“บังอาจ นี่คือศาล ไม่ใช่สถานที่เจ้าจะมาคะนองปากได้” เกอเฉิงฮุยเคาะไม้ปลุกสติพร้อมพูดขึ้นอย่างโมโห
ไม่กล้าคัดคำสั่งสวินฝู่ แล้วเขาจะหาเรื่องหญิงสาวบ้านคนนี้ไม่ได้หรือ?
เกอเฉิงฮุยตัดสินใจแล้วว่า จะทำให้ลั่วเสี่ยวปิงตกใจหนีไป
หากไม่มีผู้กล่าวหา คดีนี้เขาก็ไม่ต้องสืบต่อไป เขาก็จะได้หลุดพ้นจากเรื่องนี้ด้วย
และแล้ว เกอเฉิงฮุยดูถูกความกล้าของลั่วเสี่ยวปิงเกินไปแล้ว
“ใต้เท้า ข้าน้อยมาเพื่อฟ้องร้อง ใต้เท้าไม่ดูเอกสารยื่นฟ้องก่อนแล้วก็หาว่าข้าน้อยคะนองปาก ประชาชนจะไม่พูดว่าไม่มียุติธรรมและไม่คู่ควรที่จะเป็นขุนนางที่ดีหรือ?”
คำพูดของลั่วเสี่ยวปิงแต่ละคำนั้น ไพเราะและทรงพลังชัดเจนมาก สีหน้าก็ไม่มีแววหวาดกลัวเลย
ลั่วเสี่ยวปิงไม่ปฏิเสธ ที่นางไม่เกรงกลัวขนาดนี้ เพราะมีฉีเทียนเห้าคอยให้การสนับสนุนนาง
ถึงแม้ไม่รู้ว่าฉีเทียนเห้าเป็นใคร แต่นางรู้ว่า ในเมื่อฉีเทียนเห้าเขียนใบยื่นฟ้องให้นาง ให้นางมาเป็นคนยื่นฟ้อง แสดงว่าฉีเทียนเห้ามีหลักฐานพร้อม
อีกอย่าง นางก็สามารถดูออกว่า นายท่านเจ้าเมืองคนนั้นกลัวฉีเทียนเห้ามาก
ต้องรู้ว่าตำแหน่งเจ้าเมือง หากเป็นในยุคปัจจุบัน เทียบเท่ากับนายกเทศมนตรีเมืองหลวง กระทั่งมีอำนาจยิ่งกว่านายกเทศมนตรี
ดังนั้น ลั่วเสี่ยวปิงเชื่อมั่นในตัวฉีเทียนเห้าอย่างมาก
หากไม่เช่นนั้น ในยุคที่ขุนนางสามารถสั่งฆ่านางได้ง่ายๆเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่หวาดกลัวเลย
แน่นอน ต่อให้กลัว สิ่งที่นางต้องฟ้องก็ยังคงฟ้อง เพียงแต่จะมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเท่านั้น
ยังไงนางก็เสียดายชีวิต
เกอเฉิงฮุยฟังคำพูดประโยคนี้ของลั่วเสี่ยวปิงแล้ว สีหน้ากลายเปลี่ยนเป็นสีตับหมูเลยทีเดียว
ไม่มีความยุติธรรม ไม่คู่ควรเป็นขุนนางที่ดี หากคำพูดนี้ถูกพูดออกไป ตนเองจะมีอำนาจอะไรหลงเหลือในเมืองหลัว
ในขณะเดียวกัน เกอเฉิงฮุยรู้สึกได้ถึงการมาเยือนของฉีเทียนเห้า สุดท้ายต่อให้ไม่ยินยอม เกอเฉิงฮุยยังคงให้ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง รับเอาเอกสารยื่นฟ้องมาจากลั่วเสี่ยวปิง
ทั้งที่มีการทำใจไว้ก่อนแล้ว แต่ดูรายละเอียดในเอกสารนั้นแล้ว สีหน้าเกอเฉิงฮุยยังคงแย่กว่าเดิม มือที่ถือเอกสารสั่นเทาไม่หยุด
มีความคิดอยากที่จะฉีกเอกสารยื่นฟ้องทิ้ง แต่เมื่อเห็นตราประทับบนกระดาษเป็นของสวินฝู่ เขาก็ไม่กล้าฉีกแล้ว
และพวกนี้ ใช่ว่าเพราะเขากลัวสวินฝู่
ถึงแม้ใต้เท้าสวินฝู่จะมีตำแหน่งขุนนางสูงกว่า แต่เทียบกับฮ่องเต้ฮองเฮา ก็เทียบกันไม่ได้
แต่เพราะเบื้องหลังสวินฝู่มีอ๋องเซ่อเจิ้ง
ต้องรู้ว่า ถึงแม้อ๋องเซ่อเจิ้งจะอายุเพียงยี่สิบห้า แต่เขาเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในราชวงศ์ต้าชิ่ง แม้แต่ฮ่องเต้ก็กลัวเขา
เขา ไม่กล้าล่วงเกินคนของอ๋องเซ่อเจิ้ง
ในขณะที่ในใจเกอเฉิงฮุยกังวลสับสนวุ่นวายเหมือนด้ายพันกัน ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดขึ้นอีกว่า “หากใต้เท้าไม่เชื่อข้อความในเอกสาร ใต้เท้าเบิกตัวผู้ถูกกล่าวหากับหลักฐานพยานมาได้”
เกอเฉิงฮุยพูดขึ้นว่า “.....หลักฐานพยาน”
เกอเฉิงฮุยกัดฟัน อดกลั้นความอยากที่จะฉีกปากลั่วเสี่ยวปิง ที่พูดประโยคนี้ขึ้นมา
หลังจากพูดเสร็จ เกอเฉิงฮุยก็หันไปมองที่ประตู ท่าทีแลดูตื่นเต้นขึ้นมา
เขาหวังว่าอย่าให้มีคนขึ้นมา เช่นนี้เขาก็จะได้ไม่ลำบากใจ
แต่ความหวังก็เกอเฉิงฮุยก็ว่างเปล่า เพราะตรงสถานที่เบิกคน มีทหารจับคนมาหลายคน
ที่ทำให้เกอเฉิงฮุยค่อยโล่งก็คือ หนึ่งในคนพวกนี้ไม่มีมาร์ควิสแห่งกวงอันมู่กุ้ยผิง
ในที่สุดเกอเฉิงฮุยก็รู้สึกสบายใจขึ้น เริ่มถามคดีตามขั้นตอน
ผู้ถูกกล่าวหาที่พามาคือจางไฉจือกับลูกน้องคนสนิทของจางไฉจือตลอดจนพวกคนที่ให้ความร่วมมือ นอกจากพวกเขาที่เป็นพยาน ยังมีผู้เสียหายที่คนของจางไฉจือลักพาตัวลูกหรือน้องสาวไปขาย
ตามปกติ ผู้ถูกกล่าวหาล้วนเป็นคนปากแข็งทุกคน หากไม่ผ่านการทรมานไม่มีทางยอมรับผิด
ส่วนเกอเฉิงฮุยก็เตรียมที่จะให้คนพวกนี้รับโทษตามความผิดเพื่อจบคดี หากไม่พัวพันถึงมาร์ควิสแห่งกวงอัน ตัดสินคดีแล้วเขาก็จะปลอดภัยแล้ว
ส่วนมู่กุ้ยผิงหลังจากได้ออกมาเห็นโลกภายนอก สีหน้าก็เขียวปัดทันที
เขาสลบอยู่ตลอด ตื่นมาแล้วพบว่าตนเองอยู่ในถุงกระสอบก็โกรธจัดมาก แต่เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้น กำลังพูดสั่งอยู่ที่นั่น ก็พูดโต้เถียงออกมาโดยไม่รู้ตัว
กลับคิดไม่ถึงว่า ที่นี่มีคนมากมายขนาดนี้
งั้นทุกสิ่งอย่างที่ตนเองทำก็.....
ยิ่งคิดเช่นนี้ สีหน้ามู่กุ้ยผิงก็ยิ่งย่ำแย่
เขากล้าทำเรื่องพวกนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกล้าทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ยังไงในราชสำนักก็ยังมีอ๋องเซ่อเจิ้ง
ถึงแม้อ๋องเซ่อเจิ้งจะหายตัวไป แต่หากยังไม่มีข่าวออกมาว่าเขาตายแล้ว เขาก็ไม่มีวันได้เป็นอิสระ
เมื่อคิดอยู่เช่นนี้ สายตามู่กุ้ยผิงกวาดมองไปยังทุกคน แววตาฉายแววอาฆาต
หากไม่มีทางเลือก คนพวกนี้ ล้วนไม่จำเป็นต้องเก็บไว้
ในขณะที่มู่กุ้ยผิงกำลังคิดอยู่ว่า จะจัดการทุกคนที่มามุงดูยังไง จู่ๆก็มองเห็นฉีเทียนเห้าที่สวมหน้ากากไว้
ตอนที่สบกับสายตาเยือกเย็นคู่นั้น มู่กุ้ยผิงรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนถูกมองจนทะลุ
ส่วนพวกประชาชน ตอนนี้เวลานี้พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่า ความตายกำลังจะมาเยือน พวกเขายังตะลึงตกใจที่คนในถุงกระสอบคือมาร์ควิสแห่งกวงอัน
อีกอย่าง เมื่อกี้ที่มาร์ควิสแห่งกวงอันพูด แสดงว่าสิ่งที่จางไฉจือพูดนั้นเป็นความจริง?
แต่นั่นคือ คดีค้ามนุษย์กว่าร้อยคนนะ
พวกชาวบ้านสามารถคิดได้เช่นนี้ เกอเฉิงฮุยก็ต้องคิดได้อยู่แล้ว
เกอเฉิงฮุยรู้สึกมึนชาไปทั้งหัวเท่านั้น
เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะทำยังไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...