แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 353

เวลาผ่านไป ในที่สุดก็ถึงวันสอบของอานอานแล้ว

วันนี้คนที่เข้าร่วมการสอบ ไม่เพียงแค่อานอานคนเดียว ลั่วเสี่ยวปิงสมัครให้ชุยเหวินเฉิงก่อนแล้ว อย่างไรเสียเมื่อก่อนชุยเหวินเฉิงในฐานะเพื่อนเรียนของคุณชาย ก็เรียนรู้มาไม่น้อย มิหนำซ้ำความรู้ในคนรุ่นเดียวกันถือว่าดีมากแล้ว

สำหรับสี่เป่า ทุกวันนี้เขาก็แค่รู้จักหนังสือไม่กี่ตัว แน่นอนว่าไม่สามารถเข้าสอบด้วยกัน

เพื่อให้เด็กทั้งสองคนนอนอย่างดี ลั่วเสี่ยวปิงเข้าไปพักในเมืองล่วงหน้าสองวัน

ตั้งแต่เช้า หนานซิงก็ขับรถม้าพาทุกคนไปโรงเรียนเต๋อหลินที่อยู่ระหว่างเมืองหลินอานและเมืองหยู

เดาออกแต่แรกแล้วว่าหน้าประตูโรงเรียนต้องมีคนเยอะมาก แต่ว่าเมื่อถึงโรงเรียนแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ต้องตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เห็น

คนทั้งผืนนี้ เหมือนคนในสถานีรถที่รีบกลับบ้านช่วงเทศกาล อัดแน่นไปหมด

แต่ว่าหลังจากเข้าในฝูงชนแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงถึงได้รู้ คนเหล่านี้ส่วนมากเป็นผู้ปกครองของนักเรียนที่มาดูความคึกคัก คาดว่าคงมาเพราะชื่อเสียงของอาจารย์เว่ย

สำหรับอาจารย์เว่ย ลั่วเสี่ยวปิงก็มีความอยากรู้อยู่บ้าง แต่ว่าลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นแบบวิ่งตามดารา สามารถเห็นได้ก็เห็น ไม่เห็นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร

ส่งเด็กทั้งสองคนเข้าไปในประตูโรงเรียนเต๋อหลิน เมื่อแน่ใจฐานะของเด็กแล้ว โรงเรียนเต๋อหลินถึงให้เด็กทั้งสองเข้าไปด้านใน ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้ยืนท่ามกลางฝูงชนต่อ แต่ออกจากฝูงชน ขึ้นไปรอบนรถม้า

อย่างไรเสียผลสอบอย่างน้อยก็หลายชั่วโมงถึงออกมา เธอไม่มีความมั่นใจที่จะยืนอยู่ตรงนั้นหลายชั่วโมง

ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง อานอานพอเข้าไปแล้วก็เป็นที่ดึงดูดสายตา

“ทำไมปีนี้ยังมีเด็กเล็กแค่นี้มาสอบด้วย?”

“ใช่ เด็กขนาดนี้ ชื่อของตัวเองเขียนได้ครบไหม? นึกว่าการสอบของปีนี้เป็นการสอบระดับพื้นฐานของปีก่อนๆหรือไง?”

“เอ้ เด็กน้อย ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่ รู้ตัวหนังสือแล้วหรือ?”

“ฮาฮาฮา เด็กน้อยแค่นี้ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ไม่เจียมตัวหรือเขาเองที่ไม่เจียมตัว”

“ตัวเล็กแค่นี้จะไปรู้อะไร คาดว่าคงเป็นปัญหาของพ่อแม่เขา......”

ทุกคนต่างคนต่างพูด พูดกันอย่างคึกคัก

ชุยเหวินเฉิงได้ยิน อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากนั้นก็มองอานอานอย่างเป็นห่วง

แต่ว่าอานอานท่าทางเหมือนไม่ได้ยิน ชุยเหวินเฉิงก็เสมือนได้รับผลกระทบไปด้วยจึงคลายคิ้วออกอยากสบาย

คุณชายเป็นอย่างไร คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้

สามารถเข้าสอบพร้อมกับคุณชาย เขารู้สึกขอบคุณอย่างมาก

หวังเพียงว่า ตัวเองจะไม่เป็นตัวถ่วงของคุณชาย สามารถช่วยเหลือคุณชายได้ในอนาคต

คิดถึงตรงนี้ ชุยเหวินเฉิงก็ปิดการรับฟังเสียงรอบด้าน

รอจนเวลาสอบ ทั้งสองคนเนื่องจากอายุน้อยที่สุด ถูกแบ่งให้อยู่ในห้องเดียวกัน......

สิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงก็คือ หลังจากการสอบรอบแรกแล้ว ตกรอบไปกว่าร้อยคน แต่ในผู้ตกรอบนี้ กลับไม่รวมเด็กสองคนนี้

หลังจากการคัดเลือกแล้ว ก็คือด่านที่หนึ่ง สอบปากเปล่า

การสอบปากเปล่าคือการทดสอบความสามารถด้านไหวพริบและความสามารถระดับจริงของนักเรียน เพื่อป้องกันคนที่ท่องบทเรียนแต่ไม่รู้ไหวพริบ

ผ่านรอบนี้มา ก็ตกรอบไปอีกส่วนหนึ่ง เหลือไม่ถึงร้อยคน

และในคนเหล่านี้ ก็ยังคงไม่มีเด็กสองคนนั้น

ต่อมาคือด่านที่สอง : สอบเขียน

ไม่เหมือนการสอบเขียนรอบคัดเลือก ด่านที่สองต้องตอบข้อสอบสามข้อ

กล่าวกันว่าสามข้อนี้ไม่มีคำตอบที่แน่นอน ส่วนคนตรวจข้อสอบกล่าวกันว่าคือหราวหยูหลินและอาจาร์ใหญ่ของโรงเรียน

นี่ไม่เพียงแค่ต้องมีความรู้จริง ยังต้องถูกใจผู้ตรวจข้อสอบอีกต่างหาก

รอบนี้ อานอานยังคงตอบคำถามได้อย่างเป็นหลักเป็นการ

ผู้ชายทั้งหมดต่างก็รอคอยกันอย่างตื่นเต้น มีเพียงอานอานกับชุยเหวินเฉิงที่นั่งอยู่บนก้อนหินด้านข้างอย่างเงียบๆ เสมือนทั้งสองคนไม่สนใจผลลัพธ์เลย

“พวกเจ้าว่า เด็กสองคนนั้นผ่านมาถึงด่านที่สอง เพราะความโชคดีหรือเปล่า?”

“ข้าว่าเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นเด็กเล็กแค่นี้ จะมีความรู้อะไร?”​

“ข้าว่าก็ไม่เสมอไป เด็กขนาดนี้สามารถผ่านสองด่านแรกมาได้ ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าหากให้โอกาสเขาในการเติบโต คาดว่าอนาคตยาวไกลแน่นอน”

“นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคตแล้ว หรือครั้งนี้จะให้เขาสอบผ่านหรือไง? ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเราที่หักโหมเรียนมาตั้งหลายปีเช่นนี้ถือว่าอะไรล่ะ?”

ระหว่างเวลารอคอย คนเหล่านั้นพูดกันมากที่สุดก็คือเด็กน้อยสองคนอานอานกับชุยเหวินเฉิงแล้ว

แต่ว่าทั้งสองยังคงไม่สนใจการสนทนาของคนเหล่านั้น คนเหล่านั้นพูดไปพูดมาก็รู้สึกไม่มีความหมายอะไรแล้ว ก็เริ่มพูดถึงเรื่องข้อสอบกัน

บางคนพอเริ่มพูดถึงคำตอบของตัวเอง ยังคงมั่นใจอย่างมาก แต่พอได้ยินคำตอบของคนอื่น ก็เริ่มกังวลขึ้นมา

เป็นไปตามนี้ เวลาค่อยๆผ่านไปท่ามกลางเสียงสนทนาของคนเหล่านี้

จนกระทั่งอาจารย์หลายคนที่มาประกาศผลสอบมาถึง เสียงเหล่านี้ถึงได้เงียบลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

ผลสอบติดอยู่ตรงนั้น มีนักเรียนเห็นชื่อของตัวเอง ดีใจกระโดดโลดเต้น บางส่วนหลังจากหาซ้ำแล้ว เห็นว่าไม่มีชื่อตน ก็เดินจากไปอย่างเศร้าโศก

อานอานกับชุยเหวินเฉิงรอจนคนที่มุงอยู่ข้างหน้าค่อยๆลดลงแล้ว ถึงเดินเข้าไป

ชุยเหวินเฉิงไม่ได้เร่งรีบที่จะหาชื่อตัวเอง แต่หาชื่อของอานอาน

แต่ว่าหาอยู่นานมาก มองลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ชุยเหวินเฉิงก็หาไม่เจอ แต่ระหว่างที่หาชื่อนั้นก็หาชื่อตัวเองเจอ

แต่ นี่มันเป็นไปไม่ได้

ถึงแม้คุณชายอายุน้อยกว่าตัวเอง แต่ด้านเรียนหนังสือไม่ได้แย่กว่าตัวเองเลย

แต่ว่าทำไมมีชื่อของตัวเอง แต่กลับไม่มีชื่อของคุณชาย?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง