โอหยางฉี่หยู่หาลั่วเสี่ยวปิงมา ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไร ก็แค่จะพูดเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับการร่วมมือ
“ก่อนหน้านี้ข้าซื้อหมู่บ้านไปหลายหมู่บ้านไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อหมู่บ้านตัวเองเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่พวกนี้ไม่มีผลกำไร ถ้าเช่นนั้นเจ้าให้เมล็ดพันธุ์พริกกับข้าได้หรือไม่ พวกเราร่วมมือกันปลูกพริก?”
โอหยางฉี่หยู่จะดูศักยภาพของพริกไม่ออกหรือ?
เขาเชื่อว่า อีกไม่กี่ปีพริกก็จะกระจายไปทั่วภูมิภาค นี่คือโอกาส และเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการหาเงิน
“มิหนำซ้ำ น้ำพริกเหล่านั้นของเจ้า การขนส่งทางไกลหลีกเลี่ยงความเสียหายได้ยาก จะต้องทำสถานที่หลายแห่งหน่อยใช่หรือไม่ ถึงเวลาก็จำหน่ายในระยะใกล้เคียง?”
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินก็ขมวดคิ้ว
ต้องพูดว่า โอหยางฉี่หยู่เหมาะสำหรับการเป็นคนข้าขายมาก มีวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมอย่างพ่อค้า
สำหรับสิ่งที่โอหยางฉี่หยู่พูด เธอก็รู้สึกว่าเป็นไปได้
เพราะว่าเธอได้ให้คนกระจายของออกไปแล้ว เชื่อว่าไม่นานก็จะเห็นผล แต่ว่าถ้าหากวัตถุดิบน้ำพริกทั้งหมดเหล่านี้ล้วนออกไปจากที่นี่ อย่างนี้ต้นทุนในการขนส่งและความเสียหายระหว่างทางต้องไม่น้อย บวกกับถึงฤดูร้อนแล้ว ของก็จะเก็บรักษาไม่ง่ายแบบนี้แล้ว
ระหว่างที่ลั่วเสี่ยวปิงกำลังคิดในใจ โอหยางฉี่หยู่กลับตื่นเต้นเล็กน้อยรอลั่วเสี่ยวปิงเปิดปากพูด
ความจริงแล้วเขารู้ดี สำหรับความสามารถทั้งทรัพย์สินและสมองของลั่วเสี่ยวปิงในตอนนี้ แม้จะขยายการเพาะปลูกพริกด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ หรือพูดได้ว่า เท่าที่เขาดูแล้ว ขอแค่ลั่วเสี่ยวปิงอยากทำ ก็ไม่มีเรื่องที่ทำไม่ได้ มิเช่นนั้นร้านแลกเงินเทียนเซี่ยของเขาจะเปิดได้อย่างไร?
“ได้” หลังจากที่ลั่วเสี่ยวปิงครุ่นคิดแล้ว ก็พูดโดยตรง “ข้าสามารถเอาสูตรน้ำพริกให้เจ้า เมล็ดพันธุ์พริกข้าก็ให้เจ้าได้”
โอหยางฉี่หยู่อึ้งไป
เขาเตรียมจะร่วมมือกับลั่วเสี่ยวปิง แต่สิ่งที่คิดก็คือการเพาะปลูกพริก แต่กลัวโลภเกินไป ผู้ร่วมกิจกรรมก็เป็นไม่ได้
อย่างไรเสียเรื่องการเพาะปลูกพริกนี้ ขอแค่รักษาโอกาสในปีนี้ไว้ ก็สามารถรับเต็มโอ่งเต็มถังแล้ว
แต่ ลั่วเสี่ยวปิงกลับพูดว่า แม้กระทั่งสูตรก็จะให้เขา นี่ก็หมายถึง โรงผสมเครื่องปรุงนางก็จะร่วมมือด้วยหรือ?
“ข้าร่วมมือด้วยสูตรและเมล็ดพันธุ์ ได้ห้าส่วนของผลกำไร”
เหมือนกับที่โอหยางฉี่หยู่พูด ความจริงเธอทำเองก็ได้ เพียงแค่ต้องคอยกังวล เธอแบ่งแค่ผลกำไรก็ไม่ใช่ไม่ได้ แบบนี้แล้วเธอก็ลดความกังวลไปไม่น้อย
อีกอย่าง ถึงแม้ว่าพริกจะเผยแพร่กระจายได้เร็ว แต่ว่าเครื่องปรุงอะไรพวกนี้ คนอื่นจะลอกเลียนแบบในระยะเวลาสั้นๆไม่ได้ คาดการณ์ว่ารายรับภายในสามปี ต้องเป็นตัวเลขอันมหาศาลแน่นอน
โอหยางฉี่หยู่เห็นลู่เสี่ยวปิงเด็ดขาด ตัวเองก็ตอบรับอย่างเด็ดขาด
หลังจากที่คุยเรื่องร่วมมือเรียบร้อยแล้ว โอหยางฉี่หยู่ก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง “เจ้าอยากส่งอานอานไปโรงเรียนเต๋อหลิน?”
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยิน ก็พยักหน้า
“มีอะไรต้องการให้ช่วยหรือไม่?”โอหยางฉี่หยู่ถาม
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยิน ก็คิดวันมะรืนก็ต้องพาอานอานไปโรงเรียนเต๋อหลินแล้ว แต่ว่าตัวเองยุ่งจนถึงตอนนี้ สำหรับเรื่องการรับสมัครนักเรียนของโรงเรียนเต๋อหลินกลับไม่รู้เรื่องเลยสักนิด จึงถาม “ได้ยินว่าครั้งนี้อาจารย์เว่ยจะรับลูกศิษย์ ไม่ทราบว่าครั้งนี้โรงเรียนเต๋อหลินรับนักเรียนมีอะไรไม่เหมือนเดิมหรือไม่?”
เธอรู้ว่าเมื่อก่อนโรงเรียนเต๋อหลินรับนักเรียนต้องสอบ อีกอย่างสอบปากเปล่าหนึ่งด่าน สอบเขียนหนึ่งด่าน แต่ว่าปีนี้คนเยอะ จะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือไม่จนวันนี้เธอยังไม่รู้
ส่วนระดับของอานอาน ความจริงเธอก็ไม่ค่อยชัดเจน
รู้เพียงตอนที่ฉีเทียนเห้าอยู่ จะสอนอานอานเยอะมาก ทุกวันนี้สถานะของอานอานอยู่ที่การเรียนรู้เอง หากมีหนังสือที่ไม่รู้ก็จะถามชุยเหวินเฉิง แล้วถ้ายังไม่เข้าใจ ก็จะถามพวกหนานซิง
เพราะฉะนั้นด้านการเรียนรู้ของอานอาน เธอไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก
แน่นอน สำหรับคนที่มาจากยุคปัจจุบันอย่างเธอ ความจริงก็เป็นห่วงอะไรไม่ได้
ได้ยินลั่วเสี่ยวปิงถาม แน่นอนว่าโอหยางฉี่หยู่ต้องพูดทุกอย่างที่รู้แน่นอน
ที่แท้ ครั้งนี้เพราะว่าคนเยอะ การสอบก็เข้มงวดกว่าเดิม
หลังจากขอบคุณโอหยางฉี่หยู่แล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ลุกขึ้นเดินลงไป
ตอนนี้เว่ยหยวนหมิงก็กินอิ่มดื่มพอแล้ว ตอนนี้เว่ยเจ๋อเหวินก็ไปร้านหนังสือตรงข้ามแล้ว
พูดคุยการสารพัดแล้ว เว่ยหยวนหมิงก็มองดูนอกหน้าต่างต่อ สักครู่ก็ดูฝูงคนที่เดินไปเดินมาบนถนน ครู่หนึ่งก็ดูร้านหนังสือตรงข้าม ท่าทางสบายอกสบายใจอย่างมาก
แต่ทว่าเวลานี้เอง เว่ยหยวนหมิงก็เห็นร่างที่คุ้นเคยท่ามกลางฝูงคน ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตื่นเต้น
มองดูร่างนั้นกำลังจะห่างไกลไป เว่ยหยวนหมิงก็อดที่จะตะโกนไม่ได้ “เดี๋ยวก่อน” จากนั้นก็ออกจากห้องรับรองอย่างรีบร้อน วิ่งไปทางประตูทางออก
เสี่ยวเอ้อในร้านเดินผ่านเห็นแขกในห้องวิ่งหนีแล้ว ก็รีบไปรายงานเถ้าแก่
ส่วนบนถนน เดิมแล้วคนเดินพลุกพล่าน ได้ยินเสียงตะโกนเรียกกะทันหัน ทุกคนก็หันมามองอย่างแปลกใจ รวมถึงลั่วเสี่ยวปิงที่เดินไปไกลแล้ว
ไม่มีคนยกเว้นเลย ต่างก็ไม่เห็นว่าใครเป็นคนตะโกน
เมื่อเว่ยหยวนหมิงวิ่งไปถึงชั้นล่าง จะไปมีร่างที่เขาเห็นตรงไหนล่ะ ทันใดนั้นก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ส่วนเวลานี้ โอหยางฉี่หยู่ที่ไปถามเรื่องมาและเว่ยเจ๋อเหวินที่ออกมาจากร้านหนังสือตรงข้ามก็เดินมาถึงข้างกายเว่ยหยวนหมิง
โอหยางฉี่หยู่มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นคนที่น่าสงสัย จึงอดถามไม่ได้ “ท่านกำลังหาใครหรือ?”
โอหยางฉี่หยู่รู้จักอาจารย์เว่ย และเพราะเหตุนี้ จึงไม่ได้เรียกอาจารย์เว่ยตรงประตูทางเข้าที่คนมากมาย
เว่ยหยวนหมิงสายตาเลื่อนลอยอยู่ชั่วครู่ ไม่ได้ตอบคำถามของโอหยางฉี่หยู่ แต่กลับถามหลานชายเว่ยเจ๋อเหวินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ๋อเหวิน เมื่อครู่ข้าเหมือนมองเห็นนาง เจ้ารีบให้คนไปหาหน่อย”
เรื่องแบบนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ เว่ยหยวนหมิงไม่ให้และไม่สามารถให้คนอื่นรู้ จึงต้องฝากความหวังไว้ที่เว่ยเจ๋อเหวิน
เว่ยเจ๋อเหวินได้ยิน อึ้งไปก่อน จากนั้นก็เข้าใจคำว่า “นาง” จากปากของปู่ตัวเองนั้นคือใคร ใจกระตุกทันที แล้วพูดว่าได้ จากนั้นก็วิ่งไปอย่างรีบร้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...