เคมีสีหน้าท่าทางที่จะหลบเลี่ยงเล็กน้อยในทันที : “ท่านประธาน ผมพูดแล้ว ท่านอย่าโกรธผมนะ”
“พูด!”
“หลังจากที่พวกเราไปตรวจค้นเชิงลึกในสถานที่กองทัพต่างๆ ตามเบาะแสจากคุณชายเปรมไตร ผลคือพบว่า บุคคลนี้....มีความคล้ายกับคนที่ติดตามคุณชายม็อกโกเป็นอย่างมาก”
“คุณพูดว่าอะไรนะ? ม็อกโก?”
และแล้ว เมื่อคำพูดนี้ออกมา ผู้ชายคนนี้ตกใจมากจนถึงขั้นสีหน้าท่าทางตกตะลึงจนพูดไม่ออก!
จะเป็นม็อกโกไปได้อย่างไร? พวกเขาเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า?
แสนรักไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ : “คุณพูดมั่วอะไร? มันเกี่ยวอะไรกับม็อกโกล่ะ?”
“จริงๆครับ ท่านประธาน ถ้าท่านไม่เชื่อ ผมจะนำข้อมูลที่พวกเขาส่งมาให้ท่านดูครับ”
จากนั้นเคก็นำเอาสิ่งของที่พวกเขาส่งมาให้ทั้งหมดวางลงบนโต๊ะ นอกจากเอกสารอย่างละเอียดชุดหนึ่ง ยังมีสัญลักษณ์พิเศษของทหารเหล่านั้นที่เป็นลูกน้องของม็อกโกด้วย
ต่างก็วางอยู่บนโต๊ะทั้งหมด
คนของกองทัพ จริงๆ แล้วแต่ละทีมจะมีข้อแตกต่างกัน ซึ่งจะเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากกับผู้บังคับบัญชานำทีมของพวกเขา
ตัวอย่างเช่น ม็อกโก อำนาจทางทหารของตระกูลเทวเทพพวกเขาคือมีกองทัพบกเป็นหลัก ถ้าอย่างนั้นที่เขานำทีมทหาร สั่งสอนพวกเขามากที่สุดก็คือทักษะการจับ รวมทั้งการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน
แต่สิ่งเหล่านี้ ทั้งหมดก็จะทิ้งร่องรอยไว้บนตัวของทหารเหล่านี้
“ท่านดูกริชด้ามนี้สิครับ ที่ทหารทั่วไปใช้แน่นอนว่าต้องเป็นเหล็กกล้าคาร์บอน แต่ทีมทหารในมือของคุณม็อกโกนั้น ทั้งหมดทำจากวัสดุหายาก กริชด้ามนี้ หลังจากหล่อหลอมออกมาแล้ว ก็มีความแข็งแกร่งกว่าใบมีดทั่วไปมาก และมีความเหนียวกว่าอีกด้วย นี่ก็คือสัญลักษณ์เฉพาะที่เห็นได้ชัดเจนครับ”
เคชี้ไปยังรูปภาพสองภาพที่พิมพ์ออกมาพร้อมทำการอธิบาย
รูปภาพสองภาพนี้ ภาพหนึ่งคือภาพในกล้องวงจรปิดตอนนั้นที่คนร้ายปิดหน้าลักพาตัวภารานินไป ขณะนั้น สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในมือของเขา ก็มีกริชด้ามหนึ่งจ่ออยู่ที่คอของภารานินจริงๆ
ส่วนรูปภาพอีกภาพหนึ่งนั้น ก็คือภาพของกริชสองด้ามนี้
ด้ามหนึ่งที่ธรรมดาทั่วไป อีกด้ามหนึ่งที่มองดูอย่างไรก็รู้ว่าไม่ธรรมดา และก็ดูเหมือนกันกับที่คนปิดหน้านั้นถืออยู่ในมือ
สีหน้าของแสนรักก็ค่อยๆ เย็นลงไป
ภายในไม่กี่วินาทีสั้นๆ เขาจ้องมองสิ่งของเหล่านี้ ร่างกายที่สูงตรงสง่าราวกับถูกจี้จุดจนตัวแข็งทื่อ อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าอยู่ตำแหน่งนิ่งไม่ขยับ แต่ ดวงตาสีดำคู่นั้นที่ดูแล้วช่างน่าตกใจ กลับดูราวกับว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้......
น่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด!
“นี่ก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าเขาเป็นคนทำ เขามีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำแบบนี้?”
“เพราะว่า แม่ของท่านคือคนที่ตระกูลเทวเทพพวกเขากำลังตามหาตัวอยู่ครับ!”
ในช่วงเวลาสำคัญ ดลธีก็กลับมาแล้ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น กระเซอะกระเซิงไปทั่วร่างกาย ค่อยๆเดินเข้ามาในห้องทำงานทีละก้าวทีละก้าว
กลับพบว่า รูปภาพแรก คือรูปภาพรวมหมู่ ต่างก็สวมใส่ชุดทหาร มองดูก็รู้ว่าเป็นภาพรวมของเหล่าทหาร
แสนรักมองดูอย่างตั้งใจ ผลคือ ในรูปภาพนี้ เขาไม่เพียงเห็นธนากรอยู่ในภาพ เขายังเห็นดิลกพ่อตาของเขาอยู่ในภาพนั้นด้วย
“หรือว่า..........อันที่จริงพวกเขาต่างก็รู้จักกัน?”
“ถูกต้อง ต่างก็เป็นคนที่ขุนนายฝึกหัดมา สมัยนั้นทั้งคุณท่านและพ่อของคุณนาย หลังจากที่เข้าเป็นทหาร ก็อยู่ในค่ายของขุนนาย เขาเป็นผู้บัญชาการของพวกเขา มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน คุณลองดูอีกภาพหนึ่งก็จะรู้แล้ว”
ดลธีเตือนเขาให้ดูภาพที่สอง
แสนรักพลิกมันออกมามองดู
จริงๆ ด้วย ในภาพรวมนี้มีแค่หกคน แสนรักมองเห็นคุณท่านของตัวเอง ยังมีดิลกด้วย ต่างก็ยืนอยู่ด้านข้างของผู้บัญชาการผู้กล้าหาญตรงกลางท่านนั้น ต่างยิ้มอย่างมีความสุข
ดังนั้น คนแก่สองคนนั้นกำลังหลอกเขาอยู่!!
ในใจลึกๆ ของเขาก็มีไฟแห่งความโกรธปะทุขึ้นมา
แต่ไม่นาน อารมณ์เหล่านี้ ก็เลือนหายไปหมดสิ้น หลังจากที่เขามองเห็นสมุดบันทึกสีแดงเล่มเล็กที่ขาดเปื่อยเป็นอย่างมาก
“อันนี้ เพื่อนร่วมรบท่านนั้นบอกว่า หลังจากที่ขุนนายพลีชีพ ก็ได้มันมาจากบนร่างของเขา ตอนนั้น ลูกกระสุนก็ทะลุผ่านหน้าอกของเขาไป น่าเสียดาย ที่เขาเอาสิ่งของนี้ยัดไว้ในกระเป๋าหน้าอกข้างซ้าย ซึ่งเป็นตำแหน่งกระสุนมันผ่านทะลุพอดี”
ทันใดนั้น น้ำเสียงของดลธีก็เปลี่ยนเป็นเสียงหนัก เขารีบถ่ายทอดคำพูดที่เพื่อนร่วมรบในสมัยนั้นของขุนนายท่านนั้นบอกไว้ออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยัยหมอวายร้ายที่รัก