แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 227

“อาหารเลิศรสเช่นนี้ ขาดข้าฮัวเว่ยไปได้อย่างไรกัน?”

ในขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในห้องโถง

พนักงานร้านคนหนึ่งที่ชื่อชุนหยาจึงก้าวออกไปข้างหน้า และมองที่ลั่วเสี่ยวปิงด้วยสีหน้าที่วิตกกังวลและรู้สึกผิด “เถ้าแก่ ข้าขวางเขาเอาไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ......

ในเวลานี้ทุกคนล้วนกินกันจนแทบจะหมดแล้ว และนายท่านแห่งตระกูลหราวก็ออกไปก่อนเพราะเขาอายุมากแล้วและกินได้ไม่ค่อยเยอะ แน่นอนว่านายอำเภอกัวหงหยางที่มีฐานะเป็นลูกเขยและมีงานที่ต้องจัดการก็ต้องไปส่งนายท่านหราวอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีที่ว่างสองสามที่บนโต๊ะในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าฮัวเว่ยไม่ได้มาดี ทุกคนก็วางตะเกียบที่อยู่ในมือลง

และหราวชิงหย่ากับจิ่นเหนียงก็กำลังมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิงด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

จิ่นเหนียงคิดว่าฮัวเว่ยผู้นี้ดูเหมืนว่าจะไม่ใช่คนธรรมดาอะไร และตอนที่ได้ยินคำว่า “นายท่านสามฮัว” ไม่กี่คำนี้หราวชิงหย่าก็ได้ทราบถึงสถานะของฮัวเว่ยเป็นอย่างดีแล้ว เพราะพ่อของนางเคยพูดกับนาง

ลั่วเสี่ยวปิง นิ่งเฉยกว่าจิ่นเหนียงและหราวชิงหย่ามากอย่างเห็นได้ชัด นางยิ้มแย้มไปมาอย่างผ่อนคลายให้ทั้งสองคน แล้วพูดกับชุนหยาว่า “ไม่เป็นไร เจ้าไปทำธุระของตัวเองก่อนเถอะ”

เมื่อชุนหยาเห็นว่าเถ้าแก่ไม่ได้ตำหนินาง นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วก็ขอตัวออกไปแล้ว

หลังจากที่รอให้ชุนหยาจากไปแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงจึงยืนขึ้น แล้วรอยยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “นายท่านสามฮัวมาถึงแล้ว เป็นเกียรติยิ่งนักที่ท่านมาเยือนร้านเล็ก ๆ ของเรา”

ในขณะที่กำลังพูดเช่นนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็ตะโกนเรียกพนักงานร้านที่เดินผ่านมาว่า “ชุนวัง ไปจัดห้องส่วนตัวห้องหนึ่งให้นายท่านสามฮัวด้วยนะ”

พอชุนวังได้ยินดังนั้นก็รีบไปจัดการในทันที

ลั่วเสี่ยวปิงกำชับเสร็จ นางก็นั่งลงและเตรียมที่จะกินต่อ โดยไม่ชายตาไปมองฮัวเว่ยอีก

พอคนอื่น ๆ เห็นดังนั้น ก็ไม่ได้ไปสนใจฮัวเว่ยอีกเช่นกัน

เมื่อฮัวเว่ยเห็นว่าตัวเองถูกมองข้ามไปเสียแล้ว เขาก็โมโหขึ้นมาในทันที แต่เขากลับไม่ไปจัดการลงโทษลั่วเสี่ยวปิง แต่มองไปทางโอหยางฉี่หยู่ที่ไม่เคยส่งสายตามาให้เขาอยู่ข้างๆเลย “ฉีหยู่ นี่เป็นวิธีการในการต้อนรับแขกของเจ้าหรือ?”

ลั่วเสี่ยวปิง “?” นายท่านสามฮัวผู้นี้ดู ๆ แล้วอายุก็ไม่มากนัก ทำไมสายตาของเขาถึงไม่ดีเลยล่ะ?

โอหยางฉี่หยู่ไม่ได้สนใจฮัวเว่ยเลย เขาเพียงแค่ใช้ตะเกียบจุ่มลวกเนื้อแกะชิ้นหนึ่ง แล้วจิ้มซอสงาเล็กน้อยและเอาเข้าไปในปากเท่านั้น ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้นของเขาทั้งสงบเยือกเย็นและสง่างาม แลดูเบิกบานใจเป็นอย่างมาก

เมื่อนายท่านสามฮัวเห็นดังนั้น ก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเฉียบขาดว่า “ในสายตาของเจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นผู้อาวุโสอยู่หรือไม่?”

ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้น นอกจากลั่วเสี่ยวปิง หราวชิงหย่าและโอหยางฉี่หยู่แล้ว ทุกคนต่างก็มีสีหน้าตื่นตะหนกตกใจกันหมด

พวกเขาละสายตาจากใบหน้าของโอหยางฉี่หยู่แล้วมองไปที่ใบหน้าของฮัวเว่ยแทน หลังจากนั้นพวกเขาก็มีทำสีหน้าแปลก ๆ ขึ้นมาทีละคน ๆ

ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังมองดูท่าทางของพวกเขา นางรู้สึกเพียงว่ามันตลกมาก

พวกเขาแทบจะไม่ชอบรูปลักษณ์ของฮัวเว่ยเลย แต่เป็นเพราะนามสกุลฮัวนี้ของเขา ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา

ในการทำธุรกิจ ใครเล่าจะไม่รู้ว่านามสกุลฮัวเป็นนามสกุลของพ่อค้าหลวงบ้าง?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่นายท่านสามฮัว มาถึงเมืองซีเหอเขาก็ไม่เคยทำตัวค้อมต่ำเลยสักนิด ในการทำธุรกิจ ขอเพียงแค่ลองคิดเฉย ๆ ก็จะสามารถรู้ได้เลยว่าใครคือนายท่านสามฮัวที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เป็นคนอย่างไรแล้ว.

“ในเมื่อนายท่านสามฮัว มาบริโภคที่ร้านของข้า ถ้าท่านคิดว่าต้อนรับไม่ดีตรงไหนก็บอกกับข้าโดยตรงได้ จะมาหาเรื่องแขกของข้าทำไม? หรือว่าต้องการให้ข้าช่วยนายท่านสามฮัวเชิญหมอมาให้สักคนล่ะ?” เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นว่าฮัวเว่ยต้องการจะหาเรื่องขัดแย้งกับโอหยางฉี่หยู่ แต่โอหยางฉี่หยู่ทำให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาไม่อยากไปสนใจท่าทีของฮัวเว่ย ดังนั้นนางจึงจำต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมา

ร้านนี้เป็นของนาง แต่นายท่านสามฮัวกลับกำลังจับโอหยางฉี่หยู่มาเค้นหาความผิด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?

แต่พอฮัวเว่ยได้ยินคำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวปิงเขาก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงไปครู่หนึ่ง “ข้ามากินข้าว ไม่ได้มาหาหมอ เจ้าจะหาหมอมาทำ......”

แรกเริ่มเดิมทีฮัวเว่ยยังไม่ตระหนักถึงความหมายในคำพูดของลั่วเสี่ยวปิง เขาก็เลยต้องการจะพูดหักล้างขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเขาพูดมาจนถึงตรงนี้ ฮัวเว่ยจึงตระหนักได้ แล้วสีหน้าของเขาก็อดที่จะเขียวปัดขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าจะบอกว่าข้าเป็นบ้าหรือ?”

ลั่วเสี่ยวปิง “ข้าไม่ได้พูดเช่นนี้เสียหน่อย เพียงแต่นายท่านสามฮัวกำลังหาเรื่องผิดคน ข้าก็แค่กำลังคิดที่จะไปหาหมอมาตรวจดูตาให้นายท่านสามฮัวสักหน่อย ถ้านายท่านสามฮัวไม่ยินยอม ก็คิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน อย่างไรเสียสถานที่ที่ข้าเปิดกิจการอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่โรงหมอ”

ลั่วเสี่ยวปิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ และท่าทางที่ไท่แยแสอะไร แต่สีหน้าของฮัวเว่ยกลับบิดเบี้ยวขึ้นมาด้วยความโกรธเสียแล้ว

ดี!

ดีมาก!

ไม่เพียงแต่พูดว่าเขาเป็นบ้า แต่ยังพูดเขาตาบอดอีกด้วย

เหตุผลที่โอหยางฉี่หยู่บอกตัวนาง นั่นจะต้องเป็นเพราะว่าที่นี่มีเพียงตัวนางเองเท่านั้นที่รู้มูลเหตุของความลับของเขา

ในขณะที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังคิดเช่นนี้ ในใจของนางก็มั่นใจในความคิดนี้มากขึ้นแล้วเรื่อย ๆ

และในขณะที่โอหยางฉี่หยู่กำลังมองไปที่สายตาของลั่วเสี่ยวปิงเขาก็มักจะรู้สึกว่ามีความผิดปกติตรงไหนบ้าง เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่คิดไปคิดมาสักพัก โอหยางฉี่หยู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ขึ้นมา

ไม่ใช่ว่าปล่อยวางไปแล้วหรือ?

ทำไมยังคิดเรื่องเหล่านี้อยู่อีก?

เมื่อคิดเช่นนี้ โอหยางฉีหยู่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆอีกครั้ง หลังจากนั้นจึงถามลั่วเสี่ยวปิงด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “ได้ยินมาว่าทักษะทางการแพทย์ของเจ้าไม่เลวเลยใช่หรือไม่?”

ลั่วเสี่ยวปิง “......” ทำไมหัวข้อสนทนาถึงวนมาถึงเรื่องนี้เสียแล้วล่ะเนี่ย?

“คนผู้นี้มีอาการทางจิต เจ้าสามารถรักษาได้ไหม”

โอหยางฉี่หยู่ไม่ได้มองฮัวเว่ย แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น รวมทั้งฮัวเว่ยล้วนแต่รู้ดีว่า คนที่โอหยางฉี่หยู่บอกว่ามีอาการทางจิตคนนั้นก็คือฮัวเว่ย

ฮัวเว่ยรู้สึกว่า ในขณะนี้ตัวเองถูกทำให้โกรธจนเดือดเป็นฝืนเป็นไฟไปเสียแล้ว

ตกลงว่าคนพวกนี้เห็นเขาอยู่ในสายตาหรือไม่กันแน่?

ตอนแรกก็พูดคำพูดที่ยากแก่การเข้าใจพวกนั้นอย่างโอหัง แล้วทุกคนก็พูดว่าเขาเป็นบ้าอีก!

มีอย่างที่ไหนกัน!

หลังจากที่หายใจกระหืดกระหอบฮัวเว่ยก็ยิ้มขึ้นมา แล้วพูดว่า

“ข้ามีอาการทางจิตงั้นหรือ? ถ้าเจ้าไม่มีเมียมีลูก เช่นนั้นนางเป็นอะไรกับเจ้า?” ฮัวเว่ยชี้ไปทางลั่วเสี่ยวปิง “ผู้หญิงไร้ยางอายที่ไร้แม่สื่อไร้การหมั้นหมายก็ให้กำเนิดลูกสองแก่เจ้าแล้วคนหนึ่ง ไม่อายหรือไงที่เปิดร้านเมืองแห่งอาหารอะไรนี่?”

ในขณะที่ฮัวเว่ยกำลังพูด เขาก็มองไปทางผู้คนที่กำลังรับประทานอาหาร “ผู้หญิงคนนี้คลอดบุตรก่อนแต่งงาน นิสัยราวกับน้ำบนดอกหยาง เสื่อมศีลธรรม ร้านอาหารที่เปิดโดยบุคคลเช่นนี้ พวกเจ้ากล้ากินจริง ๆ หรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง