พูดอะไรไม่ออกเลยสักคำ
ที่แท้ เธอก็เตรียมเอาไว้ให้เขาอยู่แต่แรกแล้ว
ช่างมัน ปล่อยมันแล้วกัน เธออยากจะพูดอะไรก็เรื่องของเธอ
เส้นหมี่ไม่อยากจะอธิบายอะไรแล้วทั้งนั้น เธอลุกยืนขึ้น ดวงตาที่เย็นชาราวกับดอกไม้ไฟที่มอดดับ มองไปยังลูกสาวที่อยู่ตรงหน้า “รินจัง มานี่มา หม่ามี๊จะพาหนูกลับ”
หนูรินจัง“……”
เด็กหญิงตัวเล็กก็ราวกับรู้สึกได้ถึงความเศร้าเสียใจของคนเป็นแม่ในตอนนี้ กางแขนป้อมๆออกแล้วโผเข้าหาอ้อมแขนของแม่
หลังจากนั้น สองคนแม่ลูกก็หยิบเอาตะกร้าผลไม้นั้นเดินจากไป
ชินจังกับคิวคิวสองคน หลังจากที่จ้องเขม็งมองไปยังแด๊ดดี้และคุณน้าที่น่ารังเกียจด้วยความขุ่นเคือง ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาอีก เดินจูงมือกันแล้วตามหลังหม่ามี๊ไป
ช่างเป็นปลาเน่าตัวเดียว ที่เหม็นไปทั้งข้องจริงๆ
ดูแล้ว ผู้หญิงที่ชื่อแครอทคนนี้ พวกเขาต้องหาวิธีกำจัดเธอให้พ้นทางซะแล้ว
เด็กน้อยสองคนคิดกันในระหว่างทางที่เดินกลับ
——
ตอนเที่ยงของวันนี้เส้นหมี่พาลูกสาว ไปกินข้าวที่บ้านของชาวไร่คนหนึ่งพร้อมด้วยหนูมะลิและแม่ของเธอ
“แม่รินจัง ตอนบ่ายเราไปด้วยกันเถอะนะ ผู้หญิงที่ชื่อแครอทคนนั้น หนูมะลิไม่ค่อยจะชอบเธอสักเท่าไร ตอนเที่ยงก็ร้องไห้ไปหลายรอบเพราะเธอเลย ”
ในตอนที่กินข้าว แม่ของหนูมะลินั่งอยู่กับเส้นหมี่ เด็กน้อยทั้งสองคนออกไปเล่นด้วยกัน เธอก็พูดออกมาอย่างลำบากใจ
จนสองคนแม่ลูกตามพวกเธอมาถึงที่ตรงบริเวณเนินเขา ก็เห็นคุณแม่คนนี้เก็บเอายอดอ่อนที่มีสีแดงเข้มจากต้นไม้ที่เปลือยเปล่าต้นหนึ่ง
เส้นหมี่เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
นี่มันยอดอ่อนเซียงชุนที่เป็นพืชสมุนไพรไม่ใช่เหรอ ? ใช้ลดความร้อนในร่างกายแก้พิษและอีกสารพัด เมื่อก่อนเธอก็มีติดบ้านไว้อยู่ตลอด เก็บเอาไว้ให้เด็กๆ
เส้นหมี่ตัดสินใจว่าหากทำงานแล้วเสร็จ ก็จะเอากลับไปด้วยเล็กน้อย เพื่อเก็บเอาไว้ใช้
ทว่า แม่ของมะลิกลับให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แรกเริ่มเดิมทียังช่วยกันทำงานอยู่ แต่อยู่ๆไป เส้นหมี่ยังนั่งยองๆถอนหญ้าอยู่ที่พื้น จู่ๆรินจังก็วิ่งเข้ามาหา บอกว่าหนูมะลิกับแม่ของเธอหายตัวไปแล้ว
“หายไปแล้ว ? พวกเขาไปไหนกัน?”
“ไม่รู้เลย คุณน้าพาเธอเดินไปตรงนั้น บอกว่าจะไปเก็บยอดอะไรอ่อนๆ ”
หนูรินจังพูดอธิบายเสียงหวานให้คนเป็นแม่ฟัง
จริงๆเลยคนนี้……
เส้นหมี่มองดูตะวันที่ค่อยๆเอนเอียงไปยังทิศตะวันตก นึกถึงเวลากลับที่คุณครูประจำชั้นได้เน้นย้ำเอาไว้ ก็ร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย
“งั้นไปกันเถอะ เราไปหาพวกเขา ไม่อย่างนั้นต้องตามคนอื่นๆไม่ทันแน่”
“ได้ค่ะ หม่ามี๊”หนูรินจังยื่นมือเล็กๆให้คนเป็นแม่อย่างว่าง่าย จากนั้นสองคนแม่ลูกก็ไปหาแม่ลูกคู่นั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก