เวลาผ่านไป ในที่สุดก็ถึงวันสอบของอานอานแล้ว
วันนี้คนที่เข้าร่วมการสอบ ไม่เพียงแค่อานอานคนเดียว ลั่วเสี่ยวปิงสมัครให้ชุยเหวินเฉิงก่อนแล้ว อย่างไรเสียเมื่อก่อนชุยเหวินเฉิงในฐานะเพื่อนเรียนของคุณชาย ก็เรียนรู้มาไม่น้อย มิหนำซ้ำความรู้ในคนรุ่นเดียวกันถือว่าดีมากแล้ว
สำหรับสี่เป่า ทุกวันนี้เขาก็แค่รู้จักหนังสือไม่กี่ตัว แน่นอนว่าไม่สามารถเข้าสอบด้วยกัน
เพื่อให้เด็กทั้งสองคนนอนอย่างดี ลั่วเสี่ยวปิงเข้าไปพักในเมืองล่วงหน้าสองวัน
ตั้งแต่เช้า หนานซิงก็ขับรถม้าพาทุกคนไปโรงเรียนเต๋อหลินที่อยู่ระหว่างเมืองหลินอานและเมืองหยู
เดาออกแต่แรกแล้วว่าหน้าประตูโรงเรียนต้องมีคนเยอะมาก แต่ว่าเมื่อถึงโรงเรียนแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ต้องตะลึงกับภาพตรงหน้าที่เห็น
คนทั้งผืนนี้ เหมือนคนในสถานีรถที่รีบกลับบ้านช่วงเทศกาล อัดแน่นไปหมด
แต่ว่าหลังจากเข้าในฝูงชนแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงถึงได้รู้ คนเหล่านี้ส่วนมากเป็นผู้ปกครองของนักเรียนที่มาดูความคึกคัก คาดว่าคงมาเพราะชื่อเสียงของอาจารย์เว่ย
สำหรับอาจารย์เว่ย ลั่วเสี่ยวปิงก็มีความอยากรู้อยู่บ้าง แต่ว่าลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นแบบวิ่งตามดารา สามารถเห็นได้ก็เห็น ไม่เห็นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
ส่งเด็กทั้งสองคนเข้าไปในประตูโรงเรียนเต๋อหลิน เมื่อแน่ใจฐานะของเด็กแล้ว โรงเรียนเต๋อหลินถึงให้เด็กทั้งสองเข้าไปด้านใน ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้ยืนท่ามกลางฝูงชนต่อ แต่ออกจากฝูงชน ขึ้นไปรอบนรถม้า
อย่างไรเสียผลสอบอย่างน้อยก็หลายชั่วโมงถึงออกมา เธอไม่มีความมั่นใจที่จะยืนอยู่ตรงนั้นหลายชั่วโมง
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง อานอานพอเข้าไปแล้วก็เป็นที่ดึงดูดสายตา
“ทำไมปีนี้ยังมีเด็กเล็กแค่นี้มาสอบด้วย?”
“ใช่ เด็กขนาดนี้ ชื่อของตัวเองเขียนได้ครบไหม? นึกว่าการสอบของปีนี้เป็นการสอบระดับพื้นฐานของปีก่อนๆหรือไง?”
“เอ้ เด็กน้อย ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่ รู้ตัวหนังสือแล้วหรือ?”
“ฮาฮาฮา เด็กน้อยแค่นี้ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ไม่เจียมตัวหรือเขาเองที่ไม่เจียมตัว”
“ตัวเล็กแค่นี้จะไปรู้อะไร คาดว่าคงเป็นปัญหาของพ่อแม่เขา......”
ทุกคนต่างคนต่างพูด พูดกันอย่างคึกคัก
ชุยเหวินเฉิงได้ยิน อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากนั้นก็มองอานอานอย่างเป็นห่วง
แต่ว่าอานอานท่าทางเหมือนไม่ได้ยิน ชุยเหวินเฉิงก็เสมือนได้รับผลกระทบไปด้วยจึงคลายคิ้วออกอยากสบาย
คุณชายเป็นอย่างไร คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้
สามารถเข้าสอบพร้อมกับคุณชาย เขารู้สึกขอบคุณอย่างมาก
หวังเพียงว่า ตัวเองจะไม่เป็นตัวถ่วงของคุณชาย สามารถช่วยเหลือคุณชายได้ในอนาคต
คิดถึงตรงนี้ ชุยเหวินเฉิงก็ปิดการรับฟังเสียงรอบด้าน
รอจนเวลาสอบ ทั้งสองคนเนื่องจากอายุน้อยที่สุด ถูกแบ่งให้อยู่ในห้องเดียวกัน......
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตะลึงก็คือ หลังจากการสอบรอบแรกแล้ว ตกรอบไปกว่าร้อยคน แต่ในผู้ตกรอบนี้ กลับไม่รวมเด็กสองคนนี้
หลังจากการคัดเลือกแล้ว ก็คือด่านที่หนึ่ง สอบปากเปล่า
การสอบปากเปล่าคือการทดสอบความสามารถด้านไหวพริบและความสามารถระดับจริงของนักเรียน เพื่อป้องกันคนที่ท่องบทเรียนแต่ไม่รู้ไหวพริบ
ผ่านรอบนี้มา ก็ตกรอบไปอีกส่วนหนึ่ง เหลือไม่ถึงร้อยคน
และในคนเหล่านี้ ก็ยังคงไม่มีเด็กสองคนนั้น
ต่อมาคือด่านที่สอง : สอบเขียน
ไม่เหมือนการสอบเขียนรอบคัดเลือก ด่านที่สองต้องตอบข้อสอบสามข้อ
กล่าวกันว่าสามข้อนี้ไม่มีคำตอบที่แน่นอน ส่วนคนตรวจข้อสอบกล่าวกันว่าคือหราวหยูหลินและอาจาร์ใหญ่ของโรงเรียน
นี่ไม่เพียงแค่ต้องมีความรู้จริง ยังต้องถูกใจผู้ตรวจข้อสอบอีกต่างหาก
รอบนี้ อานอานยังคงตอบคำถามได้อย่างเป็นหลักเป็นการ
ผู้ชายทั้งหมดต่างก็รอคอยกันอย่างตื่นเต้น มีเพียงอานอานกับชุยเหวินเฉิงที่นั่งอยู่บนก้อนหินด้านข้างอย่างเงียบๆ เสมือนทั้งสองคนไม่สนใจผลลัพธ์เลย
“พวกเจ้าว่า เด็กสองคนนั้นผ่านมาถึงด่านที่สอง เพราะความโชคดีหรือเปล่า?”
“ข้าว่าเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นเด็กเล็กแค่นี้ จะมีความรู้อะไร?”
“ข้าว่าก็ไม่เสมอไป เด็กขนาดนี้สามารถผ่านสองด่านแรกมาได้ ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าหากให้โอกาสเขาในการเติบโต คาดว่าอนาคตยาวไกลแน่นอน”
“นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคตแล้ว หรือครั้งนี้จะให้เขาสอบผ่านหรือไง? ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเราที่หักโหมเรียนมาตั้งหลายปีเช่นนี้ถือว่าอะไรล่ะ?”
ระหว่างเวลารอคอย คนเหล่านั้นพูดกันมากที่สุดก็คือเด็กน้อยสองคนอานอานกับชุยเหวินเฉิงแล้ว
แต่ว่าทั้งสองยังคงไม่สนใจการสนทนาของคนเหล่านั้น คนเหล่านั้นพูดไปพูดมาก็รู้สึกไม่มีความหมายอะไรแล้ว ก็เริ่มพูดถึงเรื่องข้อสอบกัน
บางคนพอเริ่มพูดถึงคำตอบของตัวเอง ยังคงมั่นใจอย่างมาก แต่พอได้ยินคำตอบของคนอื่น ก็เริ่มกังวลขึ้นมา
เป็นไปตามนี้ เวลาค่อยๆผ่านไปท่ามกลางเสียงสนทนาของคนเหล่านี้
จนกระทั่งอาจารย์หลายคนที่มาประกาศผลสอบมาถึง เสียงเหล่านี้ถึงได้เงียบลงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
ผลสอบติดอยู่ตรงนั้น มีนักเรียนเห็นชื่อของตัวเอง ดีใจกระโดดโลดเต้น บางส่วนหลังจากหาซ้ำแล้ว เห็นว่าไม่มีชื่อตน ก็เดินจากไปอย่างเศร้าโศก
อานอานกับชุยเหวินเฉิงรอจนคนที่มุงอยู่ข้างหน้าค่อยๆลดลงแล้ว ถึงเดินเข้าไป
ชุยเหวินเฉิงไม่ได้เร่งรีบที่จะหาชื่อตัวเอง แต่หาชื่อของอานอาน
แต่ว่าหาอยู่นานมาก มองลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ชุยเหวินเฉิงก็หาไม่เจอ แต่ระหว่างที่หาชื่อนั้นก็หาชื่อตัวเองเจอ
แต่ นี่มันเป็นไปไม่ได้
ถึงแม้คุณชายอายุน้อยกว่าตัวเอง แต่ด้านเรียนหนังสือไม่ได้แย่กว่าตัวเองเลย
แต่ว่าทำไมมีชื่อของตัวเอง แต่กลับไม่มีชื่อของคุณชาย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...