แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 293

ลั่วเสี่ยวปิงส่ายหน้า"มิมีตรงไหนผิดปกติ"

หลังจากหยุดพูดสักครู่หนึ่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดต่อ"ของพี่ชิงหย่ามิมีตรงไหนผิดปกติเลย แต่เมื่อวานข้าไปซื้อที่ร้านนั้นกลับซื้อได้ของปลอม"

"ห๊ะ?"หราวชิงหย่าตะลึงเล็กน้อย"แล้ว......มีผลกระทบต่อผิวกายใช่ไหม?"

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า สีหน้าดูจริงจังเล็กน้อย

หราวชิงหย่าเห็นเช่นนี้ เลยรีบลุกขึ้นมา"เรื่องนี้ข้าต้องไปพูดกับสามี......"

"รอก่อน"ลั่วเสี่ยวปิงห้ามหราวชิงหย่าเอาไว้

หราวชิงหย่าหยุดเดิน มองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง"ของแบบนี้ทำร้ายผิวหน้าคน หากปล่อยให้มันแพร่ไหลออกไป มิทราบว่าจะทำร้ายกี่คนเลย"

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า แต่กลับพูดว่า"ถึงแม้เป็นเช่นนี้ แต่พี่ชิงหย่าเคยคิดหรือเปล่า ถึงแม้บอกนายท่านกัว แต่หากนายท่านกัวหาหลักฐานไม่เจอ กลับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น"

เห็นหราวชิงหย่ายังคิดจะพูดอะไรอีก ลั่วเสี่ยวปิงเลยปลอบใจว่า"พี่สาวมิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ สิ่งนี้ถึงมีผลกระทบต่อผิวหน้า แต่ก็มิใช่ว่ารักษามิได้"

พอหราวชิงหย่าได้ยินคำพูดนี้ ก็ใจเย็นลง แล้วนั่งลงอีกครั้ง

"เจ้ามีแผนอะไร?"หราวชิงหย่าถาม จากนั้นก็พูดเสริมว่า"เจ้ามีตรงไหนต้องการความช่วยเหลือก็ว่ามาเลย"

หลังจากหยุดพูดไปสักครู่หนึ่ง หราวชิงหย่าก็พูดเสริมว่า"ตระกูลจูในเมืองอำเภอเจ้าก็มิต้องกลัวเลย"

ลั่วเสี่ยวปิงยิ้ม"มีคำพูดนี้ของพี่ชิงหย่า ข้าก็มิห่วงแล้วเจ้าค่ะ แต่เรื่องนี้ข้ายังมิมีแผนที่ดี มีแต่ต้องดูตามสถานการณ์เจ้าค่ะ"

หราวชิงหย่าพยักหน้า มิได้แสดงความเห็นอีก

เวลานี้ลั่วเสี่ยวปิงก็อ้าปากพูด"แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือของพี่ชิงหยา

หราวชิงหย่า"เจ้าว่ามา"

"คือข้าอยากจะเปิดสาขาย่อยของหอเหมยเซียงที่เมืองหลินอาน แต่กำลังมีจำกัด ไม่ทราบว่าพี่ชิงหย่ายอมร่วมมือกับข้าไหมเจ้าคะ?"

ตลาดของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว นางไม่เคยคิดจะทำแต่ในเมืองซีเหอ เพราะเมืองเล็กๆแบบนี้กำลังซื้อมีอยู่จำกัด

หราวชิงหย่าตะลึง คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงจะให้ช่วยนั้นเป็นเรื่องนี้

นี่มันให้นางช่วยที่ไหนได้ล่ะ?คือส่งเงินมาให้นางต่างหาก

หราวชิงหย่าเต็มใจอย่างมาก แต่ก็มิได้ปิดบังเอาไว้ พูดว่า"จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ข้าก็อยากคุยเรื่องร่วมมือกับเจ้า แต่เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นฝั่งได้เปรียบ เลยมิกล้าพูด ในเมื่อวันนี้เจ้าเสนอออกมา ข้าก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว"

จากนั้นก็พูดต่อว่า"ข้ามีหน้าร้านในเมืองหลินอานอยู่แล้ว แต่ว่าข้ารู้สึกว่าสิ่งของๆเจ้าใช้ดีเช่นนี้ ขายแต่ในเมืองหลินอานช่างน่าเสียดายหรือเกิน เจ้าดูสิว่าจะขยายหอเหมยเซียงไปที่เมืองหลวงไหม ข้ามีหน้าร้านในเมืองหลวงด้วย ยังมีคนรู้จักบ้าง*

ตระกูลหราวไม่มีใครเป็นขุนนางในราชสำนัก ดังนั้นเครือข่ายของตระกูลหราวส่วนใหญ่เป็นลูกศิษย์ของนายท่านหราว

ลูกศิษย์เป็นขุนนางกันเยอะ ดังนั้นก็ไม่แปลกเลยที่ตระกูลหราวมีทรัพย์สินอยู่ที่เมืองหลวง

หากใช้อำนาจของตระกูลหราวขยายร้านไปที่เมืองหลวง งั้นลูกศิษย์ของตระกูลหราวก็เป็นเบื้องหลังของร้าน

ลั่วเสี่ยวปิงก็เคยคิดจะขยายร้านไปที่เมืองหลวง เพราะไม่ว่าจะเป็นความแค้นกับตระกูลฮัว หรือเป็นฐานะของฉีเทียนเห้า นางล้วนต้องไปที่เมืองหลวงในสักวันหนึ่ง

แต่คิดไม่ถึงว่า ความปรารถนานี้จะเป็นจริงได้อย่างเร็วเช่นนี้

เพราะเมืองหลวงเจริญรุ่งเรืองมาก มีขุนนางผู้มีตระกูลอยู่เยอะ อยากจะเปิดร้านก็ต้องมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง

แต่ฉีเทียนเห้ามิเคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา และครั้งแรกที่เจอเขาๆก็บาดเจ็บหนักด้วย ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงเลยรู้สึกว่าช่วงนี้ฉีเทียนเห้าอาจจะต้องปิดบังร่องรอยก่อน เลยไม่ได้คิดจะให้ฉีเทียนเห้ามาเป็นคนหนุนหลัง

ดังนั้น เมื่อหราวชิงหย่ากล่าวว่าจะเปิดสาขาย่อยของหอเหมยเซียงในเมืองหลวง ลั่วเสี่ยวปิงก็เกิดความสนใจ

แต่พอพูดถึงเรื่องกำไร หราวชิงหย่ากลับรู้สึกว่าตัวเองได้เปรียบลั่วเสี่ยวปิง ดังนั้นเลยเอาแค่กำไรสองส่วนเท่านั้น

ลั่วเสี่ยวปิงพูดจนปากเปียกปากแฉะ อธิบายให้หราวชิงหย่าฟังว่า หราวชิงหย่าช่วยนางเปิดตลาดสู่ชนชั้นสูง พวกนางสองคนได้ประโยชน์ร่วมกัน ถึงโน้มน้าวใจให้หราวชิงหย่าเอาสี่ส่วน

ดังนั้น กัวหงหยางก็ยิ่งรู้สึกสงสัยกับตัวตนของฉีเทียนเห้ามากขึ้น

ตอนที่กัวหงหยางกำลังคิดอยู่ว่าฉีเทียนเห้าเป็นใครกันแน่ แต่อยู่ๆฉีเทียนเห้าก็ลุกจากเก้าอี้

"ถึงเวลาแล้ว"พูดเสร็จ ฉีเทียนเห้าก็เดินไปข้างนอก

แยกกับเสี่ยวปิงตั้งสองชั่วโมงครึ่ง ควรกลับบ้านแล้ว

กัวหงหยางรีบลุกขึ้นตามฉีเทียนเห้า ในเวลานี้เขายังไม่สังเกตว่าตัวเองที่ชาญฉลาดในปกติ พอเผชิญกับฉีเทียนเห้า มีแต่ถูกเขาจูงจมูกอย่างเดียว

พอทั้งสองคนเดินไปถึงระเบียง เห็นหราวชิงหย่าพาลั่วเสี่ยวปิงออกมาพอดี

เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิง ฉีเทียนเห้าก็เดินไปทางลั่วเสี่ยวปิงโดยตรง สีหน้าก็ไม่ใช่ความเย็นชาอย่างเมื่อกี้ที่เผชิญกับกัวหงหยางอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความอ่อนโยนเพิ่มขึ้น"คุยเสร็จแล้วใช่ไหม?"

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า"ใช่เจ้าค่ะ"

"งั้นกลับบ้านกัน"ระหว่างพูด ฉีเทียนเห้าก็จับมือลั่วเสี่ยวปิงขึ้นมา

ส่วนเด็กสองคนนั้น......เออ พวกเขาก็ไม่เด็กแล้ว เดินเองได้

ฉีเทียนเห้าจะไม่ยอมรับหรอกว่า ตัวเองแยกกับลั่วเสี่ยวปิงนายไป ดังนั้นจึงอยากใกล้ชิดกับนาง

อานอานและเล่อเล่อที่ถูกฉีเทียนเห้าละไปนั้นสบตากันแล้วเดินตามหลังพ่อแม่อย่างเชื่อฟัง

ส่วนลั่วเสี่ยวปิงที่ถูกจับมือนั้น ไม่มีเก็บตัวอย่างคนโบราณ ดังนั้นก็เลยรู้สึกว่าการจับมือไม่มีอะไรผิด

ส่วนหราวชิงหย่าที่ยืนอยู่ข้างหลังพอเห็นฉากนี้ ก็ทอดถอนใจ"น้องเสี่ยวปิงรักกับสามีจริงๆเลย"

หลังจากทอดถอนใจเสร็จ หราวชิงหย่าก็ไม่ได้ตามขึ้นไป

เดิมทีกัวหงหยางยังแปลกใจกับท่าทีที่แตกต่างกันของฉีเทียนเห้าเมื่อเผชิญกับตัวเองและลั่วเสี่ยวปิง แต่พอได้ยินหราวชิงหย่าพูดแบบนี้ ก็เม้มปากและเดินหน้าขึ้นมา จับมือของหราวชิงหย่าเอาไว้......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง