แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 141

ตามที่ลั่วเสี่ยวปิงคิด เครื่องเรือนในเรือนหลังใหม่ทำเสร็จหมดแล้ว

เพราะต่างทำมาจากไม้เนื้อแข็งบริสุทธิ์ ไม่มีการทาสี และไม่มีแก๊สจำพวกฟอร์มาลดีไฮด์ ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงตบโต๊ะตัดสินใจจะย้ายเรือนในวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตามเรือนใหม่ไม่เพียงแต่มีเครื่องเรือนเท่านั้น ยังต้องมีของใช้ต่างๆเช่นหม้อกับกระทะด้วย ดังนั้นเมื่อสำรวจเรือนใหม่เสร็จแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปซื้อของครั้งใหญ่ในเมือง

เพราะวันพรุ่งนี้จะย้ายเรือนและสามารถเข้าไปอยู่ในเรือนหลังใหม่ของตัวเองได้แล้ว อีกอย่างยังสามารถเข้าไปในเมืองด้วย ดังนั้นเด็กทั้งสองคนต่างก็ดีใจมาก จนทำให้ค่ำคืนนี้พวกเขานอนดึก

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นครอบครัวทั้งสี่คนก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ฟ้ายังไม่ทันสางก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

ไม่มีเหตุผลอื่น ตั้งแต่ที่กลับมาจากเมืองหลัว ลั่วเสี่ยวปิงและลูกๆไม่มีใครละทิ้งการฝึกศิลปะการต่อสู้เลยสักคน

และขั้นตอนแรกของทุกวัน คือการวิ่งเหยาะๆไปยังหุบเขา

ในหุบเขามีบ่อน้ำพุร้อน ทิวทัศน์สวยงาม อากาศแจ่มใส จึงกลายเป็นที่ที่ดีที่สุดในการฝึกศิลปะการต่อสู้ของพวกเขา

เมื่อกลุ่มคนมาถึงหุบเขา นอกจากฉีเทียนเห้าแล้วสามคนที่เหลือต่างพากันหายใจหอบท่าทางราวกับจะจบสิ้นแล้ว แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครเอ่ยขอหยุดพักขึ้นมาสักคน แต่กลับทำเรื่องอื่นๆที่ฉีเทียนเห้ามอบหมายให้สำเร็จลุล่วงในทีเดียว

ความพยายามที่มากล้นของเด็กทั้งสองคน ทำให้ฉีเทียนเห้าพอใจ ยิ่งกว่านั้นยังสร้างความกดดันให้กับลั่วเสี่ยวปิงอีกด้วย

ทำไมน่ะหรือ?

แน่นอนว่าเพราะ ลูกทั้งสองคนมีความตั้งใจอดทนกันถึงขนาดนั้น หากนางที่เป็นแม่ไม่ทำให้ดีกว่า คงจะน่าอายไม่น้อย

ดังนั้นทุกครั้งที่รู้สึกเหนื่อยจนอยากจะเป็นลม ลั่วเสี่ยวปิงก็จะกัดฟันอดทนต่อไป

โชคดีที่สิ่งนี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์ อย่างน้อยนางก็สามารถรับมือกับการฝึกแต่ละครั้งได้มากขึ้น และร่างกายของนางก็ยิ่งมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งพระอาทิตย์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า การฝึกของสามคนแม่ลูกถึงจะจบลง และเริ่มพากันพักผ่อน

ลั่วเสี่ยวปิงหยิบเสื้อผ้าที่จะนำมาเปลี่ยนแล้วเดินไปยังบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่หลังต้นไม้เพื่อล้างตัว ส่วนฉีเทียนเห้าและเด็กทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงขึ้นจากน้ำ ก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูมีความสุขของเล่อเล่อ

“ท่านแม่ท่านแม่ พริกโตแล้ว”

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินคำนี้ ฝีเท้าก็ก้าวเร็วขึ้น เดินตรงไปยังสวนพริกของตัวเอง

หลังจากผ่านความพยายามมาหลายวัน หุบเขาแห่งนี้ถูกนางทำให้กลายเป็นสวนผักมานานแล้ว ในสวนปลูกผักไว้หลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพริก

เพราะเวลารดน้ำลั่วเสี่ยวปิงจะผสมน้ำแร่วิญญาณเล็กน้อยเข้าไปในน้ำ ดังนั้นผักที่นี่จึงเติบโตได้ดีและเร็วกว่าผักที่อยู่ข้างนอกมากนัก

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เมื่อได้เห็นพริกเล็กๆงอกออกมาจากต้นพริกของตัวเอง ลั่วเสี่ยวปิงก็ยังมีความรู้สึกประหลาดใจและดีใจ

ความเร็วนี้ มันเร็วกว่าที่นางคิดไว้มาก

เมื่อเป็นเช่นนี้ พริกของนางก็ถือว่าสามารถนำไปวางขายได้แล้ว

เมื่อเด็กทั้งสองคนจัดการตัวเองเสร็จ ทุกคนถึงได้พากันลงเขา

ตอนที่ลงเขาก็พอดีกับที่จางเอ้อหลางกลับจากการส่งสินค้า ลั่วเสี่ยวปิงสี่พ่อแม่ลูกจึงนั่งเกวียนวัวของจางเอ้อหลางเข้าไปในเมืองโดยตรง

เมื่อมาถึงในเมือง ลั่วเสี่ยวปิงให้เกวียนวัวหยุดอยู่ที่หน้าแผงขายเกี๊ยว สั่งเกี๊ยวชามเล็กมาสามที่ชามใหญ่อีกสองที่ กลุ่มคนห้าคนถึงได้เริ่มกินอาหารเช้ากัน

เมื่อกินเสร็จแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ตรงไปที่ร้านขายของชำ

ของจำพวกหม้อ กระทะ เทียน ตะเกียงต่างๆนานา เพียงแค่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันลั่วเสี่ยวปิงก็หยิบมันมาทั้งหมด ทำเอาเจ้าของร้านขายของชำดีใจจนหุบปากไม่อยู่

สำหรับลั่วเสี่ยวปิง ตอนนี้นางรู้สึกชื่นชมและขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ

ใครจะคิดว่า ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าที่นางวางแผนจะปิดนั้นจะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตการณ์และมีภาพดั่งเช่นวันนี้ให้ได้เห็น

“ข้าจะมาซื้อของอย่างอื่นด้วยพอดี ก็เลยแวะมาเอาน่ะ”ลั่วเสี่ยวปิงกล่าวยิ้มๆ“อีกห้าวันเรือนของข้าจะจัดงานฉลองเรือนใหม่ หากเจ้ากับพี่อู๋มีเวลาว่างก็แวะไปทานอาหารได้”

เป็นธรรมเนียมในหมู่บ้าน เรือนใหม่ผู้ใดสร้างเสร็จ ก็จะต้องเชิญญาติและเพื่อนมากินข้าวในงานเลี้ยง

นิสัยของนางกับจิ่นเหนียงเข้ากันได้ดี และยังมีความสัมพันธ์ที่ร่วมมือกัน แน่นอนว่าต้องเชิญนางด้วย

“เฮ้อ——งานฉลองเรือนใหม่ของเจ้า จะว่าอย่างไรข้าและพี่อู๋ของเจ้าก็มีเวลาเสมอ ข้ายังคิดอยู่เลยว่าเจ้าจะย้ายเข้าเรือนใหม่แล้ว เหตุใดจึงไม่จัดงานฉลองเรือนใหม่ ยังคิดว่าเจ้าไม่อยากเชิญเราสองสามีภรรยาแล้วเสียอีก”

ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าจินเหนียงพูดเล่น แต่ก็ยังกล่าวว่า“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? ไม่เชิญใครก็ได้แต่จะไม่เชิญพี่จิ่นเหนียงไม่ได้”

ในช่วงที่ทั้งสองคนคุยกัน คนงานก็นำของทั้งหมดย้ายขึ้นไปบนเกวียนวัว

เพราะทั้งสองคนต่างมีเรื่องของตัวเองให้ทำ ดังนั้นยังไม่ทันได้พูดอะไรมากทั้งสองคนก็โบกมือลาแล้ว

เพียงแต่ตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งแต่งตัวเป็นคนใช้รีบวิ่งเข้าไปในร้านตัดเย็บเสื้อผ้า

“คุณหนูรอง คุณหญิง คุณหนูจะคลอดแล้ว”

เสียงของคนใช้ดูวิตกกังวล ลั่วเสี่ยวปิงเหลือบมองไปทางร้านตัดเย็บเสื้อผ้าโดยไม่รู้ตัว และเห็นว่าเด็กสาวคนเล็กจากหญิงสาวสองคนที่เดินออกมาตามเสียงของคนใช้ดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก เหมือนเคยพบที่ใดมาก่อน

เพียงแต่ไม่ทันให้ลั่วเสี่ยวปิงได้คิดมาก หญิงสาวคนโตและคนเล็กต่างพากันเดินตามคนใช้คนนั้นขึ้นรถม้า

และทันทีที่คนใช้จากไป ลั่วเสี่ยวปิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าเหตุใดเด็กสาวตัวเล็กคนนั้นจึงดูคุ้นตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง