สี่ปีให้หลัง นอกเมืองหลวงแคว้นเสวียน
“ท่านแม่ หิว ๆ ข้าว ๆ”
ข้างทาง แม่นางน้อยขาวอมชมพูประหนึ่งหยกแกะสลักแหงนหน้าเล็ก ๆ มือจับกระโปรงสะอาดของผู้หญิงออดอ้อน
ข้างตัวพวกเขายังมีคุณชายน้อยหน้าตาขึงขังอีกคนหนึ่ง ใบหน้าคิ้วกระบี่ดวงตาสุกใส หากเติบโตแล้วต้องเป็นคนหล่อเหลาแน่
เวลานี้แม้คุณชายน้อยจะไม่ปริปาก แต่ดวงตาดำขลับคู่นั้นกำลังจ้องผู้หญิงอยู่เหมือนกัน สื่อความหมายว่าอยากกินบางส่วน
“ได้ เราจะกินกันเดี๋ยวนี้แหละ” ซูหลีอวี่หัวเราะ หยิบปิ่งออกมาจากห่อผ้าสองชิ้นและหักครึ่งแบ่งกัน
“ท่านแม่ดีที่สุดเลย!” น้องสาวซูหวงกินแจ๊บ ๆ อย่างอารมณ์เบิกบานถึงที่สุด
“ขอบคุณท่านแม่” พี่ชายซูม่อเรียบร้อย หากดวงตากลับเป็นประกาย
ซูหลีอวี่ยิ้มตาหยี อารมณ์ดีมาก
สี่ปีแม้จะลำบาก แต่ดีที่เด็กสองคนนี้ทำให้ชีวิตของนางมีรสชาติขึ้นเยอะ
กอปรกับนางใช้ความรู้ทางการแพทย์ของอีกโลกหนึ่ง ปลูกเรือนเป็นหมออยู่ในหมู่บ้านบนเขา กลับไม่ต้องกังวลเรื่องการกินอยู่
เพียงแต่มองเด็กน้อยสองคนนี้ ซูม่อกับซูหวงถึงวัยที่ต้องเรียนหนังสือแล้ว ในหมู่บ้านไม่มีสำนักศึกษา ซูหลีอวี่กับนางอู่เหวินซื่อจึงพาเด็ก ๆ ออกจากบ้านนอก
“ชิ้ง ๆ ๆ ๆ!” ทางเขาด้านหน้ามีเสียงต่อสู้ทันใด
ซูหลีอวี่ฉุดนางอู่เหวินซื่อ ผู้หญิงสองคนกอดเด็กนั่งยองลงในพุ่มหญ้า
สายตาสอดส่องออกไป ในจุดไม่ไกลมีคนปิดหน้าสิบกว่าคนกำลังล้อมโจมตีผู้ชายคนหนึ่งอยู่
ซูหลีอวี่ตกตะลึงเดี๋ยวนั้น
เห็นเพียงผู้ชายมีรูปร่างสูงตรงน่าเกรงขาม ขี่อยู่บนหลังอาชาตัวงามสีขาว
บนใบหน้าของเขามีหน้ากากจ้าวแห่งขุมนรกอยู่ สวยงามคมสัน เผยความเย็นยะเยือกที่อันตราย
“ชิ้ง!” เงากระบี่วาดผ่าน หลังของผู้ชายต้องคมมีด ชุดผาวสีหมักปักทองขาด เลือดสดกระเซ็นออกมา
จากนั้น แผลเป็นรูป X ก็ปรากฏอยู่บนแผ่นหลังกล้ามเนื้อทรงพลังของเขาชัดเจน!
หา! เป็นเขา!
เป็นเขาหรือนี่!
ซูหลีอวี่วิงเวียนกับภาพตรงหน้า สันหลัง ‘บังเกิด’ ความเย็นวูบ
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้แค่ชิงความบริสุทธิ์ของนางไป แต่ที่นางกอดอยู่ในอ้อมอกเวลานี้ยังเป็นลูกของเขา!
“ฉึก ๆ!”
คมมีดยาวเจ็ดฉื่อของเขาสู้กับคนปิดหน้าสิบกว่าคน แสงกระบี่กวาดไป ปลิดชีวิตคนเป็นแถบ ๆ
“อ๊า!” ซูหวงหลุดร้องตกใจขึ้นมา ซูหลีอวี่เอามือปิดปากของนางไว้
“ฉึก!” อีกหนึ่งชีวิต แสงสีโลหิตกระเซ็น คนที่ปิดหน้าตะลีตะลานวิ่งหนี
ฝุ่นเหลืองในที่ไกล ๆ ปลิวว่อน ทันใดนั้นมีสี่อาชาห้าวห้อตะบึงมา
ผู้กล้าบนอาชาพลิกตัวลง ก่อนจะคุกเข่าอยู่ข้างเท้าอาชาตัวสีขาวเป็นระเบียบ
“ข้าน้อยมาอารักขาช้าไป นายท่านโปรดลงโทษด้วย!”
“ลุกขึ้นเถอะ!” อิ๋งเจินโบกมือใหญ่ ยิ้มอย่างน่าเกรงขาม
จากนั้นภายใต้หน้ากากเย็นเฉียบนั้น เขาเหล่มามองทางซูหลีอวี่แวบหนึ่ง
นัยน์ตาลุ่มลึกประหนึ่งดวงดาวในคืนหนาวเหน็บ แฝงจิตสังหารและความสงสัย
เขาเหมือนเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย แต่พอมองไปรอบ ๆ กลับไม่เห็นอะไร
พอเห็นว่าพวกเขาควบม้าไปแล้ว ซูหลีอวี่จึงวางใจประคองนางอู่เหวินซื่อให้ลุกขึ้น
“ท่านแม่ เมื่อกี้นี้ใครหรือ ทำไมพวกเขาต้องต่อสู้กันที่นี่ด้วย”
ซูม่อแหงนดวงหน้าเยาว์วัยเล็ก ๆ คิ้วกระบี่งามฉายความองอาจ
ซูหลีอวี่จัดหมวกผ้าบนศีรษะ เดินเข้าไปดูแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
การดูนี้ไม่เป็นไร แต่พูดคนรับใช้คนหนึ่งกอดแขนแล้วถูลู่ถูกังลากเข้าข้างในโดยตรง พร้อมตะโกนว่า “นายท่าน ดีชั่วก็มาคนหนึ่งแล้วขอรับ!”
“รีบเชิญ ๆ!”
ตามเสียงชรา ชายผู้เฒ่าเคราขาวในชุดหรูหราคนหนึ่งเดินออกมาอย่างเร็วรี่
“นี่พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ” ซูหลีอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย “รีบปล่อยข้านะ ข้ามาสมัคร ไม่ใช่ขโมย!”
“จะจับท่านนี่แหละ” เด็กรับใช้เอ่ย “เพราะรายชื่อคนสุดท้ายนี้ ท่านเฉิงไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว!”
“ดีชั่วก็รอจนมีคนที่สามสิบมา” เฉิงอิงคว้าข้อมือของซูหลีอวี่ “นี่ถ้ารวบรวมไม่ได้สามสิบคน ทางท่านอ๋องต้องกุดหัวของข้าแน่!”
การจับนี้ ซูหลีอวี่ถูกลากไปถึงค่ายเชียนจี
เฉิงอิงสั่งออกไปแบบสุขุมรอบคอบ “อีกประเดี๋ยวฝ่าบาทจะมาตรวจตราโรงหมอ ทุกท่านต้องระวังการพูดการจา มิเช่นนั้นไม่เพียงแต่จะประสบเคราะห์ถึงชีวิต ชีวิตชราของข้าเฉิงอิงยังต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย”
ฝ่าบาทหรือ
ซูหลีอวี่กะพริบตาปริบ ๆ ใครกัน
แต่ตอนนี้เอง ข้างนอกมีเสียงรายงานดังมา “ฝ่าบาทเสด็จ!”
ซูหลีอวี่หมุนตัวเห็นม้าศึกในเครื่องทรงกลุ่มหนึ่ง หอบฝุ่นเหลืองเข้า ‘ค่ายเชียนจี’ มาแต่ไกล ๆ
ท่วงทำนองน่าเกรงขาม จิตสังหารพลุ่งพล่าน
ตามเสียงอาชาห้าวส่งเสียงร้องยาว ม้าศึกสีนิลรูปงามตัวหนึ่งที่เป็นตัวนำก็ยืนอยู่ตรงหน้าเฉิงอิง
ตามด้วยความหนาวบีบคั้นคนปะทะใบหน้า กลิ่นอายอันตรายปกคลุมสี่ทิศ
กลิ่นอายนี้มาจากชายหนุ่มรูปร่างสันทัด พักตร์มังกรเนตรดาราบนตัวม้าศึกสีนิล
ซูหลีอวี่มองไป เห็นหน้าตาของชายหนุ่มพร้อมกับสูดลมเย็นเข้าปอด
เขา เขา...!!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หมอเทวดาหน้าเงิน