แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 390

ไม่เพียงแต่อู๋เทียนเจียว แม้แต่ลั่วเสี่ยวปิงเองก็ตกใจมากที่อู๋เทียนป้าตอบสนองได้ตื่นตัวเช่นนี้

แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ

นางตามอู๋เทียนป้ามา ก็เพราะต้องการรู้อะไรบางอย่างจากอู๋เทียนป้า

ตอนนี้ได้เจอกับพี่สาวของอู๋เทียนป้าแล้ว คิดว่านางคงรู้อะไรมากกว่า

คิดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็มองไปทางอู๋เทียนเจียว“เรื่องของตระกูลจู เจ้ารู้มากเท่าไหร่?”

เสียงของลั่วเสี่ยวปิงสงบนิ่ง แต่กลับมีแรงเสียบทะลุมาก ทำให้อู๋เทียนเจียวได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว

เมื่ออู๋เทียนเจียวสบตาเข้ากับสายตาอันสงบนิ่งคู่นั้นของลั่วเสี่ยวปิง ในใจก็อดที่จะสั่นไหวขึ้นมาไม่ได้ ในใจราวกับมีอะไรกำลังงอกขึ้นมา แต่กลับถูกอู๋เทียนเจียวพยายามระงับมันลงไป

“เจ้าว่าอะไรนะ?” อู๋เทียนเจียวพยายามทำให้ตัวเองสงบ แต่ดวงตากลับมองไปทางลั่วเสี่ยวปิงด้วยความหวัง

อู๋เทียนเจียวคิดว่าตัวเองเก็บซ่อนมันได้ดีมาก แต่กลับไม่รู้ว่าแสงในดวงตาของนางถูกลั่วเสี่ยวปิงมองอยู่ในสายตา

แม้จะบอกว่าอู๋เทียนเจียวเป็นเหมือนสายน้ำใสสะอาดในตระกูลจู การเปิดสวนผักในมุมหนึ่งของตระกูลจูแห่งนี้คือการละเลยชื่อเสียงผลประโยชน์และออกห่างจากการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แต่แก่นแท้ของนางก็น่าจะพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีและยอมแพ้ต่อการต่อสู้อยู่แล้ว

แต่ จากสายตาของอู๋เทียนเจียวจะเห็นได้ว่าความจริงนั้นแตกต่างออกไป

เมื่อมีการคาดเดาแล้ว ก็ต้องมีการพิสูจน์

แต่ก่อนที่ยังไม่แน่ใจ ลั่วเสี่ยวปิงก็จะไม่ตีหญ้าให้งูตื่น จึงได้กล่าวว่า“ข้าพูดอะไร ในใจของเจ้าน่าจะรู้ดี”

มือของอู๋เทียนเจียวกำหมัดขึ้นมาเบาๆ สายตากลับไม่ได้ละออกจากใบหน้าของลั่วเสี่ยวปิงเลย“ถึงข้าจะรู้อะไรอยู่บ้าง บอกกับเจ้าแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?”

อู๋เทียนป้ามองไปที่หญิงสาวทั้งสองคนที่สลับกันพูดคนละประโยค สีหน้างุนงง“พี่พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่?”

พูดแล้ว อู๋เทียนป้าก็มองไปทางลั่วเสี่ยวปิง“เจ้าถูกจับตัวเข้ามาอย่างไร? ที่ตระกูลจูแต่งนี้ไม่ปลอดภับ ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง”

อู๋เทียนเจียวเหลือบมองน้องชายของตัวเอง ครุ่นคิด แล้วก็กล่าวกับลั่วเสี่ยวปิงว่า“เจ้าตามข้าเข้ามาในข้างใน”

พูดแล้ว อู๋เทียนเจียวก็เดินไปทางตัวเรือน

ลั่วเสี่ยวปิงตามขึ้นไป แน่นอนว่าอู๋เทียนป้าก็ตามไปด้วย

เพียงแต่อู๋เทียนป้าเพิ่งจะถึงหน้าประตู ก็ถูกอู๋เทียนเจียวปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย“เจ้าเฝ้ารออยู่ข้างนอก”

พูดแล้ว ไม่รอให้อู๋เทียนป้าได้ตอบอะไร ก็ทิ้งอู๋เทียนป้าไว้ข้างนอกโดยตรง

อู๋เทียนป้า:“……”

ด้านในตัวเรือน อู๋เทียนเจียวและลั่วเสี่ยวปิงต่างก็นั่งลง ทั้งคู่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอยู่ครู่หนึ่ง

เมื่อเทียบกับความนิ่งเฉยของลั่วเสี่ยวปิงแล้ว อู๋เทียนเจียวดูกังวลเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่อู๋เทียนเจียวไม่พูด ลั่วเสี่ยวปิงเองก็ไม่รีบร้อนที่จะเอ่ยปาก

ในที่สุด หลังจากการชั่งน้ำหนักกำไรและขาดทุน ในที่สุดอู๋เทียนเจียวก็เอ่ยปาก“ข้าดูออกว่าเจ้าไม่เหมือนกับผู้อื่น”

คำพูดคำเดียวที่มีการหยั่งเชิงสูงมาก

ลั่วเสี่ยวปิงยิ้มบางๆไม่พูดอะไร

อู๋เทียนเจียวครุ่นคิด แล้วถามหยั่งเชิงขึ้นอีกครั้ง“ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานเกิดเรื่องขึ้นที่จวน เจ้าเป็นคนทำหรือ?”

ลั่วเสี่ยวปิงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานวันนี้อู๋เทียนเจียวก็รู้แล้ว คาดว่าอู๋เทียนเจียวคนนี้อยู่ที่ตระกูลจูก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจเรื่องภายนอกเลย

แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี หากเป็นเช่นนี้บางทีสิ่งที่นางรู้ก็อาจจะมากขึ้น

เพราะอย่างไรเสียเรื่องบางเรื่องก็สามารถสืบได้ผ่านทางพวกอั้นหวู่ แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถสืบมาได้

คิดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงพยักแล้ว“ข้าทำเอง”

อู๋เทียนเจียวตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นลั่วเสี่ยวปิงจริงๆ แต่ก็ตื่นเต้นมากจนมือสั่น

“เจ้า......เจ้าอยากรู้เรื่องของตระกูลจู เป็นเพราะอะไร?”

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูอู๋เทียนเจียวที่ตัวสั่นเล็กน้อยและกำหมัดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ถึงได้กล่าวว่า“หากข้าบอกว่า ข้าอยากจัดการตระกูลจู เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

และหากไม่ใช่เพราะนางสนใจเรื่องในราชสำนักอย่างไม่ตั้งใจ ณ ตอนนี้นางคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอ๋องคังคือผู้ใด เพราะอย่างไรเสียท้องฟ้าก็อยู่สูงองค์ฮ่องเต้ก็อยู่ห่างไกลออกไป แล้วจะเกี่ยวข้องอะไรกับนาง นางจะไปสนใจให้มากขนาดนั้นทำไม?

สำหรับเรื่องที่อ๋องคังเป็นบุตรชายของฮองเฮา เริ่มแรกนางก็ไม่ได้มีความทรงจำที่ดีนัก

น้องชายของฮองเฮาไร้ศีลธรรมได้ถึงขั้นนี้ แล้วยังจะคาดหวังให้บุตรชายของฮองเฮาเป็นคนเช่นไร?

ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความทรงจำที่ด้านลบของตัวเองก็ไม่ได้มาอย่างไร้สาเหตุ

ดังนั้นเมื่อได้ยินอู๋เทียนเจียวพูดถึงอ๋องคัง ลั่วเสี่ยวปิงไม่มีความกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว กล่าวว่า“บุตรแห่งสวรรค์ทำความผิดก็มีโทษเช่นเดียวกับคนทั่วไป ยิ่งกว่านั้นคนของตระกูลจูอ๋องคังอาจจะไม่สนใจก็ได้”

ตระกูลจูสำหรับอ๋องคังแล้ว อย่างมากสุดก็แค่ขาข้างหนึ่งของหนอนที่มีหลายร้อยขาก็เท่านั้น อ๋องคังที่อยู่ห่างไกลจะมายุ่งนั่นสิถึงจะเป็นเรื่องแปลก

อย่างมากที่สุดก็เพียงทำให้อ๋องคังไม่พอใจ แต่กลับไม่มีทางทำเรื่องให้ใหญ่โต

อู๋เทียนเจียวเห็นว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่กลัวแม้กระทั่งอ๋องคัง ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ“เจ้าไม่กลัวว่า......”

“ไม่กลัว!”

อย่างไรเสียนางก็มีที่พึ่ง

ไม่พูดไม่ได้ ความรู้สึกของผู้ที่มีที่พึ่งมันก็ไม่เลว แทงทะลุฟ้าก็ไม่กลัว

แน่นอน เหตุผลพื้นฐานที่นางไม่กลัวไม่ใช่เพราะฉีเทียนเห้า แต่เพราะคาดการณ์อย่างมั่นใจว่าอ๋องคังไม่มีทางสนใจเรื่องนี้

แต่ถึงจะคาดการณ์ผิดพลาดไปก็ไม่เป็นไร เพราะเดิมทีนางก็ไม่ได้คิดจะลงมือเอง ยืมแรงไปตีแรงเป็นวิธีที่ดี

อู๋เทียนเจียวเห็นลั่วเสี่ยวปิงมีสีหน้าสงบนิ่ง หลังตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกวางใจอย่างบอกไม่ถูก

ความรู้สึกราวกับคนที่จมน้ำอยู่นาน ทันใดนั้นก็เห็นต้นหญ้าที่สามารถช่วยชีวิตได้

อู๋เทียนเจียวรู้สึกว่า ต่างก็เป็นหญิงเหมือนกัน ขนาดลั่วเสี่ยวปิงยังไม่กลัว แล้วตัวเองจะต้องกลัวสิ่งใดอีก? ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็มีเพียงเท่านั้น มันดีกว่าการฝืนมีชีวิตอยู่ในตระกูลจู

คิดแล้ว อู๋เทียนเจียวจึงได้วางใจลง มองไปทางลั่วเสี่ยวปิง“ข้าสามารถบอกทุกอย่างที่ข้ารู้ให้กับเจ้าได้ แต่เจ้าต้องตกลงในเงื่อนไขของข้าข้อหนึ่ง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง