เมื่อคนรับใช้ที่ติดตามลั่วเสี่ยวปิงไปเดินออกมา ก็ตรงไปหาเหล่านายๆของตระกูลจู นำบทสนทนาตอนที่ทั้งสองคุยกันในเวลาที่ลั่วเสี่ยวปิงไปที่เรือนของลั่วเสี่ยวอวี่พูดซ้ำขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
“ปัง!”
บุตรชายคนโตของนายสองจูจุ้นฟาอดไม่ได้ที่จะตบโต๊ะ
“นังหญิงเลวทราม เป็นนางจริงๆ!”
ณ เวลานี้ ไม่เพียงแต่จูจุ้นฟา คนอื่นๆในตระกูลจูเองก็รู้สึกว่าลั่วเสี่ยวปิงถูกลั่วเสี่ยวอวี่หลอกล่อมา ต่างก็โกรธกันเป็นอย่างมาก
“แล้วลั่วเสี่ยวปิงล่ะ? ตอนนี้อยู่ที่ใด?” จูซิ่วจื้อถาม
คนใช้คนนั้นได้ยิน กล่าวเพียงว่า“ตอนที่ข้าน้อยออกมานางยังอยู่กับลั่วอี๋เหนียงขอรับ”
จูซิ่วจื้อให้คนรับใช้ออกไป แล้วจึงมาปรึกษากับจูซิ่วเต๋อและจูซิ่วหยวนว่า“สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรักษาอาการป่วยของนายท่านใหญ่ พวกเรายังต้องเจรจากับลั่วเสี่ยวปิงดีๆอีกสักหน่อย”
คนตระกูลจูต่างก็มีความรู้สึกเกรงกลัวนายท่านใหญ่ ไม่ใช่เพราะความกตัญญู นั่นเพราะถึงแม้ว่านายท่านใหญ่จะมีอายุมากแล้ว แต่อำนาจการปกครองส่วนใหญ่ในตระกูลรวมทั้งกุญแจของห้องเก็บสมบัติต่างก็อยู่ในมือของนายท่านใหญ่
ที่จูซิ่วหยวนกับจูซิ่วเต๋อไม่กล้าเอ่ยปากไล่ลั่วเสี่ยวปิงออกไปก็เพราะเหตุผลนี้ กลัวว่าหากนายท่านใหญ่รู้จะสูญเสียสิทธิ์ในการสืบทอดอำนาจไป
ส่วนเรื่องที่จูซิ่วจื้อเสนอขึ้นมาว่าให้ไปประนีประนอมกับลั่วเสี่ยวปิงเพื่อมารักษาอาการป่วยให้กับนายท่านใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าจูซิ่วหยวนและจูซิ่วเต๋อจะไม่เคยคิดมาก่อน แต่ก็กลัวที่จะต้องรับกับความเสี่ยง จึงได้ไม่พูด
ตอนนี้จูซิ่วจื้อเสนอขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าทั้งสองคนคัดค้านไม่ได้ และยิ่งไม่สามารถให้จูซิ่วจื้อทำตัวเป็นคนดีอยู่คนเดียว ดังนั้นจึงได้ตอบตกลง
สำหรับเด็กรุ่นหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าคนรุ่นก่อน พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการพูด
เพียงแต่ว่าในท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นคนไปเจรจาเรื่องนี้ กลับกลายเป็นปัญหาอีกครั้ง
“เจิ่งเย่ไปเถอะ” จูซิ่วเต๋อเอ่ยขึ้น
จากนั้นไม่รอให้จูซิ่วจื้อปฏิเสธ จูซิ่วเต๋อก็กล่าวว่า“เจิ่งเย่คือคนที่หน้าตาดีที่สุดในหมู่คนรุ่นหลัง และไม่ได้มีอายุต่างกับลั่วเสี่ยวปิงมากนัก เขาไปเหมาะสมที่สุดแล้ว”
จูเจิ่งเย่ คือบุตรชายคนรองที่เป็นทายาทโดยตรงของจูซิ่วจื้อ ปีนี้อายุยี่สิบห้าปี เป็นชายรูปงามที่ติดอันดับของเมืองหลัว
เมื่อได้ยินลุงจูซิ่วเต๋อให้ตัวเองไป จูเจิ่งเย่ไม่ได้ปฏิเสธ“ได้ช่วยแบ่งเบาภาระของตระกูล มันคือหน้าที่ของข้า”
จูเจิ่งเย่กล่าวเช่นนั้น แต่ในหัวสมองกลับนึกถึงรูปลักษณ์ของลั่วเสี่ยวปิง
หญิงสาวที่งดงามปานนั้น แล้วยังมีความสามารถอีก หากได้มาครอบครอง เขาจะดูมีน้ำหนักมากขึ้นในตระกูลจู
คิดอยู่เช่นนั้น ในสายตาของจูเจิ่งเย่ก็มีประกายแสงวาบผ่าน
ในเวลานี้ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้ว่ามีใครบางคนในตระกูลจูเริ่มตั้งเป้ามาที่นางอีกครั้ง เมื่อได้รู้ผลสรุปที่ต้องการ หลังออกจากเรือนของลั่วเสี่ยวอวี่ ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มเดินเล่นในตระกูลจู
ไม่ได้ไปในที่ที่คนพลุกพล่าน แต่กลับไปในทิศทางที่ห่างไกล
เมื่อพิจารณาจากสถานที่ที่ตัวเองตื่นขึ้นมา สถานที่ที่อยู่ห่างไกลของตระกูลจูแห่งนี้อาจจะซ่อนสิ่งสกปรกเอาไว้
ตลอดทางลั่วเสี่ยวปิงตั้งใจหลบเลี่ยงคนรับใช้ของตระกูลจู เพียงไม่นานก็มาถึงเรือนที่ค่อนข้างห่างไกลและทรุดโทรม
เสียงภายในค่อนข้างดัง ลั่วเสี่ยวปิงสงสัย จึงได้ทำให้ยามสองคนที่เฝ้าอยู่สลบแล้วก็เดินเข้าไป
ลั่วเสี่ยวปิงเพิ่งจะผลักประตูเดินเข้าไป เสียงทั้งหมดในเรือนก็เงียบลงอย่างกะทันหัน ดวงตาที่ตื่นกลัวหลายสิบคู่มองไปทางประตูพร้อมๆกัน เมื่อเห็นว่าคนที่มานั้นคือลั่วเสี่ยวปิง ความตื่นกลัวที่อยู่ในดวงตาเหล่านั้นก็หายไป สายตาส่วนใหญ่เปลี่ยนจากความตื่นกลัวเป็นความประหลาดใจ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นิ่งเงียบไม่แสดงอาการใดๆ
ลั่วเสี่ยวปิงมองเด็กที่มีอยู่เต็มเรือน ดวงตาของนางมืดมนเล็กน้อย
ใช่ เจ้าของดวงตาหลายสิบคู่เหล่านั้นเป็นเพียงเด็กผู้หญิง
มองดูแล้วคนที่ตัวเล็กที่สุดก็น่าจะมีอายุเพียงแค่เจ็ดแปดขวบ โตสุดก็น่าจะแค่สิบสองสิบสาม ไม่มีคนที่ดูจะบรรลุนิติภาวะเลยสักคน
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น บรรยากาศดูอึมครึมไปชั่วขณะหนึ่ง
คิดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงจึงพูดกับเสี่ยวเฉ่าว่า“เสี่ยวเฉ่าไม่ได้น่ารังเกียจ เสี่ยวเฉ่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้มแข็งที่สุดในธรรมชาติ ไม่ว่าจะพบกับปัญหาที่หนักถึงเพียงใด แม้จะถูกไฟแผดเผา ฤดูใบไม้ผลิปีต่อไปก็ยังคงได้รับชีวิตใหม่”
เสี่ยวเฉ่าได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง มองลั่วเสี่ยวปิงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่กลับสบตาเข้ากับสายตาอันแน่วแน่ของลั่วเสี่ยวปิง
นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเฉ่าได้รู้ว่าความหมายของเสี่ยวเฉ่าไม่ใช่ความน่ารังเกียจ ทำให้หัวใจดวงน้อยๆของนางมีแต่ความสั่นไหว
เมื่อคิดอย่างรอบคอบ เสี่ยวเฉ่าถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ทุกครั้งที่นางตัดหญ้าหมู หญ้าก็จะงอกขึ้นใหม่หลังจากที่ผ่านไปไม่นาน
ที่แท้ นี่ถึงจะเป็นความหมายของเสี่ยวเฉ่าที่นางไม่รู้สินะ?
“พี่สาว ข้าจะเข้มแข็งเหมือนเสี่ยวเฉ่า”
เป็นครั้งแรก ที่เสี่ยวเฉ่าได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้น่ารังเกียจ ในใจของนางมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
“เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?”
ทันใดนั้น เสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นตรงหน้าประตู
ภายในเรือนเด็กหญิงคนอื่นๆที่ตกตะลึงเพราะคำพูดของลั่วเสี่ยวปิง หลังจากที่ได้ยินเสียง ก็เกิดความตื่นกลัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ลั่วเสี่ยวปิงเหลือบมองเด็กเหล่านี้ ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้รู้สึกถึงการกินปูนร้อนท้อง หันกลับไปอย่างใจเย็น
กลับเห็นว่ามีชายรูปงามคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู รูปลักษณ์ของชายผู้นั้นไม่เลว สวมใส่ชุดอันงดงามดูดี ณ ตอนนี้กำลังหรี่ตามองดูเด็กหญิงเหล่านั้น แต่เมื่อเห็นว่าลั่วเสี่ยวปิงหันมา สายตาของชายคนนั้นก็อ่อนลง
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คือจูเจิ่งเย่ที่ตั้งใจมาหาลั่วเสี่ยวปิงโดยเฉพาะ
ก่อนที่จูเจิ่งเย่จะมาที่นี่ ได้สั่งให้คนหาทั่วจวน ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึงว่าลั่วเสี่ยวปิงจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ยิ่งกว่านั้นยังทำให้คนคุ้มกันที่ทำหน้าที่เฝ้ายามสลบไปสองคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...