“ฟ้าดินก็ไหว้แล้ว แต่นี่กระทะก็เย็นเตาก็เย็น ไม่เห็นมีผู้ใดไปทำอาหาร จะให้พวกข้าที่มาเข้าร่วมงานแต่งนั่งกินลมชมวิวหรืออย่างไร?”
ผู้ที่เอ่ยขึ้นมาคือจ้าวซื่อซึ่งบ้านสองของตระกูลลั่ว
ถึงแม้จะไม่มองหน้าตาของจ้าวซื่อ เพียงแค่ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าจ้าวซื่อมาหาเรื่อง
ลั่วเสี่ยวปิงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ออกเสียงอะไร ทำเพียงแค่ยืนข้างฉีเทียนเห้าอย่างเงียบๆ ผ้าคลุมคลุมอยู่บนหัว นางมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่นางกลับมองเห็นว่าฉีเทียนเห้าจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
ความสามารถในการจัดการงานของฉีเทียนเห้า นางไม่สงสัยเลย
แต่ก็เหมือนกับที่จ้าวซื่อพูด ในบ้านกระทะก็เย็นเตาก็เย็น งานเลี้ยงคงจัดไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว
เพราะงั้น ฉีเทียนเห้าจะใช้วิธีอื่นแก้ปัญหาหรือ?
ในใจของลั่วเสี่ยวปิงกำลังคาดเดาอยู่
“ใช่แล้ว ก็ไม่เคยเห็นคนบ้านไหนจัดงานแต่งแล้วไม่จัดงานเลี้ยง ดูแล้วก็ไม่เหมือนคนขาดเงิน เหตุใดยิ่งมีเงินถึงยิ่งทำตัวขี้งกเช่นนี้กัน?”คำพูดของจ้าวซื่อ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มคนบางกลุ่มในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
“ถ้าหากกลัวว่าพวกข้าจะมากินเนื้อบ้านพวกเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกพวกข้ามาเลยก็ได้ นี่เรียกพวกข้ามาแล้วให้พวกข้ายกท้องหิวแบบนี้ มันก็เกินไปเสียหน่อย”
ผู้คนกล่าวนี่หนึ่งคำนู้นหนึ่งคำ เสียงพูดคุยก็ดังขึ้น
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะนอกจากคนในหมู่บ้านใกล้เคียงอยากจะทานอาหารดีๆให้ได้สักมื้อแล้ว เวลาอื่นก็ได้แต่รอว่าบ้านไหนจะจัดงานแต่งหรืองานศพแล้วพากันไปกินของดีสักมื้อ นั่นก็เพราะว่าทุกคนที่มาร่วมพิธีจะมากหรือน้อยก็ได้ให้ของกำนัล
แม้ว่าจะเป็นเพียงของที่ไม่มีความคุ้มค่าอะไรมากมาย อย่างเช่นบ้านนี้ให้ไข่ไม่กี่ฟอง บ้านนู้นให้เงินเหรียญไม่กี่เหรียญ บ้านนั้นให้ผักไม่กี่กำอะไรแบบนี้ แต่ก็คงไม่มีใครอยากจะให้ของออกไปแล้วไม่ได้อะไรกลับคืนมา ถ้าหากสามารถกินของอร่อยได้สักมื้อหรือเก็บผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆไปได้ ใครล่ะจะไม่ชอบ?
และ คนเหล่านี้พึ่งจะเริ่มโวยวาย เมื่อสายตาที่เย็นชาของฉีเทียนเห้ากวาดผ่านตัวพวกเขา ก็ทำให้ทุกคนปิดปากเงียบไปเลย
เดิมทีแผลเป็นรอยใหญ่บนใบหน้าของฉีเทียนเห้าแค่ดูก็ว่าน่ากลัวแล้ว บวกกับสีหน้าที่เย็นชา และแรงกดดันที่บอกไม่ถูกที่แพร่ออกมาจากตัวของเขา ก็ยิ่งทำให้ผู้คนไม่กล้าเปิดปากพูด
แต่ ก็มันไม่พอใจนี่นา!
แล้วจะทำอย่างไรได้อีก?
ดังนั้นแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่พอใจ แต่ก็ทำได้เพียงหลบไปอยู่ด้านหลังคนอื่นอยู่ดี
ย่าลั่วเห็นว่าคนเหล่านี้พึ่งจะเปิดทางก็ไปหลบหลังผู้อื่นเสียแล้ว แอบด่าในใจอยู่คำหนึ่ง แต่เมื่อสบเข้ากับตาคู่นั้นของฉีเทียนเห้า ตาสามเหลี่ยมคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกไปหนึ่งที
พระเจ้าช่วย เหตุใดชายคนนี้ถึงได้ดูน่ากลัวเช่นนี้?
ย่าลั่วเกือบจะกัดฟันที่ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วของนางแตก ในใจก็รีบร้อน
มีชาวบ้านที่หาเรื่อง แน่นอนว่าก็ต้องมีชาวบ้านที่รู้ทันการณ์
แม้ว่าความจริงทุกคนต่างก็อยากกินดีสักมื้อ แต่ถึงจะไม่มีก็สามารถรับได้
สำหรับของที่ให้ไปนั้น ก็คิดซะว่าเป็นการทำบุญ ในอนาคตหากโรงงานของเสี่ยวปิงเปิดขึ้นมา เมื่อพวกเขาได้มีงานทำ ของเล็กน้อยเหล่านั้นก็จะได้คืนกลับมาเอง
สำหรับคนที่มาก่อเรื่องเหล่านั้น คนเหล่านี้แค่ได้เห็นก็รู้ว่ามีน้ำเข้าสมอง ผิดใจกับลั่วเสี่ยวปิง ก็เหมือนผิดใจกับเงินทองไม่ใช่หรือ?
แน่นอน พวกเขาก็จะไม่เข้าไปเตือน เพราะอย่างไรเสียทุกคนต่างก็มีความคิดลับๆเป็นของตัวเอง
งานก็มีอยู่แค่นั้น ใครยังอยากจะให้มีคนมาแย่งงานพวกเขาเพิ่มขึ้นกันล่ะ
เพียงแต่ ในตอนที่พวกเขากำลังจะเอ่ยปากบอกลา ฉีเทียนเห้ากลับหันตัวไปทางผู้ใหญ่บ้านจางเต๋อหวั่งอย่างกะทันหัน
จางเต๋อหวั่งเห็นฉีเทียนเห้ามองมา จึงได้ถามขึ้นว่า “ถ้าหากมีอะไรที่สามารถช่วยได้ ก็พูดออกมาได้เลย”
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด เมื่อเผชิญหน้ากับฉีเทียนเห้าแล้ว จางเต๋อหวั่งรู้สึกสันหลังตึงอยู่ตลอดเวลา
สรุปก็คือ สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่ใช่คนที่ไม่เพียรพยายามแน่นอน
“ก็มีเรื่องให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยจริงๆ” ฉีเทียนเห้าเอ่ยปากพูด “ขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยพาชายหนุ่มส่วนหนึ่ง ไปยืมโต๊ะจากในหมู่บ้านมาสักหน่อย ไม่ต้องยกเข้ามาก็ได้ แค่จัดวางไว้บนถนนข้างนอกก็เพียงพอ”
ไม่ได้เปิดเตาใช้ไฟ จะยืมโต๊ะเก้าอี้ไปทำไม?
ไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่บ้าน ในใจของคนอื่นๆก็คิดอยู่เหมือนกัน
แต่ไม่มีใครกล้าถาม ผู้ใหญ่บ้านจางเต๋อหวั่งไม่เสียเวลา จัดเตรียมคนไปยืมทันที เพราะถ้ายังเสียเวลาอีก ฟ้าจะมืดสนิทกันหมด
รถม้าหยุดจอดอยู่ข้างๆถนน ข้างรถม้าทุกคันจะมีโต๊ะอยู่สักหนึ่งถึงสองโต๊ะ โคมไฟแต่ละดวงให้แสงสว่างตอนที่พวกเขาทานอาหาร และแสงสว่างนั้นเพียงพอเหลือเฟือ!
และ แค่นี้ก็หมดแล้วหรือ?
ไม่
ในเวลาที่ชาวบ้านเติมเหล้าไปประมาณสามรอบ นอกบ้านก็มีเสียงดังเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
นั่นคือดอกไม้ไฟ!
นี่เป็นสิ่งที่แม้จะมีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้ ในหมู่บ้านที่ห่างไกลแบบนี้ปีมงปีใหม่ก็ไม่น่าจะได้เห็น
ถ้าหากว่าใครเข้าไปในเมืองหรือในเขตแล้วได้เห็นดอกไม้ไฟ เช่นนั้นก็สามารถมาคุยโอ้อวดในหมู่บ้านเป็นสิบๆปีได้เลย
แต่ ของที่ล้ำค่าเช่นนี้ กลับจุดอยู่ตั้งสิบกว่านาที
ภายในห้อง ณ เวลานี้ ผ้าคลุมของลั่วเสี่ยวปิงถูกฉีเทียนเห้าเปิดออกแล้ว
หลังจากการเขินอายระยะสั้นๆ ทั้งสองคนก็ควงแขนดื่มสุรา จากนั้นดอกไม้ไฟก็ปะทุออกมา
มองผ่านหน้าต่างภายในห้อง ลั่วเสี่ยวปิงมองดูดอกไม้ไฟที่มีสีสันไม่ได้ฉูดฉาดท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน ในใจมีแต่ความซาบซึ้งโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ
ดอกไม้ไฟนั้นล้ำค่าแค่ไหนในยุคสมัยนี้ แน่นอนว่านางเข้าใจดี
สามารถตามหาดอกไม้ไฟมากขนาดนี้ได้ นอกจากอำนาจที่มากล้นของชายผู้นี้แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาให้ความสำคัญและใส่ใจกับงานแต่งครั้งนี้มากจริงๆ
มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงใจของเขาที่มีให้กับตัวเอง
เพราะฉะนั้น แม้ว่าลั่วเสี่ยวปิงที่เคยเห็นดอกไม้ไฟที่มีสีสันสวยงามมากมายแค่ไหน แต่กลับรู้สึกว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่จะสวยงามเทียบเท่ากับครั้งนี้ได้
ดอกไม้ไฟดับลง ลั่วเสี่ยวปิงดึงสายตากลับมา มองไปทางฉีเทียนเห้า
แต่พึ่งจะหันกลับมา ลั่วเสี่ยวปิงก็หยุดนิ่งไปในทันที……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...