แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 253

หลังจากคิดเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็อ้อมไปทางด้านหลังของร้านตัดเย็บ เพราะปกติอู๋วิ่นเฉิงและจิ่นเหนียงก็มักจะอาศัยอยู่ที่นี่

แต่หลังจากให้ไป๋เสาไปเคาะประตู ผ่านไปตั้งนานก็ไม่มีการตอบสนองใดๆเลย

หลังจากเคาะไปสามครั้งติดต่อกัน ประตูบ้านของจิ่นเหนียงไม่เปิด แต่บ้านข้างๆกลับมีหญิงคนหนึ่งเดินออกมา

"เจ้าจิ่นเหนียงใช่หรือไม่?" หญิงคนนั้นมองดูลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า "เมื่อกี้ข้าไปที่ร้านแล้วได้ยินมาว่าปิดร้านไปหลายวันแล้ว จึงกังวลเลยมาดูว่านางเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า"

ผู้หญิงคนนั้นได้ยินเช่นนี้ก็พูดว่า "ร้านตรงนั้นได้ปิดไปแล้วจริง แต่ก็ไม่ได้เป็นเพราะเกิดเรื่องอะไร เพียงแค่กลับไปที่ตระกูลอู๋เท่านั้นเอง"

เมื่อได้ยินแบบนี้ลั่วเสี่ยวปิงก็กําลังจะโล่งใจลง แต่กลับได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดอีกว่า "แต่ข้าได้ยินมาว่านี้อาจยังจะเรื่องมงคลอีกด้วยนะ"

ลั่วเสี่ยวปิงฟังแล้ว ก็แสร้งทําเป็นแปลกใจ "เหรอ? พี่รู้อะไรหน่อยใช่หรือเปล่า? "

การชอบนินทามันเป็นเรื่องธรรมชาติของคน เมื่อได้ยินลั่วเสี่ยวปิงถามเช่นนี้ หญิงผู้นั้นก็รีบเข้าใกล้อย่างลึกลับทันที มองไปรอบๆและไม่เห็นใครแล้วพูดว่า: "เจ้าคงรู้สินะจิ่นเหนียงกับเถ้าแก่หวู่นั้นแต่งงานกันมาหลายปีแต่ก็ยังไม่มีลูก?"

ลั่วเสี่ยวปิง:“……” เออ ดูเหมือนนางจะไม่รู้

หญิงผู้นั้นเห็นลั่วเสี่ยวปิงทำหน้ามึนงง และไฟแห่งการนินทาบนใบหน้านั้นก็ลุกโชนมากขึ้น "ทั้งเถ้าแก่หวู่กับจิ่นเหนียงสองคนนี้ เจ้าอยากเห็นว่าพวกเขารักกันเช่นนี้ แต่แม่ผัวของนางกลับไม่ชอบนางนัก ได้ยินว่าตระกูลอู๋อยากให้เถ้าแก่หวู่แต่งเมียน้อยมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่สําเร็จเลย ทุกคนต่างก็อิจฉาจิ่นเหนียงยิ่งนัก"

"แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ใครจะไปรู้ว่าเถ้าแก่หวู่นั้นกลับเป็นคนดีจอมปลอม" หญิงคนนั้นทำหน้าดูถูกเหยียดหยาม พอสังเกตดูดีๆก็เห็นว่ามีความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นเล็กน้อย

ลั่วเสี่ยวปิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้จะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา เพียงถามตามคําพูดของหญิงคนนี้ว่า "พี่พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?"

"เถ้าแก่หวู่จะได้เป็นพ่อแล้ว……"

หลังจากออกจากร้านตัดเย็บ ลั่วเสี่ยวปิงก็ขมวดคิ้วอยู่เช่นนั้น

ทั้งอู๋วิ่นเฉิงและจิ่นเหนียง ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นดีกันมาโดยตลอดในความประทับใจของนาง และระหว่างทั้งสองนั่นใจตรงกันอย่างอธิบายไม่ถูก แม้ว่าอดีตนางจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้มากนัก แต่เมื่อมองดูสภาพของพวกเขาทั้งสอง มันก็ยากที่จะไม่รู้สึกอิจฉา

ธรรมดา แต่ยังรู้สึกสงบสุข ต่างก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนอยากได้

แต่ตอนนี้กลับมีคนเข้ามาแทรกในระหว่างพวกเขาทั้งสองที่เป็นแบบอย่างในยุคนี้ เหมือนดั่งฝันแตกสลายเลย แม้จะไม่ได้ไม่สบายใจมากนัก แต่ก็มักจะรู้สึกอึดอัดอยู่เสมอ

"ตอนนี้ฮูหยินจะไปไหนเหรอเจ้าค่ะ?" ไป๋เสาซึ่งอยู่ข้างๆเห็นว่าฮูหยินของตนนั้นอารมณ์ไม่ดี ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม

ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเช่นนี้ ก็นึกคิดในใจและพูดว่า "ไปโรงหมอ"

หลังงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อนจบหมด ท่านซุนก็บอกว่ายาพวกนั้นน้อยเกินไปแล้ว และพูดอ้อมๆว่าตัวเองอยากขยายการผลิตของยาเหล่านั้น

เพียงแต่ว่าไม่กี่วันนี้นางเพิ่งแต่งงานไป จึงไม่ได้สนเรื่องผลิตยา ในเมื่อวันนี้มาที่เมืองแล้ว นางก็ไปบอกให้ท่านซุนพอดีว่าจะเอาไงดี

ส่วนเรื่องของสามีภรรยาอู๋วิ่นเฉิงนั้น นางแค่ฟังๆก็พอ แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสามารถเข้าไปยุ่งได้

ยังไง ทุกคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง ส่วนนางกับพวกเขาก็เป็นเพียงเพื่อนหุ้นส่วนที่มีความสัมพันธ์ดีมากเท่านั้น

เมื่อคิดเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็ลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ

ตอนลั่วเสี่ยวปิงมาถึงโรงหมอ ก็เข้าไปที่ห้องตรวจของท่านซุนโดยตรงเลย และเห็นว่าท่านซุนกําลังหรี่ตาทำการแมะให้คนไข้อยู่

คนใช้เห็นแล้ว ก็กำลังจะเตือนท่านซุน แต่ก็ถูกลั่วเสี่ยวปิงห้ามเอาไว้

ในขณะนี้ ผู้ป่วยที่อยู่ตรงหน้าท่านซุนนั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอายุสามสิบกว่า สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเหลือง สายตาวิตกกังวล ขอบตากำ คนทั้งคนดูหน้าซีดเผือดและไร้เรี่ยวแรง

เมื่อท่านซุนจับชีพจร ก็ขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัด หน้าตาก็ดูเครียดเล็กน้อย

หญิงคนนี้ได้ยินลั่วเสี่ยวปิงถามตรงเช่นนี้ ใบหน้าของนางก็แดงขึ้นทันที มองดูลั่วเสี่ยวปิงด้วยความโกรธและอับอายเล็กน้อย

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นเช่นนี้ ก็ค่อนข้างไม่รู้จะพูดอะไรดี "ในเมื่อฮูหยินมาหาหมอ ก็ต้องชัดเจนว่าต่อหน้าหมอไม่แยกชายหญิง หากไม่พูดให้ชัดเจน การมีลูกนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับฮูหยิน"

เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินเช่นนี้ ก็ยังโกรธเหมือนเดิม

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นเช่นนี้ ก็เริ่มจริงจังขึ้น "หรือในใจของฮูหยินแล้ว ความลับเล็กๆน้อยๆที่หมอควรรู้อยู่แล้วนั้นยังสําคัญกว่าลูก? หากเป็นเช่นนี้ ฮูหยินจะมาหาหมอที่นี่ทำไม? "

หลังจากพูดอย่างนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็ถามต่อว่า "ฮูหยินเคยดื่มยาจํานวนมากแล้วแต่ก็ไม่เห็นดีขึ้นเลย เพราะท่านก็ไม่เคยบอกอาการแท้จริงของท่านให้หมอใช่หรือไม่?การเป็นหมอขึ้นอยู่กับการสังเกตสีหน้า การฟังเสียงหายใจ การถามอาการและการจับชีพจรของผู้ป่วย หากฮูหยินไม่บอกตามความจริง ก็คงต้องดื่มยาขมเยอะๆจนทําลายร่างกาย ต่อไปก็คงจะรักษายากขึ้นไปอีก"

เหตุผลที่พูดมากเช่นนี้ ก็เป็นเพราะภูมิหลังของยุคนี้ มิฉะนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องคนอื่น

แต่ ยุคสมัยเป็นเช่นนั้น และผู้หญิงคนนี้ก็รักงวนสงวนตัวเยี่ยงนี้ ก็ถือเป็นเหตุที่ให้อภัยได้ แต่นางดูตรวจร่างกายคนไข้ ก็จะต้องให้ตัวเองถามให้ชัดเจนได้เด็ดขัด

อีกอย่าง เหตุผลที่ผู้หญิงคนนี้มีปฏิกิริยาเช่นนี้ ก็เป็นเพราะว่าท่านซุนอยู่ข้างๆ

นางสามารถให้ท่านซุนถอยออกไปข้างนอกก่อน แต่นางไม่ได้ทําเช่นนี้

เพราะนางพบว่าตอนท่านซุนตรวจโรคด้านนี้ ก็หลีกเลี่ยงคำครหาอยู่เช่นกัน

ตอนแรกท่านซุนก็อึ้งที่ลั่วเสี่ยวปิงถามตรงเช่นนี้ แต่เมื่อได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดว่า 'ต่อหน้าหมอนั้นไม่แยกชายหญิง' เขาก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก

หลังจากตกตะลึง ก็รู้สึกอาบอาย

เขาเป็นหมอมาหลายปีแล้ว แต่กลับมองไม่ชัดเจนกว่าแม่นางตัวเล็กๆคนหนึ่ง

แต่ในความเป็นจริงถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเขาเองก็ไม่ได้แบ่งแยกชายและหญิงเช่นกัน แต่โรคทางด้านสตรีนั้น เขาก็อดที่จะหลีกเลี่ยงคำครหาไม่ได้

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ท่านซุนก็ถอนหายใจอย่างลับๆ

ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ถูกลั่วเสี่ยวปิงพูดจนตาแดงไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรืออะไร

"เจ้า……"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง