แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 235

เช้าตรู่ ลั่วเสี่ยวปิงทำรายการ แล้วให้หลินหย่งเฟิงและจางเอ้อหลางซื้อตามรายการ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับโรงงานเครื่องปรุงรส

หลังจากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงได้เตรียมให้ซูซิ่วเหม่ยและเจิ้งติงหลานไปทำความสะอาดโรงงานด้านหลัง

ตอนนี้นอกจากห้องสำหรับเพาะเห็ดในโรงงานไม่กี่ห้องแล้ว ห้องที่เหลือซึ่งเดิมใช้ทำเมล็ดสนนั้นว่างมานานแล้วเพราะทำเมล็ดสนเสร็จหมดแล้ว ห้องว่างๆเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนเป็นโรงงานเครื่องปรุงรสได้ รอเก็บกวาดให้เรียบร้อย ก็ใกล้จะพร้อมเปิดโรงงานแล้ว

หลังจากมอบหมายงานเสร็จแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงอยากจะไปบ้านตระกูลจางสักหน่อย เพื่อไปคุยกับลุงต้า

ฉวนเพื่อให้เขาช่วยเรื่องการจัดการบัญชีในหมู่บ้าน

แต่เมื่อกำลังเตรียมตัวออกไป ลั่วเสี่ยวปิงก็เห็นจางเสี่ยวหลิงยืนอยู่ในลานบ้าน เมื่อเห็นว่านางจะออกไปข้างนอกอีก จางเสี่ยวหลิงก็มีท่าทีลังเล

ลั่วเสี่ยวปิงก็นึกได้ว่าตัวเองเคยรับปากจางเสี่ยวหลิงว่าจะสอนวิธีหาเลี้ยงชีพให้นาง ช่วงนี้นางเองก็ยุ่งอยู่กับเรื่องเปิดธุรกิจถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปสนิท กลับเป็นจางเสี่ยวหลิงก็อยู่บ้านแบบเงียบๆ มาตลอดและทำในสิ่งที่สามารถทำได้

พูดตรงๆ จางเสี่ยวหลิงคนนี้เป็นคนขยันจริงๆ ไม่กี่วันมานี้จางเสี่ยวหลิงได้จัดของทั้งในบ้านและนอกบ้านได้อย่างเป็นระเบียบ ตอนเช้าก็ตื่นก่อนรุ่งสางเพื่อทำอาหารให้ทุกคนในบ้าน

แต่ว่าจางเสี่ยวหลิงไม่ใช่คนรับใช้ในบ้าน ให้นางทำแบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่ค่อยดีนัก

คิดๆดูแล้วเรื่องการไปหาลุงต้าฉวนก็ไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น ลั่วเสี่ยวปิงมองไปทางจางเสี่ยวหลิง “ไม่กี่วันก่อนข้าบอกว่าจะสอนเจ้าทำของกินเล่น แต่ก็ไม่มีเวลาเลย วันนี้เรามาทำกันเถอะ”

เมื่อจางเสี่ยวหลิงได้ยิน แววตาก็ฉายแววดีใจ แต่หลังจากดีใจแล้วนางก็รู้สึกเขินอายนิดๆ

“หากท่านมีเรื่องด่วนอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าไม่รีบร้อน”

หลายวันที่ผ่านมานางเห็นแล้วว่าลั่วเสี่ยวปิงยุ่งมากจริงๆ

แค่ลั่วเสี่ยวปิงรับนางกับเสี่ยวยาไว้ นางก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว จะมาถ่วงเวลาเรื่องของเสี่ยวปิงเพราะความต้องการของนางคนเดียว ได้อย่างไร?

นางเองก็เข้าใจดีว่า เสี่ยวปิงคนนี้ไม่ใช่เสี่ยวปิงคนก่อนตั้งนานแล้ว นางมีความสามารถมากกว่าตนเองมาก นางไม่มีทางเทียบได้

ลั่วเสี่ยวปิงเลี้ยงบุตรสองคนด้วยตัวเอง แล้วยังสามารถหาเงินได้ ความจริงข้อนี้นางไม่สามารถเทียบได้

ลั่วเสี่ยวปิงส่ายหัว “เรื่องของข้าไม่รีบร้อน”

เมื่อจางเสี่ยวหลิงเห็นว่าสีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็ไปที่ห้องครัว เตรียมสอนจางเสี่ยวหลิงทำหมาล่าทั่ง

เดิมทีนางอยากให้จางเสี่ยวหลิงทำของทอด อย่างไรก็ตามในยุคนี้ ของทอดเจียงเฉิงนั่นก็เรียกได้ว่าเป็นที่ยอมรับ

แต่ว่าในยุคนี้น้ำมันเป็นสิ่งล้ำค่า อีกทั้งตอนนี้จางเสี่ยวหลิงก็ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หากให้นางทำของทอด เกรงว่าในใจของนางคงจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจะสอนให้จางเสี่ยวหลิงทำของง่ายๆเหมือนกันอย่างหมาล่าทัง

หมาล่าทังและหม้อไฟนั้นมีจุดประสงค์เดียวกัน แต่ร้านหม้อไฟในร้านของนางนั้นใครๆก็สามารถทานได้ แต่หมาล่าทังนั้นไม่เหมือนกัน

ตั้งแต่มีหมาล่าทัง ก็เป็นอาหารชนิดหนึ่งของประชาชน ทั้งอร่อยและไม่แพง สามารถเข้าถึงคนทั่่วไปได้ คนที่ไม่สามารถทานหม้อไฟบุฟเฟต์ ก็เหมาะสำหรับทานหมาล่าทัง

และสิ่งที่ยากที่สุดของหมาล่าทังนั้นก็คือน้ำซุป หมาล่าทังจะอร่อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าน้ำซุปนั้นมีจิตวิญญาณหรือไม่

แต่ก่อนที่จะทำน้ำซุป ลั่วเสี่ยวปิงต้องสอนจางเสี่ยวหลิงเตรียมวัตถุดิบก่อน

ที่บ้านมีของอยู่มากมาย มีเนื้อ มันฝรั่ง อีกทั้งยังมีผักและเห็ดหลายชนิด

ถึงของจะไม่ครบตามแบบร้านหมาล่าทั่งในยุคปัจจุบัน แต่ก็พอเป็นส่วนประกอบในการสอนได้

ลั่วเสี่ยวปิงให้จางเสี่ยวหลิงหั่นเนื้อเป็นแผ่น สอนให้นางหมัก จากนั้นก็ปอกและหั่นมันฝรั่งเป็นแผ่น ล้างเห็ด ล้างผักเพื่อใช้ในภายหลัง และสุดท้ายก็ให้จางเสี่ยวหลิงเตรียมบะหมี่ที่ม้วนด้วยมือ

เมื่อวัตถุดิบพร้อมแล้ว ก็เริ่มเตรียมส่วนผสมได้เลย

ถึงแม้ว่าจางเสี่ยวหลิงจะไม่มีความรู้ พบเห็นโลกมาน้อย แต่นางก็รู้ว่าสูตรเฉพาะแบบนี้หายากเพียงใด

ถ้าเสี่ยวปิงขายของอร่อยๆแบบนี้ด้วยตัวเอง นางต้องมีรายได้มากแน่ๆ นางจะโลภมากไม่ได้

เมื่อคิดอย่างนี้ จางเสี่ยวหลิงก็พูดด้วยความยากลำบาก “ไม่งั้น เสี่ยวปิง ให้ข้าไปทำงานที่ร้านของเจ้าเถอะ ถึงจะ...จะแค่ล้างจานก็ได้”

การทำธุรกิจและการล้างจาน การทำธุรกิจย่อมมีรายได้มากกว่าแน่นอน

แต่จางเสี่ยวหลิงไม่อยากเอาเปรียบลั่วเสี่ยวปิง จึงเลือกที่จะไปล้างจาน ถึงแม้จะเห็นได้ว่าจางเสี่ยวหลิงจะประสบกับความยากลำบาก แต่ในใจของนางก็ยังเมตตาและมักน้อย

ลั่วเสี่ยวปิงยิ้ม “เอาอย่างนี้ ถือว่าเจ้าเป็นแฟรนไชน์จำหน่ายหมาล่าทังก็แล้วกัน” ไม่เพียงแต่เป็นแฟรนไชน์หมาล่าทังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงของกินเล่นทุกประเภทในอนาคตอีกด้วย นางก็สามารถเป็นแฟรนไชน์ได้

จางเสี่ยวหลิงตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของลั่วเสี่ยวปิง ไม่เข้าใจความหมายของลั่วเสี่ยวปิงที่ว่าแฟรนไชน์

“ข้าจะให้สูตร ให้เครื่องปรุง ส่วนเจ้าจ่ายค่าแผงสถานที่ และเลือกส่วนผสมด้วยตัวเอง ส่วนกำไรเจ้าแบ่งให้ข้าสามส่วนก็ใช้ได้แล้ว” เมื่อเห็นว่าจางเสี่ยวหลิงไม่เข้าใจ ลั่วเสี่ยวปิงจึงอธิบาย

นางมั่นใจว่าหมาล่าทังจะต้องขายดีมาก ดังนั้นเอากำไรสามส่วนนางจึงไม่รู้สึกว่าจะเป็นอะไร

เมื่อจางเสี่ยวหลิงได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดเช่นนี้ นางก็ตกอยู่ในความเงียบ

สิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดช่างเย้ายวนใจ นางแทบรอไม่ไหวที่จะตอบตกลงทันที

แต่นางก็ต้องคำนึงว่าตนเองจะมีความสามารถที่จะทำได้หรือไม่

อยู่นาน ในที่สุดจางเสี่ยวหลิง ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิงอย่างหนักแน่น "ข้า ... "

“ปั้ง ปั้ง ปั้ง”

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูที่รีบร้อนดังขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง